บทที่ 6
มาร่าเปิดจดหมายออกอ่าน และตรวจรายการอาหารประเภทเครื่องกระป๋องที่จะต้องจัดซื้อ ความรู้สึกในตอนแรกที่เธอมีต่อบุรุษผู้นี้ก็คือ รู้สึกว่าเขาบังอาจมากไปหน่อย ที่มาใช้ให้เธอช่วยจัดหาเสบียงอาหารเตรียมไว้ให้ แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า ถึงอย่างไรเขาก็มิได้คิดจะใช้เปล่าๆ และดูจะเต็มใจที่จะจ่ายเงินเป็นค่าบริการพิเศษให้ด้วย
“คุณบูคาแนนนี้ใจดีจังนะ” เธอปรารภขึ้นเบา ๆ แต่กระนั้นมันก็มีแววประชดประชันเจือปนอยู่ในน้ำเสียง
“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายกว่า ถ้าคุณจะช่วยดูแลจัดซื้อของตามรายการนั่นเตรียมไว้ให้เขา” ฮาร์ฟเอ่ยขึ้น “แต่ถ้าคุณไม่ว่าง ผมก็คงจะต้องให้พนักงานที่บริษัทช่วยจัดการเรื่องนี้ให้”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันซื้อเองได้ เพราะถึงยังไงฉันก็จะต้องเข้าไปซื้อของในเมืองอยู่แล้ว” เธอบอก
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” เขาพูดยิ้ม ๆ “อ้อ...อีกเรื่องหนึ่ง ผมนัดให้เขาแวะมาหาคุณที่บ้านเพื่อมารับ กญแจกระท่อม ในจดหมายนั่นเขาก็ไม่ได้บอกมาเสียด้วยสิ ว่าจะมาถึงตอนไหน สํานักงานผมปิดตอนห้าโมงเย็น เพราะฉะนั้น ผมว่ามันจะเป็นการสะดวกกว่าถ้าเขาจะมารับจากคุณที่นี่เลย”
“ดีแล้วละ” มาร่าตอบอย่างเห็นด้วย พับเอกสารทั้งหมดสอดใส่ซองตามเดิม “ถึงยังไงคุณบูคาแนนกับฉันก็จะต้องพบกันอยู่แล้ว และน่าจะพบกันตั้งแต่ตอนที่เขาย้ายเข้ามาเสียเลย”
มันมีความหวั่นไหวบางอย่างเกิดขึ้น แต่มาร่าบอกตัวเองว่า เป็นเพราะเธอไม่เคยเป็นเจ้าของบ้านเช่ามาก่อนนั่นเอง มันเป็นประสบการณ์ใหม่สําหรับเธอ
“ผมน่ะอยากเป็นคนเช่าบ้านหลังนั้นเสียเองจริง ๆ คุณจะได้เป็นเจ้าของบ้านเช่าของผมไงล่ะ แต่มันติดอยู่ตรงปัญหาที่ว่าค่าเช่าบ้านแพงเกินไป ผมสู้ไม่ไหว” ฮาร์ฟพูดยิ้ม ๆ
“ฉันก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า คนอย่างคุณน่ะหรือจะไม่มีปัญญาจ่าย” มาร่าสวนกลับไป
รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น ทําให้ใบหน้าดูอ่อนลงราวเด็กหนุ่ม
“เออ...ถ้าจะพูดกันตามความจริงนะ เดือนนี้รายได้ของผมก็ไม่เลวหรอก คุณเองก็เหมือนกันมีเช็คใบนั้นอยู่ในมือทั้งใบนี่” เขาชี้ไปยังเช็คที่ถืออยู่ในมือ “เราไปฉลองกันหน่อยดีไหมล่ะ คืนวันเสาร์ทานอาหารค่ำกันเป็นไง”
แต่มาร่ารีบสั่นศีรษะปฏิเสธทันที
“สงสัยจะไปไม่ได้หรอกนะ ฮาร์ฟ...ฉัน...”
