บทที่ 4
"หืม... มึงเป็นอะไรวะ"
ซิทรินที่นั่งดึงคอเสื้อพี่ชายฝาแฝดอยู่อีกฝั่งด้วยสีหน้าเหยเกคว้าเอาถังขยะขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อให้อีกฝ่ายใช้มันต่างกระโถน ก่อนจะเอ่ยถามคนที่พึ่งกลับเข้ามาด้วยความสงสัย
คนถูกถามมองหน้าเพื่อนรักอย่างใช้ความคิด ก่อนจะสะบัดศีรษะไปมาเพื่อขับไล่ความรู้สึกแปลกๆ ออกไปจากหัว
ทว่า... มันกลับยังติดตรึงอยู่ภายในใจของเขาอยู่ดี
"สงสัยกูจะเมาว่ะ"
"ห๊า!? "
สองหนุ่มที่ยังคงมีสติอยู่อุทานขึ้นมาพร้อมกันด้วยความงุนงง เพราะคนที่คอแข็งที่สุดในกลุ่มพูดคำว่า 'เมา' ขึ้นมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ท่าทางของอีกฝ่ายไม่ได้ใกล้เคียงกับคนเมาเลยแม้แต่น้อย ออกจะเหมือนคนอกหักเสียมากกว่า...
เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ อกหักอย่างนั้นหรอ
คีรีและซิทรินมองหน้ากันมาอยู่หลายที ก่อนที่คีรีจะตัดสินใจถามติดตลกออกไป
"มึงอกหักป่ะเนี่ย"
คนที่มีอาการคล้ายกำลังอกหักมองหน้าเพื่อนด้วยท่าทางเหลอหลาอย่างมีพิรุธ แล้วเอ่ยตอบเสียงสูงทันควัน "เปล๊าา! "
"หืม? "
"พวกมึงบ้าป่ะเนี่ย ถามอะไรอย่างนั้น คนอย่างกูเนี่ยนะจะอกหัก กูจะไปอกหักจากใครที่ไหนได้ ถ้ากูไปหักอกเขาละก็ว่าไปอย่าง" ปลาวาฬแก้ตัวเป็นพัลวันพลางไหวไหล่อย่างมั่นอกมั่นใจ
แต่ว่า... หรือเขาจะอกหักอย่างที่พวกมันสงสัยจริงๆ วะ
เจ้าของร่างสูงโปร่งที่ไม่อยากจะยอมรับความจริงสักเท่าไหร่ เผลอหันไปมองคนที่เป็นต้นเหตุของอาการแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นภายในอกด้วยความสับสน
อะแฮ่ม!
เสียงกระแอมไอของซิทรินดังขึ้น ขณะที่ดวงตาคมสีฟ้าน้ำทะเลจะหันไปมองยังทิศทางเดียวกันกับเขาด้วยเจตนาล้อเลียนอยู่ในที
"สวยว่ะ กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอาการมึงมันออกได้ขนาดนี้ นี่ขนาดทำหน้านิ่งๆ นะ ถ้ายิ้มทีใจกูได้ปลิวแน่ๆ "
"ปลิวพ่องง!! " คนที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเขา แต่เกิดอาการหึงหวงขึ้นมาซะอย่างนั้นเอ่ยขัดเพื่อน
"หืม? แล้วทำไมใจกูจะปลิวไม่ได้" ซิทรินแกล้งถาม
"เงียบเหอะ! " คนขี้หงุดหงิดบอกปัด
"มึงชอบเขาล่ะสิ แล้วทำไมยอมกลับมานั่งที่โต๊ะง่ายๆ แบบนี้ล่ะวะ ปกติคนอย่างมึงถือคติ 'อยากได้อะไร ต้องได้' ไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้ถอดใจแล้วล่ะ" คีรีถามพลางกลั้วหัวเราะ แต่ท่าทางของเพื่อนที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ก็ทำให้สองหนุ่มคาดเดาสาเหตุได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องปริปากพูด
"มี 'ผัว' แล้วชัวร์เลย" หนุ่มลูกครึ่งบอก
"เออ เขาบอกว่ามีแฟนแล้ว"
"นั่นไงล่ะ กูว่าแล้วไม่มีผิด"
คนที่มีอาการคล้ายคนอกหักมองเพื่อนเขม็ง แล้วหันไปหยิบแก้วแอลกอฮอล์ที่เทค้างไว้ขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด เพื่อกลบเกลื่อนอาการร้อนตัวจากสายตาล้อเลียนของทุกคน
"พี่ครับๆ คุณหวานให้มาบอกพี่ว่ารถมารออยู่หน้าร้านแล้วครับ" บริกรคนหนึ่งเดินเข้ามาแจ้ง
"ขอบใจมากน้อง" ปลาวาฬว่า ก่อนจะล้วงธนบัตรสีแดงหนึ่งฉบับยัดใส่มืออีกฝ่าย
