บทที่ 5 คนเอาแต่ใจ
ณ.โรงงาน AAA แถบชานเมือง ห่างจากสำนักงานใหญ่ที่สีลม 70 กม.
ผมมาถึงเวลา 08.25 น. ซึ่งผมนัดคุณศุภโชคไว้ 09.00 น. ดูผมไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่เลย มันให้ความรู้สึกเหมือนการมาสัมภาษณ์งานบวกกับการมาพบลูกค้ารายใหม่ที่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน เพื่อนร่วมงานใหม่ของผมจะเป็นอย่างไรบ้างนะ แล้ว “คุณสมองกล” ที่ผมต้องร่วมงานด้วย เขาจะใจดีกับผมไหม แล้วเราจะเข้ากันได้มั้ย ทำไมผมถึงได้คิดมากขนาดนี้ ก็เพราะโปรเจคนี้เป็นโปรเจ็คใหญ่ มูลค่าหลายสิบล้านนะสิ พลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด แล้วผมก็ไปหาข้อมูลมา ก็พอรู้มาว่า บริษัทที่คุณธนพัฒน์เซลส์คนก่อนย้ายไปทำงานด้วย เข้าร่วมประมูลโปรเจคนี้ด้วย
“สวัสดีค่ะ ต้องการติดต่อใครคะ”
ประชาสัมพันธ์สาวน้อยหน้าหวานเอ่ยทักทายผม
“ผมมาพบคุณศุภโชคครับ แต่ผมนัดไว้ 09.00 น. น่ะครับ”
ผมแจ้งคุณน้องประชาสัมพันธ์สาวน้อยไป
“อ๋อค่ะ พอดีตอนนี้คุณศุภโชคกำลังมอนิ่งมิ้ตติ้งกับทีมงานอยู่ค่ะ คาดว่าอีกประมาณ 15 นาทีน่าจะเสร็จ เดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบนะคะ ขอประทานโทษค่ะ จะให้แจ้งว่าจากที่ไหนคะ”
“ผมณัฏฐ์จากออฟฟิศสีลมครับ”
ผมส่งยิ้มหวานให้คุณน้องไปอีกครั้ง ต้องผูกมิตรไว้ก่อน เพราะคงต้องเจอกันบ่อยขึ้น
เวลา 08.45 น.
“พี่ศุภโชคคะ มีคนจากออฟฟิศสีลมเข้ามาขอพบพี่ค่ะ เขาแจ้งว่าได้นัดพี่ไว้แล้วค่ะ ชื่อ ณัฏฐ์”
“อืม.. แล้วทำไมต้องทำเสียงกระซิบกระซาบแบบนี้ด้วยล่ะ”
“หนูกำลังจะบอกพี่ว่า เขาหล่อมากค่ะ หล่อยังกับดาราหรือไม่นายแบบเลยค่ะ หน้าก็หวาน ตาก็สวย ยิ้มทีใจน้องแทบละลายหายจมไปในเคาน์เตอร์เลยค่ะพี่โชค”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ถือว่าเป็นข้อมูลของแขกที่มาขอพบที่ต้องแจ้งพี่รับรู้ไว้ก่อนที่เจอกันใช่มั้ย”
“ก็จริงนี่คะพี่โชค หนูตื่นเต้นมาก นานนานจะเจอคนหล่อสักที หล่อแบบนี้หาไม่ได้ในโรงงานของเราเลย อิจฉาคนที่ออฟฟิศใหญ่มากมาก”
สาวน้อยประชาสัมพันธ์คนซื่อแอบมองณัฏฐ์ด้วยใจละลาย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นั่งก้มหน้าเขินม้วนไปมา
“สวัสดีครับ คุณณัฏฐ์ใช่มั้ยครับ ผมศุภโชคนะครับ”
“สวัสดีครับ ผมณัฏฐ์ครับพี่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ผมยกมือสวัสดีคนที่เข้ามาทักทายผม เอ.. แต่ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขาคนนี้จังนะ ช่างมันเถอะ เพราะผมก็มักจะจำคนผิดเสมอ จนไม่กล้าทักใครก่อน เดี๋ยวจะหน้าแตก
“งั้นเดี๋ยวเราเข้าไปนั่งคุยกันในห้องประชุมกันดีกว่า แล้วค่อยเข้าไปที่ทำงานกัน”
ผมเดินตามพี่เขาเข้าไปที่ห้องประชุม
