บทที่ 8 เจ้าของร้านดอกไม้
“ขอให้แกซื้อร้านดอกไม้ฉันแล้วก็ช่วยทำกำไรเหมือนอย่างที่ฉันทำ ห้ามปฏิเสธด้วยเพราะพรุ่งนี้ฉันจะบินไปอยู่อเมริกากับแฟนฉันแล้ว”
“เฮ้ย.ไม่เอาโว้ย” เขากะพริบตาถอยหลังชนพนักพิงยกมือขึ้นโบกพัลวัน
“ไม่เอาไม่ได้ ยังไงแกก็ต้องช่วยฉัน ฉันขายให้ไม่แพง แกซื้อได้อยู่แล้ว ช่วยซื้อหน่อยนะเพื่อนรัก ฉันจะไปพรุ่งนี้แล้วนะ”
“ไปก็ไปสิ ไม่เห็นต้องขายร้านดอกไม้นี่หว่า แกจ้างใครมาดูแลให้ก็ได้ สองสามเดือนกลับมาดูสักทีแฟนแกคงไม่ว่ามั้ง”
ภากรมองดอกไม้ที่อยู่เกือบรอบตัวของเขาแล้วมาหยุดที่ใบหน้าสวยของเพื่อนสาว หล่อนส่ายหน้าแล้วว่า
“แฟนฉันไม่ว่าแต่ฉันไม่ทำ ฉันจะขายให้แกและแกต้องรับไว้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจ้างลูกน้องสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งแกจ่ายค่าจ้างไหวอยู่แล้ว นายติขับรถส่งดอกไม้อีกคนดูแลร้านแล้วก็ช่วยจัดดอกไม้ได้ มานั่นแล้ว”
ภูสุดาพูดโดยไม่หยุดพักให้ภากรได้โต้แย้งหรือเอ่ยปฏิเสธความคิดของหล่อนแม้วินาทีเดียว หล่อนหันไปที่ประตู ธิติกับเบญจวรรณผลักบานกระจกเข้ามา
“ติ เบญ มารู้จักคุณภากรก่อน เขาจะมาเป็นเจ้านายใหม่ของเรา นี่ธิติ นั่นเบญจวรรณ”
ภากรยกมือรับไหว้สองหนุ่มสาวสีหน้างุนงง เขารับไหว้ธิติกับเบญจวรรณแต่ไม่ยอมรับเป็นเจ้านายคนใหม่ของทั้งคู่
“ฉันไม่ใช่เจ้านายใหม่เพราะฉันจะไม่ซื้อร้านนี้”
“แกปฏิเสธไม่ได้แล้วเพื่อน ฉันลงชื่อแกเป็นเจ้าของในใบสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้วช่วยเซ็นด้วยนะจ๊ะ นี่จ้ะ” หล่อนเปิดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะตรงหน้าภากรออกพร้อมกับส่งปากกาให้เขา
“พูดไม่รู้เรื่องรึไงดา ฉันไม่ซื้อ ฉันไม่รู้เรื่องดอกไม้อะไรสักอย่าง จัดไม่เป็น ถ้าลูกค้าเข้ามา ฉันจะทำยังไง” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง
“ให้ยายเบญช่วย นายติก็จัดได้แล้ว ยายเบญสอนให้ไม่กี่วัน แกรีบ ๆ เซ็นฉันจะได้สอนจัดดอกไม้ แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เป็นแล้วแหละ เซ็นซะดี ๆ” หล่อนจับปากกาใส่มือเพื่อนแต่ภากรชักมือหนี
“ไม่เอา ฉันไม่ซื้อ”
“ไอ้กร แกช่วยเพื่อนรักของแกแค่นี้ไม่ได้ใช่มั้ย แกอยากเห็นอัลเบิร์ตทิ้งฉันบินกลับอเมริกาใช่มั้ย แล้วแกอยากเห็นลูกในท้องของฉันที่จะออกมาลืมตาดูโลกอีกเจ็ดเดือนข้างหน้านี้เป็นเด็กกำพร้าขาดพ่อใช่มั้ย ก็ได้ ฉันจะไปบอกอัลเบิร์ตเดี๋ยวนี้ว่าฉันไปอยู่ที่โน่นกับเขาไม่ได้ ส่วนแกจะรีบไปหาลูกค้าก็เชิญตามสบายแล้วก็ลืมไปเลยนะว่ามีเพื่อนชื่อภูสุดา”
หญิงสาวบีบน้ำตาซึ่งมันช่างยากลำบากเสียเหลือเกินสำหรับหล่อนเพราะหล่อนไม่เคยร้องไห้ไม่ว่าจะมีเรื่องเข้ามาสุมในชีวิตมากมายเท่าไรก็ตามแต่วันนี้หล่อนจำเป็นต้องเค้นน้ำตาเพื่อให้เพื่อนรักใจอ่อนยอมรับร้านดอกไม้ของหล่อน
ภากรเคยแนะนำให้หล่อนขายให้คนที่รักงานนี้ซึ่งหล่อนสามารถทำได้และมีคนอยากได้ร้านของหล่อนหลายคนแต่หล่อนไม่ให้คนอื่นนอกจากเพื่อนรักคนนี้เท่านั้นเพราะหล่อนมั่นใจว่าภากรจะไม่ขายร้านต่อให้กับใคร ในอนาคตข้างหน้าหากหล่อนต้องกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทยต่อ ภากรยินดีขายร้านกลับคืนให้หล่อนโดยไม่อิดเอื้อน ถ้าเป็นคนอื่นใครจะยอมขายร้านสวย ๆ ทำเลดี ๆ อย่างนี้คืนเจ้าของเดิมล่ะ
“เฮ้ย แก..แก มีลูกเหรอวะ”
“เออ แกอยากเห็นหน้าหลาน เอาไว้ฉันคลอดแล้วจะส่งรูปมาให้ดูแต่ตอนนี้ถ้าแกไม่ซื้อร้านฉัน แกก็รีบออกไปแล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ความเป็นเพื่อนของเราขาดกันตั้งแต่วินาทีนี้ ไอ้ติ ส่งแขก”
หล่อนหันมาสั่งธิติเสียงดังแทบจะเป็นเสียงตะโกนเสียมากกว่า ธิติยิ้มเจื่อนไม่กล้าทำอะไรนอกจากยืนจ้องหน้าเจ้านายสาว
“ดา ใจเย็น ๆ สิวะ หยุดร้องไห้ ฉัน..ไม่ชอบน้ำตาผู้หญิงโว้ย”
“ไม่ชอบแกก็ไม่ต้องมอง รีบออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้”
หล่อนลุกขึ้นยืนชี้มือไปที่ประตูแล้วแกล้งร้องเสียงดังกว่าเดิม เบญจวรรณยิ้มแห้งหันมามองธิติแล้วหันไปที่ภากร
“คุณภากรคะ”