ตอนที่2.หนทางที่เลือกเอง 2
“เปล่า เฮียสิต้องถามเรา มีอะไรหรือเปล่าเสียงเราน่ะแปลกๆ” ปลายสายย้อนถาม
“เหนื่อยไงเฮีย ร้อนด้วย” ฉันหาข้ออ้างที่คิดได้สดๆ ตอนนั้น
“ถึงบอกไง จะลำบากไปทำไม ในเมื่อมีวิธีที่สบายกว่ารออยู่” เสียงบ่นตามมาติดๆ
“เฮียสัญญากับเขมแล้วนะ” ฉันทักท้วง
“รู้แล้ว แต่มันอดได้ที่ไหน นิสัยไม่ยอมคนแบบเราน่ะ มันใช้สมัยนี้ไม่ได้ผลแล้ว อะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ยอมได้ก็ยอมบ้างเถอะ” ฉันรู้ ทุกคำพูดนั่นเป็นเพราะหวังดีกับฉัน แต่ฉันเลือกทางนี้แล้ว รอให้ฉันไม่ไหวก่อน ฉันถึงจะยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกน่ะผิด
“งานยุ่งไม่ใช่เหรอคะ?” ฉันเปลี่ยนเรื่องพูด
“รู้แล้วทำไมถึงไม่กลับมา หากมีเราเพิ่มมาอีกคน เฮียน่าจะเหนื่อยน้อยกว่านี้”
“ขอเวลาเขมอีกสักพักเถอะค่ะ”
“แน่นะ ระบุมาเลยกี่วันกี่เดือน เฮียไม่อยากคาดเดาเอาเอง” เสียงนุ่มๆ เปลี่ยนเป็นคาดคั้น
“เร็วๆ นี้แหละเฮีย” ฉันควรเลิกดันทุลังสักที
“วันนี้ดึกๆ เฮียจะแวะไปหา” คงเพราะหลายครั้งที่ฉันทำให้พวกเขาผิดหวัง ครั้งนี้คนที่เคยว่าง่าย เลยไม่เหมือนเก่า
“ไหนบอกงานยุ่ง”
“เขม สำหรับเราน่ะ ต่อให้ยุ่งแค่ไหนเฮียก็มีเวลาให้เสมอ”
“อือ...” ฉันตอบแล้วก็รีบกดวางสาย ฉันกลัวว่าคนปลายสายจะจับพิรุธของฉันได้
ฉันมีเวลากว่าสิบชั่วโมงสำหรับทำให้ตัวเองกลับมาอยู่ในสภาพเดิมและไม่มีใครจับได้ว่าฉันไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ฉันเปิดร้านตอนเที่ยงตรงพอดี พนักงานส่งน้ำแข็งมาตามเวลาที่นัดไว้ตรงเป๊ะ ฉันฝืนยิ้มกร่อยๆ ให้ สีหน้าของฉันคงซีดเซียว จนคนอื่นอดไม่ได้ที่จะทัก
“ไม่ไหวก็ไปพักเถอะครับ หน้าพี่สาวซีดมากเลย”
“หายแล้ว แค่ไม่ได้แต่งหน้าเอง” ฉันแก้ตัว หลังจากนั้นก็ฉวยตลับแป้งมาเกลี่ยรอยคล้ำใต้ดวงตา ฉันแต่งหน้าให้เข้มขึ้น ฝืนกลืนอาหารลงท้อง แม้จะไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลย
ฉันพยายามโฟกัสแค่งาน และเหมือนรอบตัวจะรู้ หากฉันต้องการจะ 'ลืม' ฉันต้องทำตัวให้วุ่นวาย ออเดอร์จากแอพพลิเคชันเลยเข้ารัวๆ ฉันยุ่งแทบไม่มีเวลาพักหายใจ
ตกเย็นฉันค่อนข้างว่าง อาจจะเป็นเพราะถึงช่วงสิ้นเดือนแล้วก็ได้ ตอนค่ำๆ ผู้คนเลยออกไปเที่ยวเตร่ หรือไม่ก็จับจ่ายซื้อหาของใช้ในบ้าน ฉันเตรียมจะปิดร้านและตั้งใจว่าจะออกไปซื้ออุปกรณ์ที่พร่องลงไปมาตุนไว้ด้วย
แต่ทว่า...เพราะมีอาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญแวะมาหา
ความตั้งใจเดิมของฉันเลยถูกพับเก็บไปก่อน
“ขอเวลาฉันสักสิบนาทีสิ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ” ผู้หญิงสาวสวยแปลกหน้า ฉันแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักกับหล่อนมาก่อน
กลิ่นน้ำหอมที่ระเหยของมาจากตัวหล่อน ทำเอาฉันผะอืดผะอมไม่น้อย
“คุณเป็นใครคะ มีธุระอะไรกับฉันเหรอ?” ฉันถามเพราะอยากรู้จริงๆ คนแปลกหน้าตรงหน้า ต้องการคุยธุระกับฉันด้วยเรื่องอะไร
“ฉันชุติภา จิรวินเธอน่าจะเคยได้ยินชื่อฉันผ่านหูเธอมาบ้าง” ฉันขมวดคิ้วคิดตาม และฉันแน่ใจ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อเช่นนี้ผ่านเข้ามาในหน่วยความทรงจำของฉันมาก่อน
“ไม่นะคะ ฉันไม่เคยได้ยินใครพูดถึงคุณเลย”
“อีกสิบนาที เธอก็น่าจะรู้จักฉันดีแล้วล่ะ” หล่อนยิ้มเยาะใส่ฉัน แถมยังมีแววตาแปลกๆ ที่กระตุ้นต่อมอยากรู้ของฉันให้ลุกกระพือขึ้นมาอีก ฉันพยักหน้าหงึกหงัก
“ความจริงฉันตั้งใจจะปิดร้านพอดี ก็ได้ค่ะ หากคุณแน่ใจว่า ‘ธุระ’ ของคุณเกี่ยวกับฉัน” หล่อนยังคงยืนเชิดหน้า ระหว่างรอให้ฉันปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ ของฉันจนเสร็จ
“รอนานเลย ขอโทษนะคะ” ฉันออกตัวตามมารยาท
“ฉันไม่อ้อมค้อมนะ ฉันคือคนที่คุณวินจะแต่งงานด้วย” ฉันเม้มริมฝีปาก มองสบตาคนพูดแล้วหล่อนก็พูดต่อ “ฉันกำลังท้อง เธอควรหลีกทางให้กับฉัน ไหนๆ เธอกับฉันก็เพศเดียวกัน” ฉันกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ทุกคำที่ได้ยินคือเรื่องที่ฉันคาดไม่ถึง ผู้หญิงตรงหน้าแสดงตัวว่าเป็นคนสำคัญของ นวิน ผู้ชายที่พร่ำบอกฉันทุกครั้งว่าความรักของเขาที่มีต่อฉันท่วมท้น เขาไม่มีทางทรยศฉันแน่ๆ
และฉันก็บ้าจี้เชื่อเขาแบบสุดลิ่มทิ่มประตู