"โอ... ขอบคุณครับพี่" เด็กหนุ่มบอกพร้อมประนมมือไหว้เขา ก่อนจะเดินนำออกไปหน้าร้านด้วยความเต็มใจ โดยไม่ต้องร้องขอ
และทันทีที่สามหนุ่มหอบร่างคนเมาสองคนมาที่รถ พวกเขาก็พบว่ารถยนต์ที่ทางร้านเรียกมาให้คือรถกระบะสภาพบุโรทั่งที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่สีดำเก่ากึก บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามันถูกใช้งานผ่านร้อนผ่านหนาวมาเนิ่นนานร่วมสิบปีเห็นจะได้
"พวกเราจะรอดไหมวะ" คีรีกระซิบถาม
"เอาน่า ก็แค่นั่งไปโรงแรมไม่กี่นาทีเอง ทำอย่างกับไม่เคยไปเข้าค่ายลูกเสือไปได้นะมึงเนี่ย"
"ปั๊ดโธ่! ไอ้วาฬ ไอ้เคยน่ะมันเคย แต่มึงคิดว่ากูอย่างนั่งรถสภาพบุโรทั่งนี่อีกรอบหรอวะ เกิดนั่งไปได้ครึ่งทางรถแยกส่วนกันขึ้นมา พวกกูก็ตายน่ะสิ"
"มึงอย่าเว่อร์ให้มันมาก ลูกคุณหนูอย่างไอ้ซิทรินมันยังไม่พูดอะไรสักคำ จริงไหมวะ ไอ้ลูกเศรษฐี"
คนถูกพาดพิงว่าเป็นลูกเศรษฐียิ้มแหยะอย่างจำใจยอมรับในสภาพ เพราะตอนนี้ขอเพียงแค่พี่ชายฝาแฝดของเขาไม่อาเจียนจนเลอะเทอะเสื้อผ้าตัวเองก็นับว่าเป็นเรื่องดีมากพอแล้ว
"มันจะพูดอะไรได้ ไอ้แซฟไฟร์ตัวหนักอย่างกับหมีควาย แถมอ้วกมาตลอดทางขนาดนี้ มีอะไรก็คว้าไว้ก่อนทั้งนั้นล่ะ" คีรีว่า
"เออ กูจะตายละเนี่ย"
ปลาวาฬหัวเราะทันทีที่คนถูกพูดถึงส่งเสียงตอบรับ เนื่องจากการลากพี่ชายฝาแฝดที่มีสภาพน่าอนาถมาตลอดทางช่างห่างไกลจากจินตนาการที่เขาวาดหวังไว้ว่าจะได้รับจากการมาเที่ยวในครั้งนี้เหลือเกิน
"เอาน่า พวกมึงขึ้นไปนั่งละ จะได้รีบกลับโรงแรมกันสักที"
คีรีพยักหน้าและส่งไมเคิลขึ้นไปนอนราบบนรถก่อนเป็นคนแรกด้วยการช่วยเหลือของบริกรที่นำทางพวกเขาออกมา ตามมาด้วยแซฟไฟร์ที่ต้องใช้คนมากถึงสามคนในการหามขึ้นมาบนรถเลยทีเดียว
"กูพึ่งรู้ว่าไอ้แซฟมันเป็นหมีควายก็วันนี้ หนักฉิบหาย" คีรีบ่น
"พูดมากจริงมึง เฝ้าพวกมันไปเลย เดี๋ยวกูให้ไอ้ซิทรินไปนั่งข้างลุงคนขับ มันจะได้คอยบอกทางไปโรงแรมด้วย"
"เออๆ จะทำไรก็ทำเถอะ กูอยากกลับไปนอนพักที่โรงแรมจะแย่ละ พรุ่งนี้มึงอย่าลากใครมามอมเหล้าอีกนะ ไม่อย่างนั้นกูจะหักคอมึง"
คนมีโทษหักคอติดตัวหัวเราะรวนด้วยความขบขัน ก่อนจะส่งยิ้มให้บริกรที่มาคอยช่วยเหลือเขา แล้วเอ่ยขึ้น
"ขอบใจนะน้อง"
"ไม่เป็นไรครับพี่ คุณหวานบอกให้ผมมาช่วยพวกพี่อยู่แล้ว"
ปลาวาฬพยักหน้าให้คู่สนทนา แล้วหวนนึกถึงเจ้าของชื่อที่มีใบหน้าหวานหยดสมชื่อของเธอด้วยความรู้สึกว้าวุ่นอยู่ในอก
รู้ตัวอีกทีรถกระบะบุโรทั่งที่เพื่อนเขาใช้โดยสารกลับโรงแรมก็ขับห่างออกไปไกลเสียแล้ว
"แล้วพี่มารถอะไรครับเนี่ย ดื่มมากขับรถกลับไม่ดีนะครับ"
คำเตือนของเด็กหนุ่มตรงหน้า ทำให้คนที่คิดว่าตัวเองดื่มแอลกอฮอล์ไปเยอะจริงๆ ระบายรอยยิ้มออกมาเล็ก แล้วหยิบธนบัตรสีม่วงออกมายื่นให้อีกฝ่าย
"ขอเครื่องดื่มแก้แฮ็งค์ที พี่ขับมอเตอร์ไซค์มาว่ะ จอดอยู่ทางนู่น" เขาบอกพร้อมกับชี้ไปทางมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ของตน ที่จอดอย่างเป็นระเบียบอยู่ในลานจอดมอเตอร์ไซค์ของทางร้าน
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมเอาชามะนาวอุ่นๆ กับผ้าเย็นออกมาให้นะครับ"
ร่างสูงโปร่งพยักหน้าให้อีกฝ่ายเพื่อตอบรับ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปยังทิศทางของตน