ปีศาจน้อย 2
ใต้ฟ้ากว้าง พนาไพศาล ลำธารหลากเส้นหลายสาย ทุกสิ่งล้วนเย้ายวนใจ ชวนหลงใหลให้ท่องหล้า
สาวน้อย หมิงเพ่ยหลิง จึงออกเดินทางอย่างซุกซนไปทั่ว โดยไม่หวาดกลัวต่ออันตรายใดๆ ปีนี้นางอายุสิบสามปีแล้ว อีกสองปีก็จะได้เข้าพิธีปักปิ่นเหมือนพี่สาว แล้วก็แต่งงานกับบุรุษสักคนหนึ่งที่พึงใจ
ปณิธานอันยิ่งใหญ่ของสตรีธรรมดาคนหนึ่งก็มีเท่านี้ เติบโต งดงาม ยืนหยัด สืบทายาท
แน่นอนว่าเพ่ยหลิงเข้าใจในทุกเรื่องราว เด็กสาวเข้าใจว่าการแต่งงานคืออันใด มีขั้นตอนอย่างไร และต้องปฏิบัติตัวต่อบุรุษเยี่ยงไร
เพราะว่าที่บ้านของนาง ตั้งแต่บิดามารดาและพี่ๆ ทุกคนล้วนแสดงให้เห็นในทุกวันจนเป็นที่ประจักษ์ และนางก็จะทำเช่นนั้นกับบุรุษผู้เป็นสามี
หนึ่งคือต้องแสดงความรัก ไม่ว่าจะเป็นหอมแก้ม จุมพิต
สองยังต้องทำตัวอ่อนแอปวกเปียกออดอ้อนเชื่อฟัง
และสามต้องเป็นสาวใช้ผู้แนบเนียน
สิ่งเหล่านี้ เพ่ยหลิงล้วนได้รับรู้เรื่องราวของบิดามารดาผ่านพี่สิบเอ็ด อันเป็นเรื่องเล่าจากพี่สู่น้องเป็นทอดๆ
นับแต่พี่ใหญ่ที่ได้ฟังจากบิดามารดาโดยตรง แล้วเล่าให้พี่รองฟัง จากนั้นก็พี่สาม พี่สี่ พี่ห้า พี่หก ตามลำดับลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงน้องคนสุดท้องลำดับที่สิบสอง คือตัวนาง
เพ่ยหลิงเชื่อฟังพี่ๆ ทุกคน ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะดื้อรั้น
ถึงแม้ว่าบางครั้งพวกพี่ทั้งหลายจะแย่งกันเล่า บางคราวยังทะเลาะถกเถียงกันว่าข้าเล่าถูกเจ้าเล่าผิด กระนั้น เด็กน้อยก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ มองพี่ๆ แล้วเก็บข้อมูลอยู่เงียบๆ ทำความเข้าใจได้เองในทุกเรื่องราว
เพ่ยหลิงนับเป็นคนฉลาดเฉียบคมผู้หนึ่ง นางได้รับความปราดเปรื่องจากบิดามาไม่น้อย ทว่ากลับมีความใสซื่อไร้เดียงสาฉาบทับเอาไว้มากล้น
กลางป่าริมลำธารสวยใส...
ทันทีที่ร่างเล็กน่ารักในอาภรณ์สีฟ้ากระจ่างโผล่พ้นพุ่มไม้ นัยน์ตาสุกสกาวราววารีผลึกแก้วก็มองเห็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ไม่ไกล สาวน้อยจึงพลั้งเผลอเผยสีเขียวรำไรในดวงตาดำขลับวูบหนึ่ง
ด้วยภาวะตกตะลึงจึงเป็นเช่นนั้น
เพ่ยหลิงไม่คิดว่าจะมีใครมานั่งอยู่กลางป่าเช่นนี้ และยิ่งไม่คิดว่าคนผู้นั้นจะเป็นชายผู้ซึ่งนางเคยช่วยเหลือตรงหน้าผา
เด็กสาวเป็นคนที่มีความจำดีมาก เมื่อเห็นคนคุ้นตาจึงตกใจไม่เบา ดวงตาพลันแปรเปลี่ยนชั่ววูบหนึ่ง
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว เพ่ยหลิงยามนั้นอายุยังไม่ถึงสิบหนาว บังเอิญเจอเข้ากับการรุมทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม
ชายผู้หนึ่งถูกถ้อยวาจาทำร้ายจนสติหลุดชะงักนิ่ง เมื่อจับใจความฟังคำจึงรับรู้ได้ว่านี่คือการหักหลังจากบุคคลใกล้ชิด ที่สนิทถึงขั้นเป็นคนในครอบครัว
ชายผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติ แล้วถูกจับโยนตกหน้าผา เพ่ยหลิงจึงลอยตัววูบตามลงไป แล้วได้ช่วยเหลือ
วันนี้ได้เจออีกครั้ง เขานั่งเป็นสง่าอยู่ใต้ต้นไม้ริมลำธาร สวมผ้าเนื้อหยาบสีดำ แผ่นหลังหยัดตรง ชันเข่าหนึ่งข้าง ใบหน้าหล่อเหลาล้อมไปด้วยเส้นผมสีดำขลับที่ปล่อยสยายลู่ตามลม
สายตาของเขาเย็นชามาก ท่าทางแข็งกระด้างปานศิลาหุ้มเกล็ดน้ำค้างเย็นเยียบ มองมาทางนางราวกับต้องการกลืนกิน
ริมลำธาร…
ร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์เนื้อหยาบสีดำนั่งนิ่งชะงักงันไม่อาจไหวติงกระทั่งกะพริบตา เมื่อหันไปแล้วเห็นแน่งน้อยในความทรงจำ
เว่ยหยาง อดีตขุนพลตระกูลจ้าวอันยิ่งใหญ่ แม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกร ทายาทสายหลักของสกุลซึ่งถูกทำร้ายจนตกหน้าผา ร่างกายบาดเจ็บสาหัสจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ก้นเหวครานั้น ยามลมหายใจเสี้ยวสุดท้ายใกล้หลุดลอย เขาลืมตาที่ร้อนระอุไปด้วยธาราโลหิตสีแดงฉาน ทันได้เห็นสตรีนางน้อยผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังใช้ปราณเย็นแปลกประหลาดช่วยชีวิตเขา ก่อนจะก้มลงจุมพิตเขาไปหนึ่งที แล้วยกยิ้มร่าเริงเดินจากไป
เดิมทีด้วยภาวะพร่าเลือน เขาเห็นนางแค่รำไร ทว่าเพียงกลีบปากถูกแตะแต้ม ทุกสิ่งจึงเด่นชัด เขาจำได้กระทั่งขนตานาง
ชายหนุ่มหรี่ตาเพ่งพินิจนางน้อยตรงพุ่มไม้ที่ขโมยจุมพิตบุรุษอย่างหน้าไม่อาย
นางโตขึ้นจากวันวานไม่น้อย แต่ให้มองอย่างไรก็ยังไม่ถึงวัยออกเรือนแน่ๆ แต่กลับรู้จักการประทับจุมพิตบุรุษแล้ว
