บทที่ 7
บ่ายวันศุกร์ มาร่าแยกถุงใส่เครื่องกระป๋องออกจากกัน ถุงใบใหญ่ที่จะต้องส่งไปยังบ้านเล็กหลังนั้นวางทิ้งอยู่ตรงท้ายรถสเตชั่น แว็กก้อน ส่วนอีกถุงนั้นเธอแบกเข้าไปในบ้าน เสียงนาฬิกาโบราณตีบอกเวลาครึ่งชั่วโมงขึ้นพอดี ขณะนั้นบ่าย 3 โมงครึ่งแล้ว เวลาจะผ่านไปเร็วกว่าที่เธอคาดคิดมากนัก ดังนั้น เธอจึงรีบเอาเครื่องกระป๋องออก จากถุงใส่เข้าไว้ในตู้เย็น
ประตูครัวเปิดออกพร้อม ๆ กับรถของพ่อที่เคลื่อนเข้ามาหยุดอยู่
“รู้สึกว่าวันนี้ลูกกลับมาช้าไปหน่อยใช่ไหม” เขาเอ่ยถามราวจะตั้งข้อสังเกต
“ใช่” มาร่ามิได้หยุดมือที่กําลังจัดเก็บของเข้าตู้เย็นอยู่ “ตอนที่ฉันไม่อยู่คุณบูคาแนนเขามาถึงหรือยังล่ะ”
“ยังหรอก”
“ตอนนี้กุญแจกระท่อมอยู่ที่คุณหรือเปล่า” เธอทิ้งกุญแจพวงนั้นไว้กับเขาก่อนที่จะเข้าเมือง
“อยู่นี่” เขาล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อสเวตเตอร์สีแดงเลือดหมู สีที่เน้นให้ใบหน้าของเขาดูคมสันยิ่งขึ้นกว่า เดิมอีกมากนัก
มาร่าเอาผักกะหล่ำใส่ลงในช่องใส่ผักสดและผลไม้ เป็นรายการสุดท้าย เมื่อรับกุญแจมาจากบิดาแล้วก็เดินออกไปทางประตูด้านหลัง
“ฉันจะไปที่กระท่อมนะ ถ้าคุณบูคาแนนมาถึงก่อนที่ ฉันจะกลับมาละก้อ ให้เขาขับรถไปที่นั่นได้เลย” เธอสั่งอดัม
“ได้สิ” เขาตอบ และมาร่าก็เดินออกจากประตูไป
บ้านไร่ที่สร้างขึ้นด้วยศิลาสีแดงหลังนี้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 100 เอเคอร์กลางราวป่าของรัฐเพนซิลวาเนีย เจ้าของ เดิมได้ตัดต้นไม้ลงเป็นพื้นที่ประมาณ 200 เอเคอร์ติดกับที่ดินผืนนี้ ด้วยความตั้งใจที่ว่าสักวันหนึ่งจะขยายไร่ของตนออกมา ตอนที่อดัมซื้อที่ดินผืนนี้เมื่อ 20 ปีก่อน เขาได้ขายส่วนที่เป็นที่ทําไร่ 200 เอเคอร์นั้นไป และเก็บราวป่ารอบ บ้านหลังนี้ไว้ และเจ้าของไร่ที่อยู่ติดกันก็เช่าอีกบางส่วนไว้เป็นที่เลี้ยงปศุสัตว์ของตน
กระท่อมหลังเล็กนั้นตั้งอยู่ตรงมุมปลายสุดของที่ดิน มีทางเข้าออกได้ 2 ทาง สายหนึ่งนั้นเป็นถนนโรยกรวดที่เชื่อมต่ออยู่กับเส้นทางหลวงในชนบท ส่วนอีกสายหนึ่งเป็นถนนดินลูกรัง ที่ลดเลี้ยวเข้าไปในราวป่าจนถึงตัวบ้าน ในวันที่อากาศไม่ดี ถนนสายหลังนี้แทบจะใช้เป็นเส้นทางผ่านเข้าออกไม่ได้เลย แต่สําหรับฤดูนี้ไม่มีปัญหาอะไร
รถสเตชั่น แว็กก้อนคันนั้นวิ่งผ่านบริเวณคอกที่เลี้ยงปศุสัตว์เข้าไป บนที่ดินส่วนนั้นมีราวรั้วกั้นไว้เป็นอา ณาเขตเพื่อป้องกันมิให้ปศุสัตว์เพ่นพ่านออกมาข้างนอกได้ สองข้างทางประดับด้วยแมกไม้ที่กําลังเปลี่ยนสีด้วยใกล้จะถึงฤดูใบไม้ร่วงที่กําลังมาเยือน เห็นเป็นสีแดงเข้มสลับด้วยสีทองงามยิ่งนัก บนเส้นทางนั้นกลับเกลื่อนไปด้วยใบ
ดังกรอบแกรบไปตลอดทาง เมื่อมาร่าขับรถผ่านไปช้า ๆ เหนือขึ้นไปบนกิ่งไม้ใหญ่นั้น มีลักษณะคล้ายกับว่าที่เริ่ม เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่ เพื่อรอต้อนรับฤดูกาลที่กําลังจะมาถึง
