บทที่ 6 ระแวง
ประจวบเดินออกประตูหลังบ้านเลี้ยวไปทางห้องทำงานของภากร เขาอยากรู้ว่ากระถางต้นไม้ตกแตกหรือไม่และอะไรทำให้กระถางตกจากหลักที่เป็นท่อนไม้แข็งแรงได้ พอถึงตรงจุดที่ได้ยินของหล่น ปรากฏว่าไม่มีอะไรเสียหายและไม่มีร่องรอยการหล่นของที่แตกได้สักชิ้น เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ ต้นไม้ทุกกระถางยังอยู่ดี งามสะพรั่งทุกต้น ถ้าไม่มีอะไรหล่นแตกแล้วเมื่อครู่เสียงเคล้งดังมาจากไหน
“ลุง มีอะไรแตกรึเปล่า”
ภากรเดินมาเปิดหน้าต่างกระจกที่โถงสำหรับนั่งเล่น เขาเห็นประจวบก้ม ๆ เงย ๆ หันซ้ายหันขวาครู่หนึ่งแล้ว
“ไม่มี สงสัยเสียงดังมาจากบ้านโน้น”
ประจวบชี้มือไปทางบ้านตรงข้ามขณะตอบแต่ภากรไม่เชื่อ เสียงที่ดังเมื่อครู่ไม่ได้ดังมาจากบ้านอื่นแต่ดังตรงหน้าต่างห้องทำงานของเขา ดังแรงจนเขากับทองสุขตกใจอย่างนี้จะดังจากบ้านอื่นได้อย่างไร เขาถอนใจเฮือก
“ลุงจะรดน้ำต้นไม้รึเปล่า ผมช่วย”
“ยัง สาย ๆ หน่อย ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ลุงว่ากรไปสวดมนต์ดีกว่า เดี๋ยวลุงจะนำให้”
“ดีเลยลุง เข้ามาเร็ว”
ภากรยิ้มแล้วผละออกห่างหน้าต่าง เดินขึ้นชั้นบนเลี้ยวขวาผ่านห้องนอนตัวเอง ผ่านโถงโล่งที่จัดเป็นห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ ติดกับโถงเป็นห้องเล็กอีกเช่นกัน ห้องนี้เป็นห้องพระ ประจวบจัดวางองค์พระพุทธรูปบนโต๊ะหมู่บูชาอย่างเรียบร้อย แท่นวางกระถางธูปกับเชิงเทียนอยู่ต่ำสุด แจกันดอกไม้อยู่เหนือกระถางธูป ส่วนใหญ่ประจวบกับทองสุขจะเข้ามากราบพระทุกวัน ภากรจะเข้ามาเป็นบางวันเท่านั้น
วันนี้ชายหนุ่มอยากไหว้พระมากที่สุด เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดทำงาน เหมือนตัวเองล่องลอยอยู่กลางอากาศ อาการภายในมันปั่นป่วนยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้
เสียงสวดมนต์โดยต้นเสียงมาจากประจวบดังขึ้น ภากรตั้งใจสวดมนต์และคิดถึงความฝันรวมทั้งกินรีตัวนั้น
“แผ่เมตตาให้คนในความฝันเราด้วยนะ ถ้าจะให้ดีลุงว่าแกไปถวายสังฆทานให้พวกเขา ที่มาให้เห็นในฝัน เขาต้องการให้เราทำบุญไปให้เขา”
ประจวบพูดตามความเข้าใจของตนเองและอาจเป็นความเข้าใจสืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ตายายก็ได้เพราะหากใครฝันเห็นผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก็จะหมายความว่าพวกเขามาขอส่วนบุญให้คนที่ฝันทำบุญกรวดน้ำไปให้แล้วพวกเขาจะไม่มาให้เห็นอีก ภากรเชื่อที่ประจวบแนะนำ
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ภากรชวนทองสุขกับประจวบไปถวายสังฆทานที่วัดใกล้บ้านแต่ทองสุขปฏิเสธ
“แกไปกับลุง ป้าจะอยู่บ้าน ลุงเขานำถวายพระได้”
“ก็ไปกันหมดนี่แหละป้า เดี๋ยวก็กลับ ไปเตรียมกับข้าวเดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่หลานชายจะโมโห เข้าใจ๋”
เขาแกล้งออกคำสั่งกับป้าแล้วทำหน้าเคร่งขรึมเดินหนีไปทางห้องทำงาน ทองสุขจึงต้องทำตามคำสั่งของหลานชาย
ความฝันของภากรไม่ใช่เพียงแค่ความฝันธรรมดาเสียแล้ว กินรีต้องการตัวเขาเพื่อแก้คำสาปและเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้วิญญาณที่ถูกขังเป็นอิสระได้
ทองสุขเตรียมอาหารเสร็จก่อน 10 โมงเช้าไม่กี่นาที ประจวบถอยรถหลานชายออกจากโรงจอดที่อยู่ด้านซ้ายมือของตัวบ้าน ภากรหิ้วตะกร้าอาหารออกมาที่รถและทำหน้าที่คนขับให้ป้ากับลุงนั่งสบาย ๆ
เขาไม่อยากเชื่อความฝันและสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีแต่การทำบุญอาจช่วยให้จิตใจที่สับสนของเขาสงบลงได้บ้าง
ชายหนุ่มทำตามประจวบทุกอย่างทั้งกล่าวถวายสังฆทานและถวายอาหารรวมทั้งกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้คนในฝันอย่างที่ทองสุขบอกและทันทีที่ภากรเทน้ำลงบนโคนต้นไม้หน้าวัด โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ส่งเสียงดังขึ้นจนเจ้าของสะดุ้ง
ภากรสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังแทรกความเงียบขึ้น เขาดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง มองชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอแล้วส่ายหน้าพร้อมยิ้มบาง
“ว่าไงครับคุณภูสุดา โทร.มาทำไมตอนนี้ตกใจหมด” เขาส่งเสียงทันทีที่กดรับสาย
“ตกใจอะไรของแกวะ หนีตำรวจอยู่เหรอ” ภูสุดากระซิบเบาในประโยคหลัง
“ไอ้บ้า ให้พรแต่เช้านะมึง มีอะไรก็ว่ามาจะรีบกลับไปทำงาน”