บทที่ 6 เปย์เก่งไปแล้ว
เวลา 07.40 น. ที่ลานจอดรถในส่วนของโรงงาน AAA
“คุณนาวิน ผมมาถึงแล้ว ผมรออยู่ที่ลานจอดรถนะครับ”
ผมโทรแจ้งนาวินทันทีตามเวลานัดหมายที่ผมมาถึงโรงงาน เนี่ยผมต้องตื่นเช้ากว่าเดิม ขับรถเหนื่อยกว่าเดิมเพราะต้องย้อนมารับคุณชายหน้านิ่งเพื่อไปหาลูกค้าที่ชลบุรีด้วยกันอีก ถ้าต่างคนต่างไปเจอกันที่บริษัทลูกค้าที่ชลบุรีทีเดียวเลย ผมก็ไม่ต้องเสียเวลาย้อนไปย้อนมาแบบนี้หรอก เป็นเพราะคุณผู้ชายที่เอาแต่ใจคนนี้คนเดียวเลย ชิ
แล้วสายตาผมก็เห็นใครบางคนกำลังเดินมาที่ลานจอดรถ ชุดยูนิฟอร์มพื้นๆ ของบริษัทที่ทุกคนใส่เหมือนๆ กัน ก็ไม่สามารถกลบออร่าคุณชายได้เลย เขาดูดีจริงจริง
“คุณนาวินทางนี้ครับ”
ผมเปิดประตูรถแล้วโบกมือทักทาย เพื่อส่งสัญญาณว่าผมอยู่ตรงนี้ เขาสะพายเป้เดินตรงมาที่รถผม แล้ววางเป้ไว้ที่เบาะหลังรถ แล้วผมก็ยื่นแก้วเก็บอุณหภูมิให้เขา เมื่อเขาเข้ามานั่งในรถ
“เวลคั่มดริ๊งค์ครับ”
“....”
“ลองชิมดูสิครับ ผมชงเองกับมือเลยนะเนี่ย ถ้าติดใจเดี๋ยวเวลาผมชงของผม ผมจะเตรียมมาเผื่อคุณนาวินด้วยครับ”
ถึงผมจะบ่นความเยอะคุณชายหน้านิ่ง แต่ผมก็ยังใจดีเตรียมกาแฟมาเผื่อเขาด้วย ถือว่าเป็นการผูกมิตรไปในตตัว นาวินรับแก้วจากผมแล้วค่อยๆ ยกขึ้นชิม แล้วเขาทำหน้านิ่วไปนิดนึง
“อเมริกาโน่น้ำผึ้งมะนาวครับ สูตรผมเอง เพิ่มความสดชื่นให้สมองตื่นตอนเช้า”
ผมรีบอธิบาย สรรพคุณ ขายของหน่อย
“แปลกดีกาแฟกับมะนาว แต่มันก็ไม่ได้แย่นะ แค่ยังไม่ชิน ถ้ากินบ่อยๆ ก็คงชินนะครับ”
นี่ผมได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่านี่ ทำไมรู้สึกตัวเองหน้าร้อนวูบวูบ เหมือนกับว่าเขาอยากให้ผมชงมาให้กินทุกวันงั้นแหละ หรือว่าผมจะคิดมากไปเอง
“เอ่อออ... ถ้าบ่อยๆ นี่จะจ่ายให้ผมเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนดีครับ”
พูดจบผมก็หัวเราะกลบเกลื่อน ผมแอบเห็นคนนั่งข้างข้างยกยิ้มที่มุมปากก่อนพูดว่า
“เอาบัตรเครดิตผมไปรูดเองเลยมั้ย”
โอ้วว้าวววว... ตายแล้ว ผมหายตัวไปซะตอนนี้เลยได้ไหมเนี่ย อยากวิ่งไปกรี๊ดดังดัง แต่ทำไรไม่ได้ ได้แต่นั่งหน้าร้อนวูบวาบจับพวงมาลัยแล้วเหยียบคันเร่งไป