“คุณบารมีบอกผมว่า คุณณัฏฐ์จะมาประจำที่โรงงานเลยใช่มั้ยครับ”
เอาแล้ว.. พี่บอมบ์ทำผมแล้วสิ ผมยิ้มหน้าเหวอ
“อ่า... ครับ แต่ผมคงมาเรียนรู้เนื้องานอีกเยอะเลยนะครับ คือผมไม่มีพื้นฐานทางนี้เลย”
“ไม่ต้องกังวลเลยครับ ด้านเนื้อหาและข้อมูลทางด้านเอ็นจิเนียริ่งต่างๆ เดี๋ยวทีมผมซับพอร์ตเองครับ ทีมงานของผมได้แต่เรื่องเนื้อหา สำหรับเรื่องงานขาย และการสร้างความสัมพันธ์ทีมผมไม่ได้เลยจริงๆ ครับ คงต้องลำบากคุณณัฏฐ์หน่อยแล้ว”
ศุภโชคได้คุยกับบารมีมาพอสมควร เขาจึงรู้จุดที่ณัฏฐ์กังวล แต่เขามองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากสำหรับทีมเขา แต่เรื่องคน เรื่องเจาะข้อมูลต่างๆ เรื่องลูกค้านี่สิมันยากมากเพราะที่ผ่านมาพวกเขาอาศัยพึ่งธนพัฒน์มาโดยตลอด และเขาก็ไม่นึกว่าธนพัฒน์จะตัดสินใจแบบนี้
ศุภโชคกับณัฏฐ์คุยกันเกือบชั่วโมง ดูแล้วคุยถูกคอกันเหมือนรู้จักกันมานาน แรกแรกก็คุยเป็นงานเป็นการ ผ่านไปแป๊บนึงก็นอกเรื่องไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ นี่ยิ่งทำให้ศุภโชคมั่นใจได้ว่า ณัฏฐ์จะสามารถทำงานร่วมกับทีมเขาได้ดีแน่นอน สำหรับเรื่องลูกค้าเขาก็คิดว่า ไม่ยากเลยสำหรับณัฏฐ์ เพราะด้วยบุคลิกของณัฏฐ์ที่ดูจริงใจ อัธยาศัยดี มีเสน่ห์ ไม่นานต้องดึงใจลูกค้ากลับมาได้แน่นอน ธนพัฒน์ก็ธนพัฒน์เถอะ เจอณัฏฐ์เข้าไปมีหวังลูกค้าติดณัฏฐ์กันตรึม
“ปะ.. เราไปที่ห้องทำงานกัน”
“ครับพี่”
ผมเดินตามคุณศุภโชคเข้าที่ห้องทำงาน ห้องทำงานแบ่งสัดส่วน ถึงคนจะเยอะ แต่ก็ดูโปร่งไม่หนาแน่น มีมุมกาแฟเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ มุมนึง อีกมุมจัดเป็นโต๊ะประชุมมีจอทีวีจอใหญ่ติดอยู่ คนทำงานก็นั่งทำงานกันเงียบเงียบ แทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันเลย ที่โต๊ะทำงานของแต่ละคนจะมีจอคอมพิวเตอร์คนละสองตัว ว้าว.. ดูเป็นงานเป็นการมากเลย ช่างตื่นตาตื่นใจผมยิ่งนัก ผมออกอาการตื่นเต้นมาก
“คุณณัฏฐ์ โต๊ะทำงานคุณอยู่ตรงนี้นะครับ ขาดเหลืออะไรก็บอกน้องน้องได้เลย ทีมนี้มีนาวินเป็นหัวหน้าทีม นั่นกอล์ฟกับแม็กซ์เป็นลูกทีม”
“สวัสดีครับ ผมกอล์ฟนะครับ พี่ชื่อณัฏฐ์หรือครับ น่ารักจังเลย”
“สวัสดีครับ ผมชื่อแม็กซ์ครับ”
ผมหันหน้าไปทางสองเสียงนั้นแล้วยิ้มรับ คนนึงดูท่าทางทะเล้นแววตาขี้เล่น อีกคนหนึ่งดูจะนิ่งกว่านิดนึงสองคนนี้รุ่นราวคราวเดียวกัน ดูแล้วน่าจะเรียนจบกันมาไม่นาน
“ครับ สวัสดีครับพี่ชื่อณัฏฐ์ครับ มาจากออฟฟิศสีลมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ มีอะไรก็แนะนำพี่ด้วยนะ”
แล้วผมก็หันไปมองอีกคนหนึ่งที่ถูกแนะนำว่า ชื่อ “นาวิน” เขานั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วค่อยค่อยเงยหน้าขึ้นมองมาที่ผม
“เฮ้ย.. คุณนาวิน ใช่คุณจริงๆ ด้วย ผมดีใจจังที่ได้เจอคุณที่นี่ ไม่คิดเลยว่าโลกจะกลมขนาดนี้”
ใช่นาวินคนนั้นจริงๆด้วย ผมทักทายเขาไปได้ความตื่นเต้นและดีใจ
นาวินเงยหน้าสบตาคนที่มาใหม่ คนที่จะต้องมาตัวติดกับเขาตามที่พี่ศุภโชคเคยมาคุยกับเขาเมื่อต้นสัปดาห์ อ้อ.. เป็น “คุณหน้าหวานที่ผมเจอในร้านกาแฟคนนั้นนี่เอง” โลกนี้มันกลมจริงๆ ผมตอบรับการทักทายเขาไปเพียง
“สวัสดีครับ”
“อ้าวสองคนนี้รู้จักกันแล้วหรือ ดีเลยจะได้ทำงาน เข้าขากันได้ง่ายขึ้น งั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้ว”
ศุภโชครู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ดีแล้ว เพราะปกตินาวินก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร นี่ถ้าเขารู้จักกันมาก่อนอะไรอะไรก็น่าจะง่ายขึ้น
“นาวิน พี่ยกให้นายเป็นคนดูแลคุณณัฏฐ์เลยละกันนะ”
ศุภโชคเอ่ยขึ้น
“ยกหน้าที่ดูแลพี่ณัฏฐ์ ให้ผมก็ได้นะครับ ผมเต็มใจ”
กอล์ฟหนุ่มน้อยหน้าทะเล้นรีบเสนอตัว
“พี่ณัฏฐ์จะมาประจำที่โรงงานตลอดเลยใช่มั้ยครับ”
กอล์ฟชวนคุยต่อ
“ช่วงแรกคงต้อวมาตลอดครับ แต่ก็ต้องมีกลับเข้าไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศบ้างครับ”
กอล์ฟแสดงออกว่าตัวเขานั้นให้ความสนใจณัฏฐ์อย่างชัดเจน ชวนคุยกันไม่หยุดดูแล้วคุยกันถูกคอด้วยสิ
“ได้เวลาพักเที่ยงแล้ว เราไปกินข้าวกันครับ”
กอล์ฟชวนทุกคนเมื่อได้ยินเสียงออดบอกเวลาพักดังขึ้น แต่ละคนก็ละมือจากงานบนโต๊ะปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วเดินไปที่โรงงานอาหาร แต่ละคนก็แยกย้ายไปสั่งอาหาร แล้วถือจานมานั่งกินด้วยกัน บนโต๊ะอาหารก็มีเสียงพูดคุยสนุกสนานกันสามคน ทั้งกอล์ฟและแม็กซ์ต่างพากันชวนณัฏฐ์คุย สำหรับนาวินนั้นเขาได้แต่นั่งฟัง ทั้งสามคนคุยกัน
“คุณนาวินทานข้าวเงียบเลยนะครับ”
ผมแอบแซวไปนิดนึง หวังจะผูกสัมพันธ์ไมตรี
“อ้าว.. พี่นาวินมากินข้าวกับเราด้วยหรือนี่ ผมนึกว่าเรามากันแค่สามคน เพราะได้ยินเสียงอยู่เท่านี้”
กอล์ฟแซวต่อไปอีกที
“พี่วินครับ ผมไม่เกี่ยวนะครับ ผมอยู่ข้างพี่”
แม็กซ์พูดเอาใจนาวิน พร้อมหันไปมองกอล์ฟแบบท้าทาย
“แหม เพื่อนแม็กซ์ ทิ้งกันกลางทางเลยนะเว้ย”
“ไม่ได้หรอก ใกล้ประเมินผลกลางปีแล้ว ต้องประจบลูกพี่นิดนึง”
“เอ.. คุณนาวินเป็นคนประเมินผลหรือครับ แล้วผมต้องทำอย่างไร ถึงจะได้คะแนนสูงๆ ละครับ”
ผมก็พูดตามน้ำตามสองหนุ่มไปอย่างนั้น พร้อมมองหน้า พ่อหนุ่มหน้านิ่งตรงหน้าอีกครั้ง
“ไม่ยากหรอกครับ ก็แค่ได้โปรเจคนี้มา อยากได้เกรดอะไรมาบอกผมได้เลย”
คนตรงหน้าผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จนผมเดาไม่ออกเลยว่าเค้าพูดจริงหรือพูดเล่นกับผม
“งั้น.. ถ้าได้โปรเจคนี้มาช่วยหาคนรู้ใจให้ผมสักคนนะครับ”
นาวินรู้สึกกระตุกในใจกับคำพูดของ “คนหน้าหวาน” ตรงหน้าแล้วยกยิ้มที่มุมปากนิดนึง
เฮ้ย..ณัฏฐ์นี่นายพูดอะไรออกไปนี่ พูดเอง ทำไมรู้สึกเขินเองนะ ผมแอบรู้สึกเขินไปนิดนึง
“พี่ณัฏฐ์ยังไม่มีแฟนหรือครับ งั้นผมจีบพี่ได้มั้ย พี่แม่งโคตรน่ารัก ผมขอจีบนะ”
กอล์ฟ ออกตัวแรงเหมือนเคย
“เราพึ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมงเอง แบบนี้ก็ได้เหรอกอล์ฟ”
“อ้าว ทีเมื่อกี้ พี่ณัฏฐ์ยังให้พี่วินหาคนรู้ใจให้เลย ผมก็เสนอตัวอยู่นี่ไงครับ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“พี่ณัฏฐ์คงไม่ได้คิดจะจีบพี่วินใช่มั้ยครับ ผมไม่ยอมนะ"
กอล์ฟทำเสียงงอแง แล้วหันไปวอแวกับนาวินต่อ
“พี่วินคนนี้ผมขอนะ ถ้าผมได้พี่ณัฏฐ์เป็นแฟนแล้ว ผมจะตั้งใจทุ่มเทกับงานให้เต็มที่เลย”
กอล์ฟยกมือขึ้นทำท่าปฏิญาณต่อหน้านาวิน แต่ยังไม่มีใครได้พูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น
Rrrrr…rrrr
ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ที่โทรหาผมตอนพักเที่ยงแบบนี้ ก็เป็นน้องจุ๊บแจงเจ้าลูกลิงน้อยตัวแสบของผมนั่นเองครับ
“ฮาโหลลลลล พี่ณัฏฐ์น้องคิดถึงงงงงงงง”
เสียงอ้อนของจุ๊บแจงดังจนเล็ดลอดออกมานอกโทรศัพท์ พอที่จะเรียกความสนใจของคนบนโต๊ะได้
“ว่าไงเรา.. ไม่เจอหน้าแป๊บเดียว งอแงอีกแล้ว”
“น้องขอฟ้อง พี่ณัฏฐ์ไม่อยู่ น้องโดนพี่หนึ่งแกล้งทุกวันเลยค่ะ แล้วพี่หนึ่งก็ไม่ยอมออกหาลูกค้าด้วย มัวแต่ไปเฝ้าสาวแผนกข้างๆค่ะพี่”
“พี่ณัฏฐ์อย่าไปฟังยัยจุ๊บเด็กขี้ฟ้องนะครับ”
เสียงเต็งหนึ่งแทรกมาในโทรศัพท์
“ไม่มีคนเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมน้องเลยค่ะ พี่หนึ่งกับพี่เทพอ่ะนะทำตัวขี้งกกับน้องมาก เอาตังไปเลี้ยงไปเปย์สาวสาวแผนกอื่นตลอดเลยค่ะ”
จุ๊บแจงฟ้องต่อ
“โอ้ย.. พี่หนึ่งตีหัวน้องทำไม”
จุ๊บแจงโวยวายลั่น
“สรุปที่โทรมานี่ คือจะมาฟ้องใช่ไหมคะ ถ้ายังไม่มีอะไรด่วนเดี๋ยวพี่โทรหาตอนเย็นนะคะ พี่ต้องเข้างานแล้ว”
ผมบอกจุ๊บแจงไป
“ก็ได้ค่ะ น้องคิดถึงพี่ณัฏฐ์นะคะ รักนะจุ๊บจุ๊บ”
ผมก็วางสายจุ๊บแจงไป แล้วหันมาสนใจกับผู้ร่วมโต๊ะอาหารต่อ ซึ่งทุกคนกำลังให้ความสนใจพุ่งมาที่ผม
“ไหน พี่ณัฏฐ์บอกไม่มีแฟนไงครับ นี่ยังไม่ทันไรก็โทรหากันหวานจนมดกัดผมหมดแล้วนี่ กอล์ฟนายคงต้องตัดใจแล้วล่ะ”
แม็กซ์แอบแซวผมแล้วหันไปแซะกอล์ฟต่อ
“ไม่มีอะไร น้องในทีมน่ะ”
ผมตอบไปสั้นสั้น แล้วก็ได้เวลาไปทำงานต่อ ในช่วงบ่ายกอล์ฟพาผมไปดูโรงงาน แต่พาไปแนะนำคนต่างๆ ให้ผมรู้จัก แต่ดูจะไม่ค่อยร่าเริงเหมือนตอนพักเที่ยง จนผมแอบขำในใจ สงสัยว่า ผมมาทำงานวันแรก ก็มาหักอกหนุ่มที่นี่แล้วหรือ เอ..ทำไมกามเทพเล็งศรผิดคนล่ะเนี่ย
