บทที่ 5
มาร่าสัมผัสละไออุ่นจากลมหายใจของเขาที่ลวกรดอยู่ตรงต้นคอ ที่เปิดเผยจากปอยผมที่ตัดไว้เป็นทรงบ๊อบสั้น บังเกิดความรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจขึ้นมา ที่ฮาร์ฟนั่งนับจํานวนครั้งที่เธอบอกปฏิเสธเขาไว้ ทําไมนะ..ทําไมเขาจึงไม่ยอมรับรู้เสียที่ว่า ที่เธอทําเช่นนั้นเพราะอะไร
“มันเป็นเพียงแค่ที่ว่า วันนี้ฉันไม่ว่างพอที่จะไปกับคุณเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก” เธอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และมิได้หวั่นไหวกับคําพูดเป็นเชิงประชดประชันของเขาเลยแม้แต่น้อย
ความเงียบเกิดขึ้นเป็นครู่ มาร่ารู้ดีว่าฮาร์ฟกำลังต่อสู้กับความคิดของตัวเองอยู่ในใจว่า ควรจะยื่นคำขาดกับเธอดีหรือไม่ แต่ในที่สุด แรงกระชับของอุ้งมือนั้นก็คลายลง พร้อมกับที่เขาถอยออกห่าง หัวเราะเบา ๆ อยู่ในลําคอ
“ผมก็รู้เหมือนกันนะ มาร่า ว่าสําหรับคุณแล้วผมเป็นอะไร” เขาเอ่ยขึ้น “กับผู้หญิงคนอื่น ๆ แล้วถ้าปฏิเสธ คําชวนของผมเป็นครั้งที่สองผมก็เลิกเลย แต่กับคุณแล้ว ผมก็ยังปล่อยให้ตัวเองทนฟังคําปฏิเสธของคุณอยู่ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่นั่นเอง”
“ฉันจะไปเอากุญแจบ้านมาให้” เธอตอบ
“นั่นน่ะเรอะที่คุณจะพูดกับผม” แม้น้ำเสียงจะขึ้งโกรธ แต่ก็ยังแฝงแววขบขันอยู่ “ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมา ทําลายความเย็นชาของคุณลงได้เลยนะ”
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนเรียวปาก แต่มาร่ามิได้ตอบในสิ่งที่เขาถาม เพียงแต่รู้สึกสงสัยว่าบางทีฮาร์ฟอาจจะรู้ในคําตอบแล้วก็ได้ เธอเดินออกจากครัวเดินตรงไปยังห้องทํางานที่เก็บกุญแจไว้ในโต๊ะทํางานของพ่อ
“จะออกไปที่บ้านหลังเล็กหรือ” อดัมเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นลูกสาวหยิบกุญแจออกมา
“ฉันไม่ได้ไปหรอก ฮาร์ฟเขาจะไปถ่ายรูป เห็นว่าจะส่งไปให้คนที่เขาติดต่อมาจะเช่าบ้านน่ะ” เธอซ่อนเร้น ความปราโมทย์ไว้ ขณะที่เธอถ่ายทอดความรู้นั้นให้กับผู้เป็นบิดา เพราะรู้ดีว่าเขาไม่เคยเห็นด้วยกับการที่เธอจะให้เช่าบ้านหลังนั้นเลย
“อย่างนั้นหรอกหรือ พ่อคิดว่ามันยังไม่เสร็จเสียอีก”
“เรื่องซ่อมแซมน่ะทําเสร็จหมดแล้ว เพียงแต่ยังหาเฟอร์นิเจอร์ใส่เข้าไว้ไม่เรียบร้อยเท่านั้น แต่ดูเหมือนคนที่เขาสนใจจะเช่าเขาไม่รังเกียจเรื่องนี้หรอก” มาร่าอธิบาย แต่ขณะเดียวกันเธอมิได้เล่าให้เป็นผู้เป็นบิดาได้รับทราบเรื่องการขึ้นค่าเช่าบ้านหลังนั้นให้แพงขึ้นกว่าเดิม มันเป็นความลับที่เธอต้องการจะเก็บไว้ จนกว่าการเซ็นสัญญาจะเรียบร้อยลงแล้ว
“อย่างน้อยลูกก็ควรจะแน่ใจเสียก่อนก็แล้วกัน ว่าคนที่เขามาเช่าบ้านนั่นน่ะเขาเป็นคนยังไง” อดัมอดเป็น ห่วงลูกสาวไม่ได้ “มีเจ้าของบ้านมากมายที่เขาไม่เคยเก็บค่าเช่าบ้านได้เลย แล้วก็ยังมีคนอีกเป็นจํานวนมากที่ไม่เคย คิดจะให้ความดูแลเอาใจใส่ในทรัพย์สินของคนอื่น”
“ฉันไม่ได้ต้องการคําแนะนําของคุณหรอกนะ อดัม” เธอตอบโต้ออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันจัดทําด้วยตัวเองมาโดยตลอด และอีกประการหนึ่งฉันก็ปกครองดูแลตัวเองมาตั้งแต่วันที่คุณเดินออกไปจากชีวิตของเราแล้ว”
ผู้เป็นบิดาระบายลมหายใจยาวออกมา “พ่อไม่ได้คิดที่จะ...”
