บทที่ 7 ร้านดอกไม้
“อ้าว.แกไม่ได้อยู่บ้านเหรอ” หล่อนถามอย่างแปลกใจ
“เออ มาทำบุญวัดใกล้ๆ บ้านนี่แหละ ป้ากับลุงให้มาถวายสังฆทาน”
“เนื่องในโอกาสอะไรวะ วันนี้ไม่ใช่วันเกิดแกนี่หว่า”
หญิงสาวยังคงอยากรู้สาเหตุที่เพื่อนรักออกจากบ้านมาทำบุญด้วยการถวายสังฆทานซึ่งปกติแล้วภากรไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก ขนาดวันเกิด บางทีเขายังไม่คิดทำบุญด้วยซ้ำต้องให้ป้าหรือไม่ก็เพื่อนคอยเตือนทุกปีแต่ทำไมวันนี้เพื่อนหนุ่มของหล่อนจึงเข้าวัดถวายสังฆทาน
“ไม่ใช่วันเกิดก็ทำได้ พูดเรื่องของแกดีกว่า มีอะไร”
“มาที่ร้านฉันแล้วจะเล่าให้ฟัง เรื่องด่วนนะโว้ย รีบมาเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ได้ ต้องไปส่งลุงกับป้าก่อนแล้วก็เอางานไปให้ลูกค้าดูเผื่อแก้ เสร็จแล้วฉันถึงจะเข้าไปหาแก โอ.เค.นะ”
“ไม่โอ.เค.ต้องมาหลังจากส่งป้าสุขแล้วเพราะฉันมีเรื่องด่วนมาก ๆ จะรบกวน แค่นี้นะแล้วเจอกัน”
ภูสุดาวางสายทันทีที่พูดจบ หล่อนกลัวการปฏิเสธของเพื่อนรักเพราะหล่อนกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนี้และต้องเป็นวันนี้วันเดียวเท่านั้น
“เฮ้ย ๆ เดี๋ยวสิวะ ไอ้ดา ไอ้ดา..อะไรของมันวะ เรื่องด่วนอะไรนักหนาวะ”
เขามองโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด ภูสุดาชอบบังคับเขาด้วยวิธีมัดมือชกกับทุก ๆ เรื่องที่หล่อนรู้ว่าเขาไม่ยอมช่วยหรือทำตามหล่อน
แบบเรือนไทยที่ชายหนุ่มไม่ได้คิดจากสมองถูกม้วนอย่างรวดเร็ว เขาจะนำแบบที่ไม่ได้ตั้งใจทำไปให้ลูกค้าดูแล้วค่อยกลับมาออกแบบด้วยตัวเองอีกครั้ง เขาขับรถออกจากบ้าน จุดหมายแรกคือร้านดอกไม้สดภูสุดา
จากถนนสายหลักเลี้ยวเข้าซอยไปประมาณ 100 เมตร ตึกสองชั้นตั้งเด่นอยู่ท่ามกลางแมกไม้ยืนต้นและสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ ด้านหน้าตึกเป็นลานจอดรถไม่กว้างมากนัก รถสามารถจอดได้ 5 คัน
ภากรเลี้ยวรถเข้าไปจอดชิดด้านซ้ายมือของลานจอด เขาเปิดประตูก้าวลงจากรถ กดปุ่มล็อคแล้วเดินตรงไปที่ตัวตึกซึ่งชั้นล่างติดกระจกด้านหน้าร้านกับด้านซ้ายมือของร้านทั้งหมด โชว์ให้เห็นความสดสวยของดอกไม้ทั้งสั่งเข้าจากต่างประเทศและดอกไม้ในบ้านเมืองของเรา