ทางด้านนาวินก็มองผ่านกระจกออกไปเห็น “คนหน้าหวาน” เดินเข้ามาพร้อมกับกอล์ฟ และจากอากาศที่ร้อนระอุของโรงงานในช่วงบ่ายวันนี้ทำให้ “คนหน้าหวาน” หน้าตาเนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมที่เคยเซ็ตเข้ารูปไว้เมื่อตอนเช้า มาถึงตอนนี้กลับเริ่มตกลงมาปิดหน้าผากไว้บางส่วน ใบหน้ามีสีแดงระเรื่อ จากความร้อนของเมืองไทย เสื้อเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแนบไปกับลำตัวที่มองไม่เห็นไขมันส่วนเกินใดใดเลย
“น้ำเย็นหน่อยมั้ยครับ”
ผมยื่นน้ำเย็นให้เขา
“ขอบคุณครับ”
เขาตอบผมมาพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจแปลกแปลก
“เป็นไงบ้างครับ พอจะไหวมั้ย วันนี้อากาศร้อนมากด้วย”
“อ๋อ.. สบายครับ พอดีผมเป็นคนขี้ร้อน เหงื่อก็ออกง่ายนะครับ”
“คุณณัฏฐ์ครับ เมื่อกี้ลูกค้าที่ชลบุรีโทรมานัดผมให้ไปพรีเซ็นต์งานที่บริษัท คุณณัฏฐ์สนใจไปกับผมไหมครับ”
“....”
“ไม่สิ คุณต้องไปกับผม มารับผมที่โรงงานด้วยนะครับ ผมนัดลูกค้าไว้ 10.00 น.”
“เราไปเจอกันที่บริษัทลูกค้าเลยไม่ได้หรือครับ นี่ผมต้องย้อนมารับคุณ แล้วขับไปชลบุรี แล้วขับกลับมาส่งคุณ แล้วค่อยวกกลับบ้านผมที่บางนานี่นะ”
ณัฏฐ์เริ่มโวยวาย สงสัยว่าทำไมไม่ต่างคนต่างไป แล้วไปเจอกันที่บริษัทลูกค้าเลย นี่ต้องย้อนไปย้อนมา เขาไม่ใช้คนขับแท็กซี่นะ
“พรุ่งนี้รถบริษัทไม่ว่าง ส่วนผมก็ไม่มีรถ ถ้าคุณไม่เต็มใจไปก็ไม่เป็นไร ผมจะได้ไปชวนพี่โชคไปแทนก็ได้”
“โอเค .. เดี๋ยวผมมารับคุณเอง เวลา 7.45 น.นะ โอ้ย.. แล้วผมจะต้องตื่นตั้งแต่กี่โมงล่ะเนี่ย”
คนหน้าหวานตอบรับผม แล้วก็มีบ่นงืมงำ ทำหน้ายุ่ง ดูแล้วก็ “น่ารักดี” เหมือนกัน
ส่วนทางณัฏฐ์ก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด มาทำงานวันแรกก็เจอคนหน้านิ่ง ทำเรื่องให้ซะแล้ว คนอะไรเผด็จการเสียจริง เอาแต่สั่ง สั่ง สั่ง เดี๋ยวเถอะนะ พี่จะทำให้ต่อไปเนี่ยนะ ต้องคอยมาตามง้อ มาเอาใจพี่ ตามใจ คอยดูนะคอยดู
เอาจริงตัวผมเองก็ยังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมานาน หลังจากที่โดนแฟนสาวสมัยเรียนมหาวิทยาลัยหักอก ตอนนั้นผมเฮริ์ทมาก เสียใจหนักมาก แทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลย ผู้หญิงคนนั้นเขาทิ้งผมไป เพราะผมมันไม่มีอะไร แล้วไปคบกับลูกชายเจ้าสัวใหญ่ หลังจากนั้นผมก็ไม่มองผู้หญิงคนไหนอีก ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งานแล้วก็เก็บเงิน เพื่อที่จะได้ปรับฐานะของตนเอง
ซึ่งตอนนี้ผมก็มีทั้งคอนโด และก็รถเป็นของตนเองแล้ว ผมคิดว่าตอนนี้ผมน่าจะพร้อมมีใครได้แล้วนะ และตอนนี้ผมก็เริ่มรู้สึกว่า ตัวผมเองเริ่มสนใจผู้ชายหน้านิ่ง คนเอาแต่ใจตรงหน้าเข้าแล้วสิ