“ถ้าคุณจะพูดว่า เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันละก้อ...อย่าพูดเลย ผมไม่ยอมฟังหรอกนะ มาร่า คราวนี้ผมเห็นจะไม่ยอมให้คุณปฏิเสธผมอีกหรอก”
“ฮาร์ฟ...” มาร่าสูดลมหายใจลึก บอกตัวเองว่าจะต้องใช้ความใจเย็นเข้าสู้
“ไม่ละ มาร่า ผมหมายความตามที่พูดจริง ๆ ทําไมคุณถึงจะออกไปกับผมคืนวันเสาร์ไม่ได้นะ” เขาเสียงเครียด รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า “ฉันจะทิ้งอดัมให้อยู่คนเดียวนาน ๆ อย่างนั้นไม่ได้หรอก” เธอให้เหตุผล
“พุทโธ่เอ๊ย แค่วันเดียว แล้วก็ไม่กี่ชั่วโมงด้วย พ่อคุณเขาดูแลตัวเองได้หรอกน่า ผมเพียงแค่ขอให้คุณไปกิน อาหารค่ำกับผมเท่านั้นนะ ไม่ใช่ให้อยู่ด้วยทั้งคืนเมื่อไหร่กันเล่า”
“ฉันเห็นจะเชื่อคุณไม่ได้หรอก ฉันไม่ควรทิ้งอดัมไว้เพียงลําพังคนเดียว” มาร่ามิได้หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
“ผมก็ยอมรับฟังข้ออ้างของคุณไม่ได้” เขาเอื้อมมือมาจับไหล่เธอไว้ก่อนที่มาร่าจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมมีความรู้สึกยังไงในตัวคุณ ผมขอออกเดทกับคุณมาเป็นเดือนแล้วนะ จะให้ผมเลิกความหวังในตัวคุณน่ะมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“โอ...ได้โปรดเถอะ ฮาร์ฟ” แววในดวงตาของเธอกระด้างขึ้นมาทันที “กรุณาอย่าได้เอาคําพูดพรรค์นั้นมาใช้กับฉันเลย คุณคงไม่หวังว่าฉันจะเชื่อคําพูดของคุณหรอกนะ”
“ผมพูดจริงนะ” น้ำเสียงของเขาบอกความโกรธที่ถูกสงสัยในความจริงใจของตัวเอง
“และฉันก็ควรจะเชื่อถือในคําพูดของคุณ ว่าคุณคิดถึงฉันตลอดเวลาที่ออกเดทกับพวกผู้หญิงทั้งหลายนั่นด้วยสินะ...เดี๋ยว....มีใครบ้างล่ะ...ทั้งนางพยาบาล ครู เลขานุการ ของทนายความคนนั้น แล้วก็ยัง...”
“ได้โปรดเถอะ มาร่า นี่คุณหวังจะให้ผมทํายังไงกันแน่” เขาปล่อยมือจากเธอสะบัดหน้าไปทางหนึ่ง พร้อมกับยกมือขึ้นเสยผมอย่างขัดใจ
“ฉันไม่เคยหวังอะไรจากคุณหรอก” ซึ่งมันก็เป็นความจริงในหลาย ๆ ประการทีเดียว
“เอาละ ผมยอมรับว่าผมก็ต้องออกเดทกับผู้หญิงคนอื่นบ้าง” ฮาร์ฟกล่าวอย่างยอมรับในความจริง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเชิงปกป้องการกระทําของตนเองอยู่ “ทําไมผมถึงจะทําไม่ได้เล่า ทุกครั้งที่ผมมาพบคุณก็ได้แต่ความเย็นชากลับไปทุกที ผมเป็นมนุษย์นะ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนอย่างคุณนี่ แล้วผมก็เป็นผู้ชายด้วย”
“ถ้าคุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวฉันในลักษณะนั้นอยู่ละก้อ ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรคุณถึงได้วนเวียนอยู่กับฉันล่ะ” มาร่ากระแทกเสียงใส่
“นี่...คุณร้อะไรไหม” ดวงตาที่จ้องมองหน้าเธอเป็นประกายกล้า ริมฝีปากที่เคยฉาบอยู่ด้วยรอยยิ้มเครียดขึ้น “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า ทําไมถึงต้องมาวนเวียนอยู่กับคุณ ทั้งๆที่รู้ว่ามันเสียทั้งเวลาเสียทั้งน้ำใจ รู้ก็รู้ว่าถึงยังไงคุณก็จะต้องพยายามทําตัวเป็นองุ่นเปรี้ยวอยู่ตลอดเวลา”
มาร่ามิได้รู้สึกอะไรเลยตอนที่เขากระแทกเท้าเดินออกไปจากที่นั้น เสียงกระแทกประตูที่ดังตามมาอันเป็นการตอบโต้แบบเด็ก ๆ ทําให้เธอถึงกับยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกขบขัน แต่แล้วเสียงล้อรถที่ครูดกับพื้นห้องก็ลบรอยนั้นให้เลือนหายไปในทันที เธอหันไปเผชิญหน้ากับบรษผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดา
“รู้สึกว่าฮาร์ฟรีบกลับเร็วจริง คงมีเรื่องด่วนอะไรกระมัง” อดัมเอ่ยขึ้นเป็นเชิงถาม
“ฮาร์ฟบอกว่าเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีนัดสําคัญที่ไหนสักแห่งหนึ่งนี่” เธอตอบเรียบ ๆ
“นัดอะไรมันถึงได้กระทันหันอย่างนั้นเล่า” สีหน้าของอดัมบอกความรู้เท่าทันลูกสาวอยู่ “สงสัยจะโดนหิมะกัดละมั้ง”
“ทําไม... คุณคิดว่าในห้องนี้น่ะมันหนาวเย็นจนถึงขนาดนั้นเชียวเรอะ” มาร่าแสร้งย้อนถามอย่างจงใจ “เอ... แต่ฉันว่าอากาศมันก็กําลังสบายดีนี่นะ สงสัยคุณคงอยากใส่เสื้อหนาวขึ้นมาแล้วละมั้ง”
“โอ๊ะ... ไม่จําเป็นหรอก” อดัมพูดอย่างอ่อนใจ “เวลานพ่อทําใจให้เคยชินกับไอ้ความกระด้างเย็นเยือกได้ แล้ว” เขาจับสายตาอยู่กับเอกสารที่มาร่าถืออยู่ในมือ “นั่นคงเป็นสัญญาเช่าบ้านสินะ”
“ใช่ คุณบูคาแนนเขาจะมาถึงวันศุกร์นี้แล้ว บางทีคุณควรจะตรวจเอกสารนี้เสียหน่อย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มี ใครมาถือประโยชน์จากฉันได้ไงล่ะ” เธอเดินมายังเก้าอี้ล้อเลื่อนโยนซองเอกสารลงบนตักบิดา
เจตนาของเธอที่แสดงออกมาสร้างความพิศวงให้เกิดขึ้นกับเขา แต่ในที่สุดเมื่อเห็นจํานวนเงินค่าเช่าเข้า ก็เริ่มจะเข้าใจในอะไรบางอย่าง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นแววแห่งชัยชนะฉายชัดอยู่ในดวงตาของมาร่า
“คิดว่าไงล่ะ” มาร่าถามด้วยน้ำเสียงท้าทาย
“ก็วิเศษสุดน่ะสิ” เขาส่งเอกสารทั้งหมดคืนกลับให้เธอ “พ่อแปลกใจจริง ๆ นะว่าลูกทําได้ยังไง”
“บางทีอาจจะเป็นโชคลาภที่ลอยมาตอบแทนการทําแต่คุณงามความดี การดํารงชีวิตอยู่อย่างสะอาดบริสุทธิ์ละมั้ง” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาแฝงไว้ด้วยความหยันเยะอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เพราะอดัมเคยพูดจาเป็นเชิงล้อเลียนอยู่เสมอว่า เป็นคนที่จะต้องทําอะไรอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมตลอดเวลา
ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีดําสนิทส่ายอยู่ไปมาเมื่อเขาเปล่งเสียงหัวเราะแกมถอนหายใจออกมา
“แล้วลูกขอบอกขอบใจฮาร์ฟเขาบ้างหรือเปล่าล่ะ ที่ช่วยติดต่อหาคนมาเช่า พร้อมทั้งช่วยทําสัญญาให้จนแล้วเสร็จ หรือว่าไล่เขาออกจากบ้านเพราะลูกมองเห็นว่าเขาหมดประโยชน์ และไม่ต้องการใช้เขาอีกต่อไปแล้ว”
มาร่ายืนตัวแข็งไปในทันที
“ฮาร์ฟเขาก็รู้อยู่แล้วนี่ ว่าฉันให้เครดิตในเรื่องที่เขาช่วยฉันในครั้งนี้อย่างเต็มที่ เราติดต่อกันแต่เฉพาะในเรื่องธุรกิจเท่านั้น เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้มีข้อผูกมัดอะไรว่า ฉันจะต้องออกไปดินเนอร์กับเขา เพียงเพราะว่าผลสรุปมันออกมาเป็นที่น่าพอใจหรอก”
“ฮาร์ฟนี่มันน่าสงสารจริง ๆ” อดัมพูดขรึมๆ “อันที่จริงพ่อก็ควรจะได้เตือนเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า อย่าได้ หวังอะไรจากเรามากนัก เพราะเรามันพวกจริยธรรมสูงอยู่”
มาร่าอยากจะเต้นเร่า ๆ กรีดเสียงใส่หน้าบิดาให้เลิกเสียดสีเธอเช่นนี้เสีย แตก็กล้ำกลืนความรู้สึกนั้นลงไว้ ตอบด้วยน้ำเสียงชาเย็นว่า
“ฉันไม่ห่วงเรื่องฮาร์ฟหรอก เพราะเขาเองก็มีความเห็นคล้อยตามคุณอยู่แล้วนี่ ฉันมันไม่ใช่คน”
เขาประสานสายตาอยู่กับเธอเป็นครู่ มีแววบางอย่างเปล่งประกายขึ้นในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น เพียงแต่ว่ามาร่าอ่านไม่ออก และไม่คิดจะใช้ความพยายามด้วย
และแล้วอดัมก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขยับตัวอยู่ในเก้าอี้ และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสีย
“ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า พอถึงวันศุกร์ลูกก็จะเป็นเจ้าของบ้านเช่าเต็มตัวแล้วสินะ”
“ใช่” มาร่าตอบห้วน ๆ พร้อมกับก้าวเท้าออกเดินตรงมายังเก้าอี้ ไสให้หันไปทางห้องสมุด “บ่ายวันศุกร์ฉัน จะต้องเข้าเมืองไปซื้อของตามรายการที่มิสเตอร์บูคาแนนเขาขอร้องมา ถ้าอยากจะได้อะไรบอกมาก็แล้วกัน ฉันจะ ซื้อมาให้”
“ช่วยซื้อลูกสาวที่น่ารักกลับมาฝากสักคนเป็นไง” เขาสนองตอบด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความเหนื่อยอ่อนในหัวใจ
“ครั้งหนึ่งคุณก็เคยมีมาแล้วนี่” มาร่าไม่จําเป็นต้องพูดให้มากความไปกว่านั้น เพราะอดัมรู้ดีอยู่แล้ว