บทที่ 7 นาวินเริ่มรุกละนะ
เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วสินะ ที่ผมเดินเข้าออกที่โรงงาน ซึ่งตอนนี้ผมก็ดูจะเข้ากับทุกคนได้ดี และทุกวันตอนเช้า ผมก็จะเดินมาพร้อมกับแก้วเก็บอุณหภูมิหนึ่งใบ แล้วนำไปวางที่โต๊ะของ ผู้ชายหน้านิ่งคนนั้น แต่เดี๋ยวนี้นะ เขาเริ่มไม่นิ่งกับผมแล้วสิ
“วันนี้ช้าไป 10 นาทีนะครับ”
นาวินพูดพร้อมรับแก้วจากมือของผมทั้งที่ผมยังไม่ทันได้วางถึงพื้นโต๊ะเลย และยิ้มเล็กเล็กที่มุมปาก
“เอ่อ.. แฮะแฮะ วันนี้ตื่นสายไปนิดครับ ลืมตั้งโทรศัพท์ปลุก”
ผมยิ้มเก้อเขินเล็กน้อย เอามือเกาหัวเบาเบาที่ตัวเองตื่นสาย เพราะเมื่อคืนประชุมสรุปงานกับลูกทีมเซลส์ที่ออฟฟิศ แล้วก็เม้าส์มอยกันต่อยันดึก
“ปกติต้องตื่นกี่โมงครับ”
เขาถามผมมา
“ก็ตั้งปลุกไว้ตีห้าน่ะ แต่เมื่อเช้าผมพลาดไม่ได้ตั้งปลุก ตื่นมาเกือบหกโมงเลยครับ”
“โอเค.. งั้นผมจะโทรปลุกตีห้าทุกวัน”
“เฮ้ย... ไม่ต้องขนาดนั้นครับ ปกติผมก็มาตรงเวลานะ มีพลาดวันนี้วันเดียวเอง อย่าลำบากเลยครับ”
ผมรีบปฏิเสธ นี่เขาคิดอะไรของเขากันนี่
“ไม่ลำบากเลย ผมเต็มใจ โอเคตามนี้นะ รับสายผมด้วยจะได้รู้ว่าตื่นแล้ว”
ตาย ตาย เขารู้ตัวมั้ยว่าเขาพูดออกมา แค่เพื่อนร่วมงานกัน ใครเขาจะมาโทรปลุกกันละเนี่ย บ้าไปแล้ว ทำยังกับว่าเป็นแฟนกัน เฮ้ยนี่ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย ทำไมร้อนวูบวาบที่หน้าไปหมด ยังไม่ทันได้จินตนาการต่อก็มีเสียงแซวจากอีกโต๊ะนึง
“เฮ้ย... แม็กซ์ ..ฝนตกไม่ทั่วฟ้านี่หว่า นายว่าปะ นั่งกัน 3 คน มีพี่วินได้กาแฟคนเดียว”
กอล์ฟตะโกนแทรกมายั่วยั่ว
“เป็นกอล์ฟก็ลำบากหน่อยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า เสน่ห์แรงสู้พี่วินไม่ได้”
แม็กซ์แซวกลับ
“พี่วิน นี่พี่จะเป็นคู่แข่งหัวใจผมจริงจริงหรือครับ ผมบอกแล้วไงว่าคนนี้ผมขอ แค่นี้พี่ให้น้องไม่ได้เหรอครับ”
กอล์ฟหันไปวอแวกับนาวิน ผมนี่เสียวสันหลังวาบ ไอ้เด็กบ้านี่ ทำไมกล้าดีอย่างนี้นะ แล้วถ้าพ่อหนุ่มหน้านิ่งของผมเกิดไม่พอใจขึ้นมาจะทำไง และแล้วผมก็ได้รับคำตอบจากพ่อหนุ่มหน้านิ่งโดยไม่ต้องคิดไปเอง
“เรื่องแบบนี้ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังนะ ว่ามั้ย”
นาวินตอบแล้วเหล่สายตามาทางผม เอาแล้วสิ ตอบอะไรมาแบบนี้เนี่ย ทำไมไม่ช่วยแก้ต่าง โยนอะไรมาให้ผมเนี่ย
“ผมไปห้องน้ำก่อนนะ ขับรถมาตั้งไกล ปวดท้องจะแย่แล้ว”
“ท่าทางพี่ณัฏฐ์จะปวดท้องมากนะนั่น ปวดจนหน้าแดงไปหมดเลย กอล์ฟนายดูสิ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมหันไปชี้หน้าคาดโทษเจ้าแม็กซ์ไปหนึ่งที
