6
เขาดึงผ้าที่รัดหน้าอกของเธอออกอีกครั้ง ก่อนที่มันจะหลุดออก ปทุมถันอวบงามยิ่งกว่าดอกบัวสองดอกชูช่อล่อตาล่อใจ ส่วนปลายสีชมพูจัดน่าดอมดมกลืนกิน
ชายหนุ่มไม่ละเว้นที่จะก้มลงไปจัดการรวบดูดเสียให้เต็มรักด้วยความสนิทเสน่หา เสียงหวานร้องครางด้วยความเสียดเสียว
เสียงหวานของเธอทำให้เขารู้สึกถึงความปรารถนาที่ร้อนแรงยิ่งขึ้น พงศ์อินทร์กวาดลิ้นไปกับฐานบัวอวบอิ่มปริ่มน้ำหวาน เขาลากจากส่วนโคนฐานวนขึ้นมาจนถึงปลายยอด มือหนาอีกข้างนวดเฟ้นไม่ห่างเพราะปรนเปรอบทรักอันแสนอ่อนหวานเร่าร้อนสู่เธอไม่เสื่อมคลาย
กลิ่น รส สัมผัส เสียงที่ได้ยินหวานพร่าไปทั่วการแนบชิด พงศ์อินทร์กวาดลิ้นไล้เลียลงมาตามหน้าท้องแบนราบขาวจัด ผิวของเธอเนียนละเอียดจนเขาต้องครางด้วยความรู้สึกทึ่ง
เธอหอบหายใจเสียจนสะท้าน แขม่วหน้าท้องที่แสนจะปั่นป่วนจนเขารู้สึกได้ มือของเขาลากวนแผ่วเบา ปลายนิ้วเกลี่ยไปกับผิวสัมผัสอันอ่อนนุ่ม ขนในกายของเธอลุกชันตอบสนองสัมผัสแสนยั่วยวนนั้น สะโพกของเธอยกขึ้นเล็กน้อยให้เขาสอดมือเข้าไปนวดเฟ้น อาภรณ์ชิ้นล่างปลิวไปอยู่ข้างเตียงพร้อมๆ กับการแนบชิดที่สนิทเสน่หา
ชายหนุ่มเกลี่ยนิ้วกับซอกขาด้านในของเธอที่ถูกจับแยกออกจากกันด้วยอุ้งมือใหญ่ขาเธอสั่นระริกเมื่อเขาไล้เบาๆ ส่วนสาวนั้นเปิดเผยให้เขาได้เชยชิมสมปรารถนา
เขาครางเบาๆ กับความงดงามของพูกลีบหอมจรุงจิต กลีบกุหลาบส่งกลิ่นหอมให้ต้องเข้าไปดอมดม อารมณ์หวามลุกซ่านไปทั่วทุกรูขุมขน ปลายชิวหาร้อนรุ่มแทบแผดเผา
กรุ่นกำจายหวานลิ้นสั่นระริก เขากระดิกโบกพลิ้วละลิ่วหา ก้านเกสรโน้มน้าวเหมือนมีชีวา ให้นำพาความสุขมาพบพาน
เขาแทรกชิวหาร้อน ซุกซอนใกล้ แนบชิดในดวงดอกไม้จรวยหอม เพียงเงยขึ้นสบตาผกากรอง เจ้าทั้งหอมทั้งหวานปานน้ำผึ้ง
เขาซุกไซ้ควานหาความหอมหวาน กำซาบซ่านอิ่มเอมละโลมหา กลิ่นกำจายโชนคลุ้งจากทุ่งสวรรค์ ซอกซอนพลันถลันเข้าไปในรวงรัง
กลีบลี้ลับผลิบานเปล่งประกาย หยดหยาดรินน้ำหวานสะท้านหวาม สั่นระริกเกสรสวาทที่โนมเนื้อนั้น สุขโดยพลันเมื่อเขาจ้วงลิ้นเข้าไปในกายไม่รีรอ
จะหาหญิงใดงามและหอมกรุ่น สะพรั่งพราวสาวสดและชดช้อย จะหาหญิงอ่อนหวานและซ่านใจ ไม่มีหญิงใดเหมือนนางที่แนบเนื้อ
เขาแนบชิดสนิทกายเสน่หา วนกายาโบยบินบนกายสาว อุ้งมือใหญ่อ่อนไหวพลิ้วไปตามผิวกาย นวดเฟ้นสะโพกผายอวบงามให้นางซ่านสะท้านไหวอยู่ใต้ร่าง
อันบทรักหอมหวานเสียวกระสัน ช่างรัญจวนหวนไห้ใจวาบหวาม เสียงครวญคราง เสียงโอดโอยเหมือนเจ็บปวดแต่สุขสมประสานกันระงมบนเตียงกว้าง
จะว่าไปใครได้ชมแม่โฉมงาม ต้องติดตาต้องใจเสน่หา มิฝักใฝ่ไหลหลงพะวงหา โอ๋... แก้วตาของพี่อย่าจากจร