‘เฮ้ยแกร... ผมอยากรู้ เค้าพูดแบบนี้มันคืออะไร คนปกติที่ดูนิ่งนิ่ง พูดน้อย ทำไมพูดมาแต่ละที ทำเอาจิตใจผมมันปั่นป่วนไปหมด โอ้ยย.. พระเจ้าช่วยผมไปไม่เป็นแล้ว’
ทางด้านนาวิน
เมื่อถึงเวลานัดหมาย ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากคนหน้าหวาน แล้วเดินไปยังพิกัดที่เขาบอก เห็นเขาโบกมือทักทายเรียกผม พร้อมรอยยิ้มที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องใจละลาย พอผมเข้าไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเขา ก็มีแก้วกาแฟแบบที่เก็บอุณหภูมิได้ถูกยื่นมาที่ผม พร้อมเสียงใสใส
“เวลคั่มดริ๊งค์ครับ”
ผมแอบแปลกใจแล้วรับแก้วมาอย่างงงงง เจ้าของแก้วที่ยื่นมา ยังพูดต่ออีกว่า
“ลองชิมดูสิครับ ผมชงเองกับมือเลยนะเนี่ย ถ้าติดใจเดี๋ยวเวลาผมชงของผม ผมจะเตรียมมาเผื่อคุณนาวินด้วยครับ”
เมื่อโดนเชิญชวนให้ชิมอีกครั้ง ผมก็ค่อยๆ จิบ แล้วผมก็ต้องทึ่งและอึ้งไปเล็กน้อยกับรสชาติใหม่ ที่ผมไม่เคยลิ้มลอง มันมีความขมและหอมของกาแฟ แต่ก็มีความหวานอมเปรี้ยวติดที่ปลายลิ้นเล็กน้อย อืมมม แปลกดี และดูเหมือนคนตรงหน้ากำลังรอการประมวลผลของผมอยู่
“อเมริกาโน่น้ำผึ้งมะนาวครับ สูตรผมเอง เพิ่มความสดชื่นให้สมองตื่นตอนเช้า”
คนหน้าหวานรีบบอกผม ผมจึงบอกเขาไปว่า
“แปลกดี กาแฟกับมะนาว แต่มันก็ไม่ได้แย่นะ แค่ยังไม่ชิน ถ้ากินบ่อยๆ ก็คงชินนะครับ”
ผมสังเกตเห็นคนหน้าหวาน ทำหน้าเหวอไปแป๊บ พร้อมก้มหน้างุด บอกผมด้วยเสียงเบาเบาแล้วตามด้วยเสียงหัวเราะที่ดูแล้วยังไง ก็เหมือนการกลบเกลื่อนอาการบางอย่าง
“เอ่อออ... ถ้าบ่อยๆ นี่จะจ่ายให้ผมเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนดีครับ”
ผมก็ตอบไปสั้นสั้นด้วยความอยากแกล้งคนข้างข้างว่า
“เอาบัตรเครดิตผมไปรูดเองเลยมั้ย”
ดูทรงแล้วคำพูดของผม น่าจะทำให้อากาศในรถร้อนขึ้น เพราะผมเริ่มสังเกตเห็นสีหน้าของคนหน้าหวานที่นั่งข้างๆ เริ่มแดงระเรื่อ มองยังไงก็น่ารัก จนผมอยากแกล้ง อยากแหย่ อยากเห็นอาการเขินอายแบบนี้ อยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้ และอยากเก็บไว้ดูคนเดียว
ณ.บริษัทอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งหนึ่งที่ชลบุรี