เว่ยหยางหรี่ตามอง เห็นได้ชัดว่าชุดสีฟ้ากระจ่างที่ห่อหุ้มร่างงามตรงหน้าอกยังคงใกล้เคียงคำว่าแบนราบอยู่มาก ช่วงเอวคอดกิ่วยังคงขนานกับสะโพกอย่างเที่ยงธรรมปราศจากความโค้งเว้างามงอนอันใด ความสูงก็แค่กึ่งกลางหน้าอกของเขาเท่านั้น คงอีกนานนักกว่าผลท้อลูกนี้จักกินได้
ไม่รู้เพราะเหตุใด ที่เว่ยหยางคิดการเลยเถิดในเรื่องไม่เป็นเรื่องไปเช่นนั้น เขาลุกขึ้นยืนด้วยอาการตกตะลึงแต่ยังคงเก็บสีหน้าได้ดีตามวิสัย ไม่เผยอารมณ์อันใดออกมา มีเพียงแววตาที่แข็งกร้าว แผ่กลิ่นอายหนาวเหน็บไปถึงไขกระดูก
ในห้วงภาวะเกินให้อภัยกับความคิดบางประการ ไม่รู้ว่าเมื่อใดกัน ที่สตรีนางน้อยมายืนประชิดอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว
แผ่วเบาราวสายลม รวดเร็วดุจสายฟ้า
แม่นางน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดา เว่ยหยางรู้ดี นางมีปราณพิเศษชนิดหนึ่ง ซึ่งหากให้นิยามคงใกล้เคียงกับคำว่าไอมาร
ใต้หล้ายิ่งใหญ่มีตำนานและความเชื่อมากมาย หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของเผ่าพันธุ์เหนือธรรมชาติอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูตผี ปีศาจ เทพ เซียน ผู้บำเพียรตบะ
ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้ประสบพบพานกับอมนุษย์เหล่านี้ และเว่ยหยางก็เป็นหนึ่งในจำนวนน้อยนั้น แน่นอนว่าความกลัวย่อมไม่เคยมีในบุรุษเช่นเขา
ที่สำคัญความน่ารักของสตรีตรงหน้าไม่ใกล้เคียงกับคำว่าปีศาจเลยสักนิด
ท่ามกลางแสงแดดสาดส่อง สว่างไสวไปทั่วผืนป่า สะท้อนธาราที่ไหลเอื่อยเฉื่อย ใต้ต้นไม้ร่มรื่น บุรุษหนุ่มก้มหน้ามองสตรีนางน้อยนิ่งงัน ประหนึ่งถูกตรึงด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น
เด็กสาวแหงนหน้ามองด้วยดวงตากลมโตที่ทอประกายเจิดจรัส ริมฝีปากจิ้มลิ้มคลี่ยิ้มซุกซน พร้อมแว่วเสียงสดใสเอ่ยทักทาย
“ท่านพี่...”
“...!?”
เสียงเล็กน่ารักถูกเปล่งออกมา ทำเอาผู้ถูกเรียกถึงกับอึ้ง ร่างใหญ่แข็งค้างทันที
เพ่ยหลิงเรียกขานร่างสูงตรงหน้าอย่างมั่นใจ เพราะว่านางได้ฟังพี่สิบกับพี่สิบเอ็ดที่กำลังถกเถียงกันอย่างบ้าคลั่งพูดตรงกันประโยคหนึ่ง
พวกเขาบอกว่า หากชายใดได้รับการช่วยเหลือจากเทพปีศาจและผู้นั้นทำให้เขินอายได้ นับว่าเขาคือคู่ยวนยางที่แท้จริง
ทั้งนี้มารดาก็ขัดเขินบิดาและบิดายังหลงรักมารดาแล้วตั้งแต่ถูกช่วยเหลือ ทั้งสองคือคู่ชีวิตไม่อาจหลีกเลี่ยง
เช่นนั้น บุรุษตรงหน้าย่อมเป็นอื่นไปมิได้ตั้งแต่ก้นเหวนั่น
สาวน้อยยังคงคลี่ยิ้มสดใส จ้องมองบุรุษด้วยดวงตากระจ่างแจ้งทุกสิ่ง ยิ่งเห็นริมฝีปากได้รูปสีแดงสดน่ากดจูบ นางยิ่งมั่นใจแล้วจริงๆ
หากมิใช่คงไม่เจอกันโดยบังเอิญเป็นครั้งที่สองเช่นนี้แน่!