แนบชิดกาย ประสานเป็นหนึ่งนั้น แนบชิดกันกายประสานเป็นหนึ่งเดียว เพียงแต่ร่างแน่งน้อยสะท้านหา กายาแกร่งก็ทะลวงเข้าครอบครอง
เสียงครวญครางร่ำร้องในเพลงรัก บรรเลงหนักหน่วงกายแนบชิดกัน สะโพกงามบิดพลิ้วไปตามกัน เขากระแทกดุนดันเธอหยัดรับ มือหนาช้อนสะโพกขึ้นแนบชิด แนบสนิทเป็นเนื้อกายแทบเป็นเนื้อเดียว กายประสานเป็นหนึ่งเชื่อมต่อกัน เสียดสีพลันสอดเสียวหฤหรรษ์
บรรเลงรักหรรษาพาใจหวามสะท้านตามทวงทำนองครรลองหวาม อนึ่งนั้นชื่นชีวาอยากครอบครอง เป็นคู่ครองชูชื่นนิรันดร
ปทุมถันเจ้างามล้ำเหนือคำพูด จะปลูกปั้นสรรแต่งจากแดนใด ไม่มีใครเทียบเท่าเจ้าเนื้อนวล กลิ่นยวนยวนก็หอมนักประจักษ์ใจ
กลีบของเจ้าชวนให้คลุกเคล้าเร้าอารมณ์ เจ้าประพรมน้ำหอมจากแดนไหน ทั้งหอมกายหอมใจชื่นอุรา ทุกทิวาราตรีอยากมีเจ้าไว้แนบกาย
แรงเสียดสีเนื้อกายช่างเสียวซ่าน ความอ่อนหวานคลุกเคล้าเร้าเสน่หา ความเสียดเสียวแนบจิตและวิญญา จะตรึงตราสองเราไม่คลาดคลาย
เสียงเนื้อกายกระทบกระแทกเขาหากัน จะคืนวันไหนเล่าไม่เท่านี้ จะมีใครเทียบเทียมแก้วตาพี่ คงไม่มีอีกแล้วในโลกา
อุ้งมือใหญ่ประสานแนบชิดสนิทเตียง ได้ร่วมเรียงเคียงหมอนอย่างสุขสม แรงกายใจสาดซัดเข้าโดยพลัน ไม่จากกันแน่แล้วแม่แก้วตา
หยาดน้ำหวานชโลมไล้แก่นกายใจชุ่มโชกแสนสุขสันต์พลันสุขสม ร่างกระตุกหวีดร้องในโดยพลัน จะสมรักกายสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียว
เขาซุกซบแก้วตาอย่างสุขสม เสียงระงมร้องครางจะรุ่งสาง เหมือนเนื้อนวลกลิ่นหอมไม่จืดจาง ไม่ทิ้งร้างห่างหายไปจากใจ
ร่างผวาสะท้านวาบ ให้หวามจิต ไก่ขันติดติดกันเสียหลายครั้ง นี่คือฝันไม่ใช่ความเป็นจริง พงศ์อินทร์มองรอบกายเมื่อตื่นขึ้นมา เขาฝันไปอีกแล้ว แต่เหมือนจริงมาก
ในห้องนอนกว้างคือห้องนอนของเขา ไม่ใช่ห้องโบราณเป็นเรือนไม้แม้สักนิด เขารู้สึกว่ากลิ่นหอมของเธอยังติดอยู่ที่จมูก ความรู้สึกหลากหลายเข้าจู่โจม ความอยากรู้อยากเห็น อยากเจอผู้หญิงคนนั้นตราตรึงจิต
มือของเขาอีกข้างลูบไล้แหวนพลอยนิลไปมาเบาๆ ก่อนจะสลัดผ้าห่มลุกจากที่นอนกว้าง วันนี้เขาต้องเดินทางไปอยุธยา
พงศ์อินทร์มาถึงอยุธยาเพื่อมาดูความคืบหน้าของการก่อสร้างรีสอร์ทซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว เขาคิดว่าค่อยไปดูบ้านเรือนไทยของตัวเองหลังจากทำธุระที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว รีสอร์ทที่นี่เป็นแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ หากพูดให้ถูก สำหรับไว้เป็นที่พักผ่อนสำหรับครอบครัว และเปิดให้แขกเข้ามาพักบ้างแต่ไม่ได้เน้นหวังผลกำไรมากมาย เพราะครอบครัวของเขาชอบการท่องเที่ยวและพักผ่อนตั้งแต่เด็กๆ เขาจึงค่อนข้างชอบการเดินทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ
ชายหนุ่มขับรถออกมาชมบ้านเมืองที่อยุธยา เขาเจอร้านขายภาพเก่าแก่ จึงแวะเข้าไปดูเพราะชื่นชอบเป็นพิเศษ เขาชอบวาดภาพ และจัดแสดงภาพวาดอยู่เสมอๆ ส่วนน้องชายของเขานั้นชอบถ่ายภาพ งานอดิเรกจึงเป็นตากล้องให้กับนิตยสารต่างๆ รวมถึงช่างภาพอิสระด้วย
“สวัสดีครับ เชิญชมด้านในก่อนครับ” เจ้าของร้านเป็นชายสูงวัยหน้าตาอิ่มเอิบ ผิวขาวจัด ท้วมน้อยๆ พงศ์อินทร์นึกวิเคราะห์ในใจถึงบุคลิกลักษณะเจ้าของร้านขายภาพวาด อีกฝ่ายเป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริงแจ่มใสยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา และสะอาดสะอ้าน ดูจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เล็บมือเล็บเท้านั้น บ่งบอกถึงคนที่มีสุขภาพดี ถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม นั่นทำให้พงศ์อินทร์นึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น
“ภาพนี้... ขายไหมครับ” พงศ์อินทร์ถามราวกับคนละเมอ ยืนนิ่งราวรูปปั้นเมื่อหันไปเห็นภาพภาพหนึ่ง ภาพหญิงสาวในชุดผ้าลูกไม้ นุ่งโจงกระเบนและพาดสไบ บนศีรษะมีที่คาดผมสีเดียวกับตัวเสื้อ ใบหน้าของเธออ่อนหวานงดงาม ดวงตาสุกสกาวจับตา ใบหน้ากลมหวานเป็นรูปหัวใจน่ารักและน่าพิศมอง เส้นผมดำขลับ ผิวพรรณนั้นผุดผ่องเป็นยองใย ซุกซ่อนความมีเสน่ห์อ่อนหวานเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมหากได้มองแล้ว ไม่อยากละห่างสายตาไปไหน เขารู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดเขาเข้ากับภาพตรงหน้า ผู้หญิงที่เขาเห็นในความฝัน
“ภาพนี้เหรอครับ มีคนเพิ่งเอามาขาย...” สีหน้าเจ้าของร้านขายภาพดูกระอักกระอ่วนใจอยู่มาก
“ผมสนใจจะซื้อครับ...” พงศ์อินทร์ไม่ได้มองสีหน้าของอีกฝ่าย ทองถมกำลังชั่งใจคิด นึกถึงคำพูดของหญิงสาวที่เขาเอ็นดูเหมือนลูกหลานที่เคยพูดกับเขาเอาไว้
“ลุงทองคะ ถ้าพี่บรรณขโมยภาพมาขาย ลุงทองช่วยซื้อเอาไว้ก่อนได้ไหมคะ บัวกลัวภาพจะไปอยู่กับคนอื่นแล้วซื้อคืนไม่ได้ ถ้าบัวมีเงินบัวจะรีบมาไถ่คืนนะคะ นะคะลุงทอง”
“คุณลุงครับ คุณลุง”
“ครับ”ลุงทองรับคำ หลุดจากภวังค์ความคิด กะพริบตาติดๆ กัน มองหน้าแขกของร้านนิ่ง
“คุณลุงจะขายไหมครับ” พงศ์อินทร์ถามอย่างไม่แน่ใจเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย
“คุณจะซื้อจริงๆ เหรอครับ” ทองถมมองภาพตามสายตาของชายหนุ่ม ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกถูกชะตากับผู้ชายคนนี้เหลือเกิน