มันเป็นช่วงเวลาบ่าย ที่บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันท้องฟ้าเป็นสีครามใสปราศจากเมฆหมอกบดบัง อากาศ ค่อนข้างหนาวเย็น แต่มาร่าก็รู้สึกอบอุ่นสบายในเสื้อสเวตเตอร์สีครีมคอตลบ สําหรับวันในเดือนกันยายนเช่นนี้ สี อ่อน ๆ ของตัวเสื้อช่วยขับความเข้มของสีเรือนผมให้เด่นขึ้น
เมื่อหักพวงมาลัยเลี้ยวไปตามแนวโค้งสุดท้ายของถนน เธอก็มองเห็นตัวบ้านที่ตั้งอยู่ในระหว่างแมกไม้ มาร่าลดความเร็วของรถลง และในที่สุดก็จอดสนิทลงตรงหน้ากระท่อม
หลังคาที่ลาดเอียงลงของตัวกระท่อมเล็ก ๆ หลังนี้ มุงด้วยแผ่นไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ใช้แทนกระเบื้อง ประตูหน้าต่างฉาบไว้ด้วยสีแดงสนิม เข้ากับบรรยากาศของราวป่าในยามนี้อย่างดี
ด้วยมือข้างหนึ่งที่อุ้มถุงใส่เครื่องกระป๋องไว้ เธอเอื้อมไปไขกุญแจประตูและเดินเข้าไปภายใน ประตูบานนี้เปิดเข้าสู่ห้องนั่งเล่น ซึ่งภายในมีเตาผิงแบบพื้นเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งอยู่เป็นจุด ๆ มิได้ทําลายความงาม และความน่าอบอุ่นสบายของห้องลงเลยแม้แต่น้อย
ทางด้านซ้ายมือนั้นคือห้องครัวอันเป็นจุดหมายปลายทางของมาร่า เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนี้ได้แก่ ตู้เก็บของที่ทําจากไม้เบิร์ช เคาน์เตอร์ โต๊ะอาหารเล็ก ๆ กับเก้าอี้ และเครื่องครัวอันประกอบด้วยหม้อทองแดงขนาดต่าง ๆ แขวนอยู่เหนือเตา บรรยากาศภายในบอกความเป็นบ้านที่อบอุ่นน่าอยู่ มาร่าวางถุงในมือลง และกลับออกไปที่รถเพื่อจะขนถุงอื่นเข้ามา
สําหรับห้องสุดท้ายในบ้านหลังนี้ เป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำอยู่ในตัว และถึงแม้ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีอยู่เพียง 3 ห้อง แต่มันก็สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้พบเห็น ราวกับบ้านที่มีห้องหับโอ่โถงเช่นกัน แต่ขณะนี้มาร่าไม่มีเวลาจะชื่นชมกับความสามารถในการออกแบบของช่างที่ปลูกกระท่อมหลังนี้ได้นาน เพราะจะต้องเก็บเสบียงอาหารให้เข้าที่ทางเรียบร้อยโดยเร็ว
เครื่องกระป๋องในถุงใบหลังถูกจัดเข้าที่ไปเกือบครึ่งแล้ว ตอนที่มาร่าคิดว่าเธอได้ยินเสียงรถยนต์ดังมาจากภายนอกตัวบ้าน เธอหยุดมือลงและเงี่ยหูฟัง แล้วก็ได้ยินเสียงประตูรถที่กระแทกปิดบังใหญ่ ด้วยความใคร่รู้ทําให้มาร่าวางขวดกาแฟไว้บนเคาน์เตอร์ เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างครัว ทอดสายตามองออกไปภายนอก เพื่อที่จะดูว่าคนที่จะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร และก็ทันได้เห็นสุภาพบุรุษร่างสูง เรือนผมเป็นสีเทาเดินตรงมา ยังประตูบ้านก่อนที่จะเลี้ยวลับมุมบ้านหายไปจากสายตา