“ฉันรู้ว่าที่คุณคิดจะทํามันคืออะไร” มาร่าขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คุณอาจจะอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ก็จริงแต่คุณไม่มีทางที่จะมาควบคุมการดําเนินชีวิตฉัน เหมือนอย่างที่คุณเคยควบคุมการดําเนินชีวิตของแม่มาแล้วหรอก”
เธอหันหลังเดินกระแทกเท้าออกไปจากห้อง ฮาร์ฟยังคงรออยู่ในครัว เขาหันหน้ามามองเมื่อเธอเดินกลับเข้าไป แต่มาร่าไม่แยแสกับสายตาที่มองมาอย่างจะโลมเลียม ซึ่งทําให้เขาต้องสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อที่จะสงบสติอารมณ์ไว้ให้มั่น
“นี่ค่ะ กุญแจ” เธอส่งให้เขา
เขามองดูมันอยู่เป็นครู่ ก่อนที่จะเอื้อมมารับ
“เดี๋ยวพอเสร็จแล้วผมจะเอามาคืนให้ คงไม่นานหรอก”
“ค่ะ” มาร่าตอบสั้น ๆ ทั้งที่รู้ว่าเขาอยากจะให้เธอพูดอะไรให้มากกว่านั้น
“คุณแน่ใจหรือว่าไม่เปลี่ยนใจไปกับผม” ฮาร์ฟยังไม่ละความพยายาม
“ผมก็คิดอยู่แล้วว่าคุณต้องเป็นอย่างนี้” รอยยิ้มหมอง ๆ ปรากฏขึ้น “แล้วพบกันนะ”
“ค่ะ สวัสดีนะ ฮาร์ฟ”
“แล้วคุณก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องบ้าน หรือนายซินแคลร์ บูคาแนน นั่นหรอกนะ ผมจะดูแลให้เรียบร้อย เอง ให้คุณได้ทําสัญญาที่เป็นประโยชน์ที่สุด ถ้าไม่ดีจริงก็บอกเลิกไปเลย”
เมื่อฮาร์ฟออกจากบ้านไปแล้ว มาร่าก็ยังอ้อยอิ่งอยู่ รู้ดีว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะต้องเป็นของเธอแต่เพียง ผู้เดียว เธอจะไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของฮาร์ฟ หรือเงินจํานวนนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องไม่ใช่อิทธิพลของอดัมผู้เป็นบิดาอย่างเด็ดขาด
อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฮาร์ฟได้โทรศัพท์มาหามาร่า บอกให้เธอได้รับรู้ไว้ว่า ซินแคลร์ บูคาแนน มีความสนใจที่จะเช่ากระท่อมเล็กหลังนั้นมาก และอีก 2-3 วันฮาร์ฟก็มาที่บ้านไร่ พร้อมด้วยเอกสารรับรองฐานะของบูคาแนน
“ดูนี่สิ เราตรวจสอบเรื่องราวของเขามาหมดแล้วนะ” ฮาร์ฟเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความมีชัย มาร่ารับเอกสารทั้งหมดไปอ่านดู “เขาไม่เพียงแต่จะเป็นบุคคลที่มีประวัติเยี่ยมเท่านั้น ผมเองยังถึงกับไม่สบายใจเลย ที่ไปสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องเครดิตของเขาเข้า”
มาร่าพิจารณาข้อความในเอกสารเหล่านั้นอยู่เป็นครู่ พยายามจะมองหาข้อผิดพลาดหรือจุดที่จะตําหนิได้ แต่ก็หาไม่พบ ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจสลัดความรู้สึกอึดอัดใจอย่างไรพิกลออกไปได้
“ดูเหมือนคุณจะพูดถูกนะ” ในที่สุดเธอจําเป็นต้องคล้อยตาม แม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจนัก
“เอ...อันที่จริงคุณน่าจะกระตือรือร้นมากกว่านี้อีกสักหน่อยนะ” ฮาร์ฟพูดขรึมๆ “นี่นะมันเป็นเรื่องของความสําเร็จเชียวนะ มาร่า มันน่าเชื่อเลยว่าคุณจะได้รับข้อเสนอที่วิเศษขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่กระท่อมนั่นมันก็นิดเดียว ผมไม่เห็นมันจะเสียหายอะไรตรงไหนเลยถ้าคุณจะแสดงความดีใจออกมาบ้าง”
“ฉันรู้...เรื่องที่ว่าตัวเองเป็นคนโชคดีน่ะ” มาร่าตอบ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ค่อย ๆ บรรจงพับเอกสารในมือใหเรียบร้อยก่อนจะสอดกลับเข้าไว้ในซอง “แต่ฉันคิดว่ามันจะเป็นการฉลาดกว่านะ ที่จะแสดงความดีใจตอนที่ได้เห็นลายเซ็นของเขาในสัญญาเช่าเสียก่อน”
“ก็ต้องทั้งลายเซ็น ทั้งเช็คค่าเช่า ตั้งแต่เดือนแรกถึงเดือนสุดท้ายนั่นแหละ อย่าลืมสิ” ฮาร์ฟพูดเป็นเชิงเตือน
“ฉันไม่ลืมหรอก” เธอตกปากรับคํา
“เอาละ และสําหรับตอนนี้” เขาล้วงลงไปในกระเป๋าด้านในของเสื้อนอก ดึงซองเอกสารอีกซองหนึ่งออกมา “คุณเซ็นชื่อลงในสัญญาเช่านี้เสียก่อน ผมจะได้ส่งไปให้บูคาแนนเซ็นต่อ”
เขาคลี่เอกสารสัญญาเช่า ซึ่งเป็นแบบฟอร์มตัวพิมพ์เรียบร้อยลงบนโต๊ะในครัว พร้อมกับส่งปากกาให้มาร่า เธอหยิบขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ก่อนที่จะเซ็นชื่อลงตรงเส้นที่ฮาร์ฟชี้ให้ เมื่อเรียบร้อยแล้วมาร่าก็รู้สึกสบายใจที่ตัวเองได้ตัดสินใจครั้งสําคัญนี้ไปได้เสียที แต่มันก็ออกจะเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเยาะอยู่ ทั้งนี้เพราะมันก็เป็นเพียงแค่สัญญาเช่าบ้านธรรมดา ๆ มิได้มีความสลักสําคัญถึงขั้นที่จะมาเปลี่ยนแปลงวิถีทางในชีวิตสักหน่อย
“ทําไมถึงสีหน้าเป็นทุกข์นักล่ะ” ฮาร์ฟถามล้อ ๆ “มันก็เป็นเพียงแค่เซ็นชื่อลงไว้ในเอกสารอย่างเป็นทางการเท่านั้น”
“ฉันไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรอย่างที่คุณคิดหรอกน่า” เธอปฏิเสธทันที
และเช่นที่ฮาร์ฟได้กล่าวไว้ ภายหลังจากที่ได้ส่งสัญญาเช่าฉบับนั้นไปให้ซินแคลร์ บูคาแนน เซ็นแล้ว ใน ซองเอกสารที่ส่งกลับมามีทั้งสําเนาคู่ฉบับ ซึ่งมีลายเซ็นของเขาอยู่อย่างเรียบร้อย พร้อมด้วยเช็คใบหนึ่ง ตอนที่เขาเอามาส่งให้เธอที่บ้าน มาร่าพอจะเดาเหตุผลที่ทําให้เขามาหาเธอได้จากสีหน้าของฮาร์ฟนั่นเอง
“เอ้า...ได้แล้ว” เขาส่งซองมาให้ สีหน้าบอกความปลื้มอยู่มาก “เรียบร้อยทุกอย่าง”
มาร่ารับซองนั้นมาเปิดออก ดึงเอกสารภายในออกมา มองดูลายเซ็นที่ปรากฏอยู่บนบรรทัด ‘ผู้เช่า’ เหมือนจะให้แน่ใจว่าเขาได้เซ็นมาแล้วจริง ๆ มีแคชเชียร์เช็คอีกหนึ่งใบแนบมากับสัญญาฉบับนั้นด้วย มาร่ามองดูจํานวนเงิน และแล้วก็ต้องหันไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามฮาร์ฟว่า
“เอ๊ะ ฉันว่าจํานวนเงินที่มันไม่ถูกต้องนะ มันมากกว่าค่าเช่าตั้งแยะ” เธอมีสีหน้างนงง
“ผมรู้แล้วละ” ฮาร์ฟตอบไปตามความจริง ชี้นิ้วไปยังแผ่นกระดาษที่เธอถืออยู่ “มีจดหมายอยู่อีกฉบับไงล่ะ เรื่องของเรื่องมันก็คือว่า คุณบูคาแนนนะเขาจะขับรถมาถึงที่นี่ค่ำวันศุกร์ เขาก็เลยเขียนรายการเสบียงกรังที่