บท
ตั้งค่า

ปีศาจน้อย 3

“ท่านพี่คิดถึงข้าหรือไม่?”

“...!?”

อีกครั้งที่ผู้ถูกเรียกอย่างสนิทสนมได้แต่อึ้ง ยิ่งได้ยินประโยคเช่นนั้นยิ่งตะลึงวูบ ทว่าเว่ยหยางกลับทำได้เพียงก้มมองแม่นางน้อยอยู่เงียบๆ หัวคิ้วขมวดแน่น โทสะสายหนึ่งฉายวาบในแววตา

แต่ไหนแต่ไรมา บุรุษเช่นเขามักจะไร้ความรู้สึกเสมอเย็นชาต่อทุกสรรพสิ่ง ปราศจากต่อความสนใจในอิสตรี

และเป็นความจริงที่ว่า เขาไม่เคยพ่ายให้สาวงามนางใดมาก่อน กระทั่งยาปลุกกำหนัดกระตุ้นเร้ายังไม่มีผลกับเขา สาวใช้ห้องข้างก็ไม่มี เรื่องท่องราตรีเชยชมหญิงงามยิ่งไม่เคย

เขาละเลยเรื่องความรักจนสิ้น

เว่ยหยางนับเป็นบุรุษที่สนใจเพียงการศึกโดยแท้ นับแต่เกิดจนอายุสิบแปดปี ตัวเขาใช้ชีวิตในค่ายทหารมาโดยตลอด จนได้ตำแหน่งแม่ทัพมาครอง ถึงแม้หลายคนจะกังขา เห็นว่าเขาเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ อายุเพียงเท่านี้ก็ได้ตำแหน่งสมใจ ตัวเขาก็หาได้ใส่ใจนำพา กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายหมดลงที่ริมผา

การถูกหักหลังจากบุคคลสำคัญที่เขาเชื่อมั่นอย่างโง่เขลาอยู่ฝ่ายเดียว ทำให้เขายอมวางดาบแล้วปลดละวางตนเองเช่นนี้

แต่กระนั้น ...ความสนใจที่จะหาคู่ครองมาเติมเต็มกลับไม่เคยบังเกิด เขาเพียงแค่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยตามขุนเขาเท่านั้น

ทว่าสตรีไม่คาดฝันตรงหน้ากำลังเขย่าก้อนเนื้อในโพรงอกด้านซ้ายของเขาอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้

เว่ยหยางไม่แน่ใจว่าคืออะไร ทั้งนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจยากสลัดทิ้งตั้งแต่ลืมตาที่ก้นเหว คือริมฝีปากจิ้มลิ้มและดวงตาพิสุทธิ์ไร้เดียงสาคู่นี้

ช่วงหลายสามสี่ปีที่ผ่านพ้น หลังเฉียดความตายครานั้น ยังมีพวกที่รู้ว่าเสี้ยนหนามผู้นี้ยังไม่ตาย เขาจึงถูกตามล่าไม่ว่างเว้น ระหว่างการต่อสู้เฉียดประตูผี เขากลับคิดถึงริมฝีปากนี้ ดวงตาคู่กลมนี่ ทุกครั้ง...อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้

ชายหนุ่มได้แต่นึกแปลกใจ และรู้สึกไม่ชอบใจในคราเดียวกัน

ยามนี้ วาจาเกินงามของนางยิ่งก่อเกิดคลื่นบางอย่างในห้วงอารมณ์ลึกลับ คล้ายพยับหมอกก่อตัวก่อนพายุโหม แต่กระนั้นกลับมีแสงแดดสดใสพยายามส่องสว่างเสียดแทงหมู่เมฆา

ถึงแม้เว่ยหยางจักกำลังอยู่ในภาวะสับสนของตนไม่น้อย หากแต่ปากกลับตอบเสียงเรียบไว้เชิงวางท่าว่า “ที่แท้ก็เป็นเจ้า”

“ท่านพี่จำข้าได้” เพ่ยหลิงเอียงคอเอ่ยเสียงใส สองตายังคงเป็นประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าท้องฟ้าแรกอรุณรุ่ง

เว่ยหยางให้รู้สึกคล้ายแสบตา แต่ยังตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยชาว่า “แน่นอน ข้าย่อมจำผู้มีพระคุณได้”

จบคำยังแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม แผ่กลิ่นอายร้อนระอุ

“ท่านพี่ไม่สบายรึ?”