มาร่ากําลังจะหันหลังเดินออกจากหน้าต่างตอนที่มีเสียงเคาะดังขึ้นหน้าประตู สัญชาตญาณแห่งความไว้ตัวกระมังที่ทําให้เธอยึดไหล่ เชิดหน้า พร้อมกันนั้นแววเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในสีหน้า เมื่อเดินไปเปิดประตูรับเขา
ตอนที่เธอเปิดประตูออกนั้น รอยยิ้มต้อนรับแต่งแต้มขึ้นมาบนเรียวปาก แต่แล้วสายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับเรือนร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้ยืนอยู่ภายนอก และประสานสายตาอยู่กับดวงตาคู่สีฟ้าแกมเทา ซึ่งทําให้รอยยิ้มนั้นเลือนหายไปในทันที ความตกใจผ่านเข้ามาในอนุสติ แต่ก็จางหายไปในเวลาอันรวดเร็ว
ผู้ชายคนที่กําลังยืนเผชิญหน้าเธออยู่ในขณะนี้ มิใช่สุภาพบุรุษสูงอายุอย่างที่เธอเห็นไปเองเมื่อครู เรือนร่างและท่าทางของเขา บอกความเป็นชายชาตรีทุกกระเบียดนิ้ว ผิวพรรณค่อนข้างคล้ำด้วยละไอแดด ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่บอกให้รู้ถึงความเป็นผู้เจริญแล้วของเขาอยู่บ้าง นั่นก็คือ เสื้อนอกสีเข้มลายทาง กับกางเกงขายาวสีเดียวกัน เรือนผมของเขาเป็นสีเทาดําที่เพิ่มความคมเข้มให้กับใบหน้าอย่างมาก
ขณะที่เธอกําลังมองเขาอย่างจรดจ้องอยู่นั้น เขาก็พินิจพิจารณาเธออยู่ด้วยสายตาแปลก ๆ คล้ายกับว่าเธอมิได้เป็นเช่นที่เขาหวังไว้ว่าจะได้เห็น บางทีมันอาจจะมีความผิดพลาดในอะไรบางอย่างเกิดขึ้นก็ได้ มาร่าพยายามยึดฟางเส้นสุดท้ายนี้ไว้
“คุณบูคาแนนใช่ไหมคะ” เธอเอ่ยถามขึ้น
“ครับ” เขาผงกศีรษะรับรองในคําตอบของตนเอง “ผมแวะไปที่บ้านไร่ และคุณเพรนทิสก็ให้ผมมาที่นี่ เป็นลูกสาวเขาใช่ไหมครับ”
น้ำเสียงของเขาฟังแปลกหูอยู่ไม่น้อย แต่มาร่าไม่ยอมทรยศต่อความตั้งใจดั้งเดิมของตัวเองอย่างเด็ดขาด แววไว้ ตัวฉายชัดขึ้นบนใบหน้ายิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ใช่ค่ะ ฉันชื่อมาร่า เพรนทิส” ซึ่งคําแนะนําตัวเองดังกล่าวนี้เท่ากับเป็นการบังคับให้เธอต้องสัมผัสมือกับเขาตามมรรยาท
เธอจึงยื่นมือออกไปให้เขาและถูกรวบเข้าไว้ในอุ้งมือใหญ่ ๆ นั้น มาร่ารู้สึกไม่พอใจในความอบอุ่นที่แล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์ยามนี้เลย มันทําให้เธอด้อยค่าลงอย่างไรบอกไม่ถูก และรู้สึกเย็นเยือกไปทั้งเนื้อตัว เมื่อเขาปล่อยมือเธอออก
มีรอยยิ้มขัน ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบูคาแนน
“บอกตามตรงนะครับ ผมคิดว่าจะได้พบกับภรรยาของคุณพ่อคุณหรือน้องสาวของเขาเสียอีก”
“แม่ฉันตายไปนานแล้วค่ะ” มาร่าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทําไมจะต้องเล่าเรื่องนั้นให้เขาฟังด้วย
“มาร่า เพรนทิส...ก็คือ เอ็ม. เพรนทิส ใช่ไหมครับ” เขาหมายถึงลายเซ็นในสัญญาเช่า
“ใช่ค่ะ” เธอตอบ พยายามยืนตัวตรงเข้าไว้ ราวกับว่าร่างเล็ก ๆ ของเธอจะข่มเขาได้