พอมาถึงบริษัทลูกค้าผมกับพ่อหนุ่มหน้านิ่งซึ่งตอนนี้มักมีอาการและคำพูดแปลกๆ ได้เข้าร่วมประชุมกับลูกค้า ผมนั่งดูเขาพรีเซ้นต์งานให้ลูกค้า ด้วยคำพูดที่ชัดถ้อยชัดคำ ดูจากการถามตอบระหว่างเขากับลูกค้า ช่างเป็นมืออาชีพมากๆ พวกเขาพูดจาด้วยภาษาวิศวะกันซึ่งผมฟังดูแล้วไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด ผมว่ามันเป็นภาษาต่างดาวมากกว่านะ แต่ดูแล้วพวกเขาน่าจะมาจากดาวดวงเดียวกัน ดูจะเข้าใจกันดี ผมเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะถ้าเป็นเรื่องเนื้อหาแล้วมีคุณสมองกลหน้านิ่งของผมมาด้วย อย่างไรก็รอด หลังจากเสร็จการประชุมเราก็เตรียมเดินทางกลับกัน
“วันนี้ต้องขอบคุณคุณนาวินกับคุณณัฏฐ์มากเลยนะครับที่มาพรีเซ็นต์ให้ถึงโรงงานเลย”
ลูกค้าที่ชื่อคุณเกรียงไกรกล่าวขอบคุณพวกผม
“ด้วยความยินดีครับ ยังไงผมก็ต้องของฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ มีอะไรเรียกผมได้เลย ปกติคุณเกรียงไกรประจำที่ไหนหรือครับ ที่โรงงานหรือที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพครับ”
ผมสนทนากับเขาด้วยวิถีของเซลส์นักขายของ
“ปกติผมประจำที่กรุงเทพครับ”
คุณเกรียงไกรตอบพร้อมยิ้มให้ผม
“ดีเลยครับ เอาไว้วันหลังถ้าคุณเกรียงไกรว่าง ผมขอเข้าไปหาที่ออฟฟิศบ้างนะครับ เผื่อจะขอกาแฟทานสักแก้วสองแก้ว”
“ยินดีเลยครับ มากกว่ากาแฟ ผมก็เลี้ยงได้นะครับ”
คุณเกรียงไกรพูดจบเอามือมาแตะไหล่ผม แล้วลูบลงช้าช้า จนผมต้องเบี่ยงหลบ มันอันตรายเกินไปแล้ว
“ผมต้องขอตัวกลับก่อนดีกว่า ผมมีประชุมบ่ายเดี๋ยวไม่ทัน ขอตัวนะครับ”
พ่อหนุ่มหน้านิ่งชิงพูดมานิ่มนิ่มแบบนิ่งนิ่ง พร้อมมองผมด้วยหางตา แล้วก้มหัวให้คุณเกรียงไกรเป็นเชิงการกล่าวลา
พอขึ้นรถ บรรยากาศดูตึงเครียดไปนิด ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตนเอง เอาไงดีนะเรา เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ยจู่จู่ก็บึ้งตึง ผมควรทำลายความเงียบนี้ดีไหมนะ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไร ก็มีเสียงบางอย่างดังมาก่อน
“หิวแล้ว หาไรกินกัน”
“....”
“คุณอยากกินอะไร อยากกินแบบไหน กินแถวไหนดี”
“เอ่อออ...”