“พี่ณัฏฐ์หยุดทำตัวน่ารักแบบนี้ได้มั้ย พี่ทำให้หนุ่มหนุ่มแผนกออกแบบคลั่งรักพี่จะตายอยู่แล้ว เกิดผมหลงเสน่ห์พี่ไปอีกคน เดี๋ยวทีมเราจะวุ่นวายไปกว่านี้นะครับ เหลือผมไว้สักคนนะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ผมได้ยินแม็กซ์แซวกลับมาแบบนี้ ทำเอาผมหันหน้าหนีกลับแทบไม่ทัน แหมเดี๋ยวนี้พร้อมใจกันแทคทีมกันเลยนะ
Rrrrrrrr
หงุดหงิดเป็นบ้าเลย ใครกันนะโทรมาแต่เช้า คนกำลังหลับกำลังนอนฝันดีอยู่เนี่ย ผมคว้าโทรศัพท์มารับทั้งที่ตายังหลับอยู่ เลยไม่ได้ดูเบอร์โทรหรือชื่อคนที่เมมไว้ที่โชว์อยู่ที่หน้าจอ เดี๋ยวคอยดูนะถ้าเป็นพวกโรคจิต พี่จะด่าให้จำไปสามวันเจ็ดวันเลย
“ใครโทรมาตอนนี้เนี่ย ฮาโหลลลลครับ”
“ตื่นได้แล้ว คนขี้เซา”
เฮ้ยยย.. เสียงคุ้นคุ้น ผมสะดุ้งตาตั้งทันทีรีบดูเบอร์ที่โทรเข้ามา ปรากฏว่าหน้าจอโทรศัพท์ผมแสดงชื่อ “คุณนาวิน”
“โทรมาทำไมเนี่ย ลำบากคุณแท้ๆ”
“ก็มีคนขี้เซายังไม่ตื่นไง ผมเลยต้องโทรมาปลุก มอร์นิ่งนะครับ”
“เอ่อออ... ครับ”
“หรือจะเปลี่ยนเป็นมอร์นิ่งคิส ดีครับ”
“นี่คุณนาวิน ผมว่าคุณต้องนอนไม่พอแน่เลย ถึงได้พูดจาแปลกแปลกแบบนี้”
“จุ๊บบบ.... ตื่นยังครับ ไปอาบน้ำได้แล้ว หรือจะอาบพร้อมกัน จะได้เปิดกล้อง”
“เอ่อ.. พอ พอ พอ แล้วครับ ผมไม่เคยคิดเลยนะครับว่าคุณนาวินจะเป็นคนหื่นแบบนี้”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ และผมก็สามารถเป็นได้มากกว่านี้อีก เชื่อไหม ลองดูมั้ยล่ะ”
“ผมว่า ผมรีบไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวจะไปสายอีก แค่นี้นะ”
ผมรีบตัดวางสาย
....
หลังจากวางโทรศัพท์ นาวินก็นั่งอมยิ้ม ถือโทรศัพท์เคาะมือเบาเบา เขาเองก็ยังงงกับตัวเองว่า พูดอะไรแบบนั้นไปได้อย่างไร ตั้งแต่มีคนหน้าหวานคนนี้เข้ามาร่วมงานด้วย ผมก็รู้สึกมีอะไรสนุกสนุกให้เล่นอีกเยอะ ผมชอบเวลาที่ผมพูดอะไรไปแล้วคนหน้าหวานทำหน้าเหวอ หรือเขินทำตัวไม่ถูก มันดูน่ารักชะมัด นี่ผมก็เดาว่าตอนนี้คงเขินหน้าแดง เอาหน้าซุกที่ผ้าห่มยังไม่ยอมลุกจากเตียงแน่เลย
ส่วนทางณัฏฐ์ก็เสียอาการอย่างหนัก ‘พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยผมด้วย ผมไม่ไหวแล้ว อยู่ดีดีก็มาเจอ คนหน้านิ่งเริ่มรุก เริ่มเต๊าะไม่หยุด จนผมจะเริ่มไม่ไหวแล้วนะ’ ผมนึกในใจแล้วเอาหน้าซุกไปกับผ้าห่ม แล้วนอนดิ้นกรี๊ดกรี๊ดอยู่บนเตียง
หัวใจก็เป็นเพียงเนื้อนิ่มนิ่ม โดนเต๊าะเรื่อยๆ มันก็หวั่นไหวได้เหมือนกันนะ คนบ้านับวันดีกรีการเต๊าะยิ่งรุนแรงขึ้น ไม่น่าเชื่อคนนิ่งนิ่ง ดูเป็นงานเป็นการ จะมีมุมหื่นแบบนี้ด้วย ผมมุดหน้าลงในผ้าห่มแล้วกรี๊ดอีกรอบ เพื่อระบายความรู้สึกบางอย่างออกไป เฮ้อ... ไปอาบน้ำดีกว่า วันนี้ผมต้องไปให้เร็วกว่าเดิม คนคนนั้นจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างโทรมาปลุกผมอีก
07.20 น.