ที่เอ่ยเช่นนี้เพราะรับรู้ได้ว่าคนตัวโตใจเต้นแรงปานนั้น ฝ่ามือน้อยๆ จึงเอื้อมขึ้นแตะแผงอกด้านซ้ายของเขาอย่างห่วงใย

เมื่อถูกปลายนิ้วนุ่มสัมผัส เว่ยหยางยิ่งไม่อาจคลายวงคิ้วได้จริงๆ ทั้งการเรียกขานและการกระทำโจ่งแจ้ง ทำให้โทสะในดวงตายิ่งเดือดพล่าน ความโกรธกรุ่นยิ่งแตกซ่านยากระงับ

“ข้าสบายดี” ชายหนุ่มกล่าวพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว เว้นระยะห่างต่อสตรีตรงหน้า “เจ้าอย่างได้ห่วงจนเกินงาม”

นอกจากจะมิได้สังเกตต่อท่าทีห่างเหินอย่างจงใจของชายตรงหน้า สาวน้อยเพ่ยหลิงยังเอ่ยถามอีกว่า “ข้าย่อมห่วงใย ในเมื่อท่านคือว่าที่สามีของข้า”

“...!?”

คนฟังได้แต่อึ้งซ้ำซ้อนอยู่เช่นนั้น

เพ่ยหลิงหาได้นำพา นางยกยิ้มสว่างจ้า

ไม่ผิด! ชายผู้นี้คือว่าที่สามีของนาง เด็กสาวคิดอย่างหมายมั่นแน่นอนแล้ว

คนตัวเล็กยังสำทับอีกประโยค “ข้าได้มีโอกาสช่วยเหลือท่านเมื่อครานั้น พรหมลิขิตเราสองให้เป็นคู่ยวนยางแน่นอน”

เว่ยหยางถึงกับสะอึกก่อนลอบกระแอมไอเบาๆ หนึ่งที แล้วปรามเสียงขรึมว่า “แม่นางน้อยโปรดอย่าเรียกข้าเช่นนั้นเลย หากผู้อื่นมาได้ยิน ย่อมมิใช่ข้าที่เสียหาย แต่เป็นเจ้าที่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นด้วยซ้ำ อีกอย่าง...ข้าย่อมตอบแทนเจ้าที่ช่วยเหลือ หากแต่ต้องมิใช่เชิงชู้สาว หรือเรื่องราวเกี่ยวกับความรักชายหญิง”

เป็นประโยคตัดรอนซึ่งหน้า ท่าทีเย็นชาชัดเจน สาวน้อยเอียงคอมองฉงน อึดใจก็ฉุกคิดได้หนึ่งประการ ว่าในอดีตบิดาก็เย็นชาต่อมารดาเช่นนี้

เพ่ยหลิงจึงมองเว่ยหยางด้วยสายตาไม่รู้สึกรู้สาต่อถ้อยวาจาไร้ปรานี ในใจกำลังสงสัยอยู่สองคำ

เชิงชู้สาว

ความรักชายหญิง

แน่งน้อยมองผู้พูดอย่างงุนงง ไม่ค่อยเข้าใจความหมายสักเท่าใด แต่กระนั้นเมื่อถูกว่าที่สามีสอนสั่งนางย่อมเชื่อฟังทุกสิ่ง จึงรีบพยักหน้าตอบรับ

“อื้ม...ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นให้ข้าเรียกท่านพี่ว่าอย่างไรดี”

เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ ที่เว่ยหยางต้องครุ่นคิด ประหนึ่งวางแผนการศึกยามศัตรูล้อมประชิด

“ข้ามีนามว่าเว่ยหยาง แม่นางน้อยโปรดสำรวมด้วย”

“คุณชายเว่ยหยาง” เสียงใสเรียกอย่างห่างเหินบ้าง

ทว่ามิทราบเพราะเหตุใด ผู้ถูกเรียกกลับรู้สึกเสียดายอยู่ในอกลึกๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel