บทที่ 2 ตาฝาด
เขากลับจากทะเลเพียงลำพังและหลบหน้าเพื่อนๆ ของไอริณเพื่อไม่ให้พวกนั้นถามถึงหล่อน สามวันหลังจากถึงกรุงเทพฯ เขาหาเหตุผลไว้ตอบคำถามเพื่อนๆ ของหญิงสาวได้แล้วและชื่นชมกับปะการังสีชมพูหวานด้วยความรู้สึกอิ่มเอมแต่ความสุขใจเหล่านั้นแทรกด้วยความทุกข์ทรมานในจิตใจ ภาพปะการังสีชมพูรูปกุหลาบสดแทรกด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว เจ็บปวดของหญิงสาว ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความคิดหมกมุ่นออกจากสมอง เขาเหลียวไปมองหน้าประตูกระจก
“มันทำบ้าอะไรอยู่วะ” เขาหันกลับอย่างหงุดหงิดที่พิชิตปล่อยให้เขายืนรอนานเกินไปแล้ว
พิชิตโอบเอวหญิงสาวออกจากประตูกระจกบานใหญ่ตรงไปยังรถธีรเมธซึ่งเพื่อนกำลังยืนรอด้วยท่าทางกระวนกระวาย เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนรัก อยู่ๆ ธีรเมธก็หมดอารมณ์สนุกสนานกับเสียงเพลงและหญิงสาวที่พร้อมจะมาล้อมหน้าล้อมหลังและพร้อมจะเดินตามออกมาอย่างแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งถ้าธีรเมธต้องการ
ใบหน้าบึ้งค่อนข้างเครียดของชายหนุ่มช่วยเร่งฝีเท้าของพิชิตให้ก้าวเร็วขึ้น แสงไฟสลัวส่องถึงรถธีรเมธพอให้เห็นหน้าเท่านั้น ธีรเมธยืนหันหลังพิงกระโปรงรถ เขาถอนใจเฮือกติดต่อกันหลายครั้ง อากาศภายนอกเย็นเยือก เย็นจนรู้สึกขนลุก ความเย็นจากด้านในเธคไม่ได้รอดออกมาถึงรถของเขาแล้วทำไมอากาศจึงเย็นราวกับติดแอร์ตั้งความเย็นที่ 20 องศาเช่นนี้
เสียงฝีเท้าของคนเดินใกล้เข้ามา ชายหนุ่มเหลียวข้ามไหล่ไปมองทางต้นเสียง พิชิตยิ้มร่ารอสายตาเขาอยู่
“ไงวะ รอนานมั้ยเพื่อน” พิชิตก้าวเข้ามาใกล้ขณะถาม
“เออ เร็วๆ สิวะ แล้วนี่ได้มาอีกแล้วสิ จะให้กูพาไปส่งที่ไหนก็บอก วันนี้ห้ามพาใครเข้าบ้านกู กูอยากอยู่คนเดียว” ธีรเมธตอบน้ำเสียงหงุดหงิด
“เออน่ะ เดี๋ยวขึ้นรถแล้วจะบอก อ้อ.น้องมีมี่ครับ รู้จักพี่เมธหน่อยสิ เพื่อนรักพี่เอง ไอ้เมธน้องมีมี่โว้ย เพิ่งถามชื่อตอนเดินมาหาแกนี่แหละ”
หญิงสาวก้มหน้าขณะเดินเข้ามา ธีรเมธจึงไม่เห็นหน้าหล่อนแต่เมื่อพิชิตแนะนำหล่อนจึงเงยหน้าขึ้นมองและทันทีที่ธีรเมธเห็นหน้าหล่อนเท่านั้นเขาถึงร้องเสียงดัง
“เฮ้ย!”
ชายหนุ่มหมุนตัวหันมาเผชิญหน้ากับพิชิตและคู่ควง ดวงตาเบิกโตด้วยความตกใจสุดขีด เท้าถอยกรูดออกห่างตัวรถอย่างรวดเร็ว ใบหน้าน้องมีมี่ของพิชิตขาวซีด ดวงตาที่จ้องมองธีรเมธโกรธแค้น ริมฝีปากแดงสด ผมยาวสะบัดบังดวงตาข้างซ้ายเหลือข้างขวาคล้ำดำช้ำด้วยเลือด
“เป็นอะไรวะ ตกใจอะไร ไอ้นี่ถ้าจะบ้าทำหน้าเหมือนกับเห็นผี น้องมีมี่สวยน่าฟัดออกยังงี้ทำหน้าตื่นไปได้”
พิชิตสะดุ้งไปกับเสียงร้องตกใจของเพื่อน เขาถามกลับอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันควัน มีมี่พลอยเลิกคิ้วสูงตกใจไปด้วยอีกคน
ธีรเมธกะพริบตาสั่นศีรษะแรงๆ ภาพหญิงสาวตรงหน้าเป็นปกติแก้มอวบอิ่มมีสีสัน ดวงตารีจ้องมาที่เขา ผมยาวสลวยเคลียร์ไหล่เท่านั้นไม่ได้ยาวถึงอกเช่นที่เขาเห็นเมื่อครู่ เกิดอะไรขึ้นกับเขา มือข้างขวาถูกยกขึ้นขยี้ตาแล้วลืมขึ้น ทุกอย่างเหมือนเดิม เขาตาฝาดไปอย่างนั้นหรือ
“พี่เขารังเกียจมีมี่มังคะถึงทำเหมือนเห็นมีมี่เป็นผีร้าย” หญิงสาวโอบกอดพิชิตอ้อนในที ชายหนุ่มยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่หรอกครับ เพื่อนพี่ไม่เคยรังเกียจคนน่ารักอย่างมีมี่เลยนะใช่มั้ยวะไอ้เมธ” พิชิหันมาถามเพื่อนเสียงดัง ธีรเมธพยักหน้าแล้วเดินไปเปิดประตูรถ
“เห็นมั้ย พี่เมธไม่รังเกียจมีมี่สักหน่อย แต่ถ้ามีมี่กลัวเดี๋ยวพี่จะพามีมี่ไปปลอบที่เงียบๆ กันสองคน”
พิชิตหวานจนเลี่ยนแต่หญิงสาวไม่รู้สึกเพราะหล่อนมองเห็นแบ๊งก์สีน้ำตาล สีม่วงลอยอยู่ตรงหน้าเป็นปึก ยังไงคืนนี้พิชิตต้องช่วยต่อชีวิตของหล่อนให้มีกินมีใช้ไปได้อีกหลายวัน หล่อนชอบชีวิตเช่นนี้ชีวิตที่หล่อนเลือกเดินด้วยตัวหล่อนเองแม้มันจะไม่ใช่วิธีเลือกที่ถูกต้องนักก็ตาม
ธีรเมธขับรถออกจากหน้าเธคชื่อดัง เขารู้ว่าพิชิตจะไปไหนจึงเลี้ยวรถไปตามเส้นทางที่เคยไปส่งบ่อยๆ แต่พิชิตไม่ไปทางเดิม เขามองเพื่อนผู้ทำหน้าที่คนขับแล้วว่า
“ไปส่งฉันที่คอนโดฯนะโว้ย”
“เอางั้นเหรอ” ธีรเมธหันมามอง
“เออ คืนนี้น้องมีมี่จะอยู่กับฉันทั้งคืน ใช่มั้ยครับ” พิชิตเหลียวไปมองหญิงสาวที่เบาะหลัง หล่อนยิ้มหวานไม่มีคำตอบจากริมฝีปากอิ่มยั่วยวน ธีรเมธเหลือบมองที่กระจกส่องหลังแล้วยิ้มบาง