ชายหนุ่มผลักบานประตูกระจกเข้าไปด้านใน สิ่งแรกที่เขามองหาคือเจ้าของร้านคนสวยแต่ไม่เห็นแม้เงาของภูสุดาอยู่มุมใดมุมหนึ่งของร้าน
“เจ้าของร้านไม่อยู่ยังงี้ระวังดอกไม้จะหายหมดนะครับ”
ภากรส่งเสียงดังแบบไม่เกรงใจเจ้าของสถานที่ เขาเดินดูดอกไม้ในตู้กระจก ในกระถางทรงสูง ในแจกันใบใหญ่ รอยยิ้มบางกระจายเต็มดวงหน้า
“เพิ่งเห็นดอกไม้สวยวันนี้เอง” เขาพูดกับตัวเองแล้วหัวเราะ
“เป็นฤกษ์งามยามดีแล้วละท่านพี่ เพราะบัดนี้ร้านดอกไม้สดร้านนี้มันเป็นสมบัติของท่านพี่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงเนิบช้าของหญิงสาวดังมาจากบันไดขึ้นชั้นสอง ภากรหันไปมองแล้วส่ายหน้ากับกริยาเยื้องย่างราวนางงามบนเวทีของภูสุดา หล่อนยกมือประกบกันไว้ที่หน้าท้อง ดวงตาจ้องมองมายังเขาไม่กะพริบแล้วยิ้มเขินอายอยู่ในที
“ไอ้บ้า ซ้อมละครช่องไหนวะ” ภากรเท้าเอวว่าให้เพื่อน
“ไม่ได้ซ้อมละครแต่ฉันพูดด้วยความจริงจังและจริงใจ วันนี้แกจะได้เป็นเจ้าของร้านดอกไม้สดแล้วรู้มั้ยเพื่อนสุดเลิฟ”
เจ้าของร้านสาวเดินเข้ามากอดเพื่อนแล้วตบไหล่หนัก ๆ ภากรกะพริบตาถี่ ภูสุดาพูดอะไร ใครจะเป็นเจ้าของร้านดอกไม้วันนี้ เพื่อนรักของเขาเป็นไข้หวัดใหญ่หรือเปล่า อาการไข้กำเริบหรืออย่างไร เขาผลักเพื่อนออกห่างแล้วยกมือแตะที่หน้าผากเนียนของหล่อน
“ไอ้ดา ไข้ขึ้นรึเปล่าวะ ร้านนี้มันก็ร้านของแก แกจะให้ใครมาเป็นเจ้าของอีก เอ๋อไปแล้วเพื่อนกู”
“ฉันไม่ได้เอ๋อนะโว้ย ฉันพูดจริง ๆ ร้านนี้มันจะเป็นของแกไอ้กร ฉันตัดสินใจขายให้แกเมื่อเช้านี้เอง”
“เฮ้ย พูดเป็นเล่น ฉันว่าฉันพูดกับแกไม่รู้เรื่องแล้วว่ะ ไปหาลูกค้าดีกว่า”
เขาหันกลับจะเดินไปที่ประตูกระจก หล่อนวิ่งมาขวางหน้าไว้แล้วดันอกเขาให้ถอยไปนั่งเก้าอี้รับแขก
“นั่งลง ห้ามลุกนะจนกว่าฉันจะพูดจบ”
หล่อนกดไหล่เพื่อนไว้แล้วนั่งตรงข้ามกัน วันนี้ต้องบังคับให้ภากรซื้อร้านดอกไม้ให้ได้เพราะนอกจากเขาแล้วหล่อนไม่อยากขายร้านให้กับใคร หากวันหนึ่งข้างหน้าหล่อนต้องกลับมาอยู่เมืองไทยหล่อนจะขอซื้อร้านคืนจากเพื่อนรักของหล่อน
“แกมีอะไรจะพูดวะ ท่าทางมีลับลมคมนัย”
“ไม่มีลับลมคมนัยแต่ฉันมีเรื่องจะขอร้องแกนิดหน่อย” ภูสุดาเริ่มธุระของหล่อน
“ขอร้อง..ขอร้องอะไรวะ” คิ้วเข้มขมวดมุ่น ดวงตาจ้องหน้าเพื่อนสาวนิ่ง