ผมยังคงงง ยังปรับอารมณ์ตามเขาไม่ถูก เมื่อกี้ดูเหมือนจะรีบกลับไปประชุม แต่ตอนนี้ชวนกินข้าว เออ.. มันก็ถึงเวลากินแล้วก็ต้องกินสินะ
“อะไรก็ครับ ง่ายๆ กินเร็วๆ เดี๋ยวคุณนาวินกลับไปไม่ทันประชุม”
“ให้ผมเลือกเหรอ งั้นไปทางนี้”
เขาบอกทางผม ผมขับไปพร้อมมาจอดหน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง ซึ่งดูผิวเผินครั้งแรกผมไม่คิดว่าเป็นร้านอาหารด้วยซ้ำ เพราะมันเหมือนบ้านที่ตกแต่งด้วยทรงยุโรปมากกว่า
“เอ่อ ... ที่นี่เหรอครับ”
ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ ... ไป เข้าไปกัน”
พอเข้ามาในร้าน ภายในร้านนั้นถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกว่าเหมือนอยู่ในบ้าน มีโต๊ะอาหารตั้งอยู่ไม่กี่โต๊ะ ตามมุมต่างๆ ภายในร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์นแนวยุโรปดูร่วมสมัยหรูหรามาก
“คุณนาวินแน่ใจหรือว่าจะทานร้านนี้ เพราะผมว่าอาหารน่าจะใช้เวลาทำนาน กว่าจะได้อาหาร กว่าจะกินเสร็จผมว่ากลับถึงโรงงานเย็นแน่เลยครับ แล้วคุณนาวินจะไปทันประชุมมั้ยล่ะครับ”
ผมถามเค้าออกไป เพราะดูจากสไตล์ร้าน และเมนูอาหารแล้ว อาหารไม่น่าจะถูกเสิร์ฟได้เร็วนัก
“กินที่นี่แหละ ผมอยากกิน แล้วผมก็อยากให้คุณกินด้วย ส่วนเรื่องประชุมเขาเลื่อนนัดกันไปแล้ว”
เอ่อ.. คำตอบของเขายิ่งทำให้ผมงงหนัก เขาอยากกิน และเขาก็อยากให้ผมกินด้วยเนี่ยนะ แถมบอกว่าเลื่อนประชุมแล้ว เขาไปเลื่อนกันตอนไหน ทำไมผมไม่เห็นมีใครโทรหาเขา หรือเขาโทรหาใครเลย แล้วบอกว่าเลื่อน อะไรของเขากันเนี่ย .. งง โว้ยยยย
ไม่นานอาหารก็ถูกเสิร์ฟมาวางตรงหน้าเขาและผม โอ้ย..แต่ละอย่างมันน่ากินทั้งนั้น ที่สำคัญราคาก็แรงไม่เบาด้วย เนี่ยแค่มือนี้มื้อเดียว ผมว่าผมสามารถนำไปใช้ได้เป็นสัปดาห์เลยนะนั่นน่ะ คิดแล้วก็แอบเสียดายตัง คอตกเลยเรา
“เป็นงัยบ้าง โอเคมั้ย”
คุณนาวินถามผมเมื่อเราเริ่มกินไปได้สักพัก
“โอเคมากเลยครับ อร่อยมาก แต่แหม ผมนึกว่าคุณนาวินอยากกินอะไรง่ายง่าย เล่นมาร้านนี้ตั้งแต่กลางเดือน แล้วผมจะอยู่รอดถึงปลายเดือนมั้ยเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมโอดครวญไปนิดหน่อย แต่ได้ผลแฮะ
“งั้นตลอดครึ่งเดือนนี้ คุณณัฎฐ์ก็มากินข้าวกับผมทุกมื้อสิ ผมดูแลเอง”
เค้าตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ผมนี้ใจเต้นแรงนะ แทบสำลักอาหารเลย
“สายเปย์ ... ว่างั้น”
“ปกติผมทำแต่งาน ไม่ค่อยมีเวลาไปใช้เงินน่ะ มีคนมาช่วยใช้บ้างก็ไม่เสียหายอะไร”
“คร๊าบบบ พ่อบุญทุ่ม พ่อสายเปย์ เปย์หญิงบ่อยละสิ”
“ไม่ ผมไม่เคยเปย์ใคร นี่คือครั้งแรกที่ผมอยากเปย์”
เขาพูดจบแล้วจ้องมาที่หน้าผม เล่นเอาใบหน้าผมร้อนไปหมด ผมรีบจับแก้วน้ำมาดื่มเพื่อลดความร้อนของใบหน้า ทำไมผมต้องเขินขนาดนี้ด้วยนะ