วันนี้ผมมาถึงโรงงานเร็วมาก ในออฟฟิศยังมีคนมาไม่กี่คน โดยเฉพาะทีมผม ยังไม่มีใครมา ดีเลยผมรีบเอาแก้วกาแฟไปวางไว้บนโต๊ะคนหน้านิ่งก่อนดีกว่า เพราะผมคงทำหน้าไม่ถูกถ้าต้องให้เขาต่อหน้า พอวางเสร็จก็หันกลับมาแล้วชนเข้ากับใครคนหนึ่งดังปัง
“โอ้ย.. ขอโทษครับ”
ผมเซไปนิดนึงแล้วรีบเอ่ยคำขอโทษออกไป ในจังหวะที่ผมชนเขาคนนั้นก็เอามือมาเกี่ยวเอวผมไว้ ผมรีบเงยหน้าดู เอาแล้วไงคนที่ผมชนและโดนคว้าเอวไว้ก็ คือ คนที่ผมยังไม่พร้อมจะเจอตอนนี้ “คุณนาวิน”
“ปล่อยผมได้แล้วครับ ขอบคุณนะครับ”
ทำไมผมเขินยังงี้นะ
“มาเร็วดีนี่ แปลว่าผมปลุกแล้วได้ผล งั้นยึดเวลานี้เนอะ เดี๋ยวผมโทรปลุกทุกวันเลย”
“ไม่ต้องครับ ปกติผมก็ตื่นเวลานี้อยู่แล้ว ผมพลาดแค่วันเดียวเอง คุณนาวินไม่ต้องลำบากเลย”
พอผมพูดจบเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม จนผมต้องถอยหลังไปโดยอัตโนมัติจนตัวไปติดกับโต๊ะ เขาเอามือวางลงบนโต๊ะ ทำให้หน้าของเขาเข้าใกล้ผมไปอีก ไม่นะ มันใกล้เกินไปแล้ว ใกล้จนผมสัมผัสลมหายใจอุ่นอุ่นเค้าได้ที่ต้นคอผม แล้วเขาก็พูดเบาเบาที่ข้างหูผม
“ผมบอกแล้วงัย ว่าผมไม่ลำบาก ผมเต็มใจ”
คำพูดและลมหายใจเขามันทำให้ผมรู้สึกแปลกแปลก ขนลุก หน้าร้อนมาเลย ผมรีบหันไปมองเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมพลาดอย่างแรง เพราะผมคิดว่าเขาถอนใบหน้าเขาออกไปแล้ว แต่ความจริงเขากลับยังอยู่ที่เดิม เป็นผมเสียอีกที่เอาแก้มไปชนจมูกเขา
“อุ้ย....” ผมตกใจร้องเสียงหลงทำตาโต นี่มันเหมือนโดนหอมแก้มเลย
“น่ารักอีกแล้ว”
นาวินพูด พร้อมหยิบกาแฟมาจิบ โดยที่ตาเขายังมองมาที่ผมอยู่ ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ผมแพ้แล้วจริงจริง ผมแพ้ทางเขา
“อืมมม หอม สดชื่นมากครับ ผมชอบมาก”
“ขอบคุณครับ ผมดีใจที่คุณนาวินชอบ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่บอกผมนะครับ”
“ไม่... ผมไม่มีวันเบื่อคุณณัฏฐ์แน่นอน ตรงกันข้ามผมว่าผมติดใจคุณณัฏฐ์ไปแล้วด้วยซ้ำ”
“หือออ... คุณนาวินหมายถึงยังไม่เบื่ออเมริกาโน่น้ำผึ้งมะนาวของผมใช่มั้ยครับ”
ผมถามอะไรโง่โง่ไปอีกหรือเปล่านะ
“ผมหมายถึงทั้งกาแฟและคนชงครับ ชอบ ชอบมาก ชอบจนอยากพาไปชงที่ห้องผมทุกวันเลย”
“คุณนาวินชอบพูดล้อเล่นกับผมอยู่เรื่อยเลย เดี๋ยวผมไปเตรียมงานก่อนดีกว่า”
พูดจบผมก็รีบเบี่ยงตัวหลบเขา เพื่อไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง โดยที่ผมก็ยังเห็นว่าเขาคนนั้นยังคงมองมาที่ผมแล้วยังคงอมยิ้มอยู่ด้วย