บทที่ 8
เสียงที่ดังเข้ามาในโสตประสาทส่งผลให้ร่างบางที่ลงทุนหนีเอาชีวิตรอดมาร่วมหลายชั่วโมงมีความกล้าขึ้นมาอย่างมากมายก่ายกอง และตัดสินใจทำในสิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องทำมาก่อนในชีวิต นั่นก็คือ...
มือเล็กคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อหนังกันลมของคนข้างตัว ก่อนที่เธอจะจัดการกระชากกระดุมเสื้อของเขาออกจากกันจนหมด ในขณะที่คนถูกกระทำได้แต่นั่งงุนงงเป็นไก่ตาแตก เพราะเขาไม่คิดว่าจู่ๆ คนที่เอาแต่ค้านเสียงแข็งไม่ยอมตอบรับไมตรีของเขาในตอนแรก ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
"นี่คุณจะ..."
"เงียบก่อนค่ะ"
"ห๊า!? "
คนถูกสั่งให้เงียบส่งเสียงอุทานถามด้วยความงุนงง ทว่าทันทีที่เสื้อหนังของเขาถูกถอดออกไป เนื้อหนังเปลือยเปล่าด้านในก็ปรากฏแก่สายตาของมอง
"ขอโทษนะคะ"
"อะไร..."
ริมฝีปากเล็กประกบจูบเข้ากับปากหนาด้วยความรู้สึกแข็งกระด้างเหมือนคนจูบไม่เป็น และแน่นอนว่ามันควรจะเรียกว่าการเอาปากมากระแทกกับปากมากกว่าการจูบถึงจะถูก
ปลาวาฬนั่งตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ราวกับคนอ่อนประสบการณ์ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาสั่งสมความชำนิชำนาญในเรื่องอย่างว่ามาไม่ใช่น้อย แต่จะให้มามีอารมณ์กับรสจูบทื่อๆ เหมือนปากแตะปากนี่นะ
เอ่อ...
แล้วทำไมก้อนเนื้อตรงกลางอกมันไม่เห็นจะให้ความร่วมมือกับเขาเลยวะ สมองสั่งการไม่ให้คิด แต่ว่าภาพติดเรทที่มันผุดขึ้นมาในหัวราวกับดอกเห็ดนี่มันยังไงวะเนี่ย
นอกจากริมฝีปากที่ประกบเข้าหากันอย่างแนบแน่นแล้ว เรียวแขนเล็กของคนตรงหน้ายังยกขึ้นมากอดรั้งลำคอแกร่งเอาไว้ ในชนิดที่ว่าแทบจะฆ่าเขาให้ตายด้วยการล็อกคอจนขาดอากาศหายใจเลยก็ว่าได้
จิตสำนึกและความผิดชอบชั่วดีตีกันยุ่งเหยิงอยู่ในหัวของคนที่เถื่อนและถ่อยในบรรดาเพื่อนฝูง ทว่ากับเธอคนนี้ที่เขากล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า 'รักแรกพบ' แถมยังโดนหักอกมาภายในวันเดียวกันนี่มันตัดสินใจยากชะมัด
คำว่า 'เอายังไงดีวะ' ผุดขึ้นมาตั้งคำถามกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หากแต่ไม่ว่าจะพยายามใช้ความดีอันมีอยู่น้อยนิดห้ามปรามสัญชาตญาณยังไง เขาก็พ่ายแพ้ให้ความกับความต้องการตามประสาผู้ชายทั่วไปอยู่ดีนั่นละน้า
วงแขนแกร่งเผลอเลื่อนเข้าไปคว้าเอวคอดกิ่วเข้ามาโอบเอาไว้แน่น จนแทบจะดึงรั้งร่างบางของคนที่นั่งอยู่ข้างให้เกยก่ายขึ้นมานั่งทับบนตักเขาอยู่รอมร่อ
คนตัวเล็กมีอาการแข็งขืนอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเขาพยายามจะขบเม้มริมฝีปากเธออยู่หลายที คนที่ต้องหลบทั้งความตายทั้งคนหื่นก็แทบจะเปล่งเสียร้องไห้หาแม่อยู่รอมร่อ ปลาวาฬจึงได้หยุดการกระทำขิงเขาลงเพียงเท่านี้
เอาวะ... ถึงเขาจะมีความชั่วมากกว่าความดีอยู่โข แต่กับคนตรงหน้านี่ เขาย่ำยีเธอไม่ลงจริงๆ
ชายหนุ่มทำแค่เพียงโอบกอดเอวเล็กเอาไว้อย่างนั้น และปล่อยให้เธอแสดงละครเหมือนกำลังพลอดรักกับเขาอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครเดินกลับมาทางนี้อีก คนตัวเล็กจึงได้ผละออกไปในที่สุด
"ฉัน..."
"จะขอโทษที่ขโมยจูบผมหรอ" คนเจ้าเล่ห์แกล้งถาม
"ฉันจำเป็นต้องทำค่ะ ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้คุณเข้าใจผิด" วันวิวาห์รีบแกความเข้าใจของเขาเสียใหม่ ก่อนที่เรื่องราวมันจะบานปลายไปมากกว่านี้ เพราะแค่ที่เป็นอยู่เขาก็คงจะมองเธอเป็นผู้อย่างว่าไปแล้ว
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่"
"คิดก็ไม่ได้ค่ะ ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้น เงินของคุณซื้อฉันไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้ขาย และที่ฉันทำลงไปเมื่อกี้ก็เพราะ..."
"ความจำเป็น" เขาสวนขึ้นทันควัน
"ค่ะ"
ใบหน้าคมสันได้สัดส่วนขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ทว่าสายตาที่มองมายังคู่สนทนากลับมีอะไรบางอย่างเคลือบแฝง
อย่างน้อยเขาก็พอจะเดาได้แล้วละนะ ว่าคนที่ต้องการตามล่าตัวเธอแบบเอาเป็นเอาตาย และหมายหัวไว้ถึงขั้นจะเอาชีวิตชื่อ 'พจ'
ส่วนจะเป็นพจไหนนั้น เขาคงต้องไหว้วานให้คนรู้จักที่พอจะมีอำนาจในมือช่วยตามสืบดูสักหน่อย แล้วค่อยลงมือวางแผนดึงเธอมาไว้ข้างตัวทีหลังก็ยังไม่สาย
เสียงกระแอมไอดังขึ้นมาจากคนตัวโตที่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา แต่กลับล็อกแขนแกร่งเอาไว้เสียแน่นราวกับว่าจะไม่ยอมปล่อยเอวคอดกิ่วของเธอโดยง่าย จนคนตัวเล็กต้องนิ่วหน้าไม่พอใจและจ้องเขม็งเพื่อปรามเขาเหมือนลูกแมวกำลังพองขนใส่ศัตรูไม่มีผิด
เอ๋...
หรือบางทีเธออาจจะกำลังทำเป็นแมงกระพรุนที่กำลังพองตัวให้ใหญ่เข้าไว้ เพื่อมาต่อกรกับปลาวาฬมือปลาหมึกอย่างเขาก็เป็นได้
รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าคมสันปานภาพวาด แต่ดูยังไงก็ไม่ถูกใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนกระทั่งตอนนี้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่หล่อนะ แต่ความร้ายที่เผยออกมาทางสีหน้านั่น มันทำให้เธอรู้สึกว่าเขารับมือยากอย่างไรชอบกล
"แต่คุณจูบผมไปแล้วนะ"
"คะ? "
วันวิวาห์หน้าเหวอไปชั่วขณะ เมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็ดันเอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
"ถอดเสื้อผมทิ้งเองกับมือเลยด้วย"
ประโยคต่อมาของเขา ส่งผลให้สาวเจ้าเหลือบมองแผ่นอกแกร่งและมัดกล้ามแน่นของคนที่ถูกเธอถอดเสื้อหนังโยนทิ้งไว้ที่พื้น เพื่อให้การแสดงละครตบตาศัตรูดูสมจริงมากยิ่งขึ้น โดยไม่ทันได้คิดหน้าคิดหลังให้ดี
"คือว่าฉัน..."
"คุณมาถอดเสื้อผมแบบนี้ได้ยัง"
ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าหากันอย่างยอมจำนนในหลักฐาน
"นี่ยังไม่นับเรื่องที่คุณล็อกคอผมเสียแน่น เพื่อจูบอย่างดูดดื่มด้วยนะ ให้ตายเหอะ ถึงผมจะดูเหมือนผู้ชายใจง่าย ที่ยอมให้คุณขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์หนีตามกันมาตั้งไกล แต่ผมก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่นะคุณ"
ปากเล็กอ้าค้างด้วยความงุนงง เพราะถ้อยคำมากมายที่ออกมาจากปากเขานั้น ฟังดูแปลกพิกลราวกับว่าทั้งคู่กำลังสลับบทพูดกันอย่างไรก็ไม่รู้
"อ้าว จะเงียบอีกนานไหมล่ะนั่น" ปลาวาฬคาดคั้น
"เอ่อ... คะ"
"คุณพูดมาเลยดีกว่าว่าจะเอายังไง" เขาบอก
"หา? อ่ะ เอาอะไรคะ"
"อ้าว ก็คุณทั้งกอด ทั้งถอด ทั้งจูบผมขนาดนี้ ทำผมเสียหายไปตั้งเท่าไหร่ คิดจะรับผิดชอบกันยังไงก็ว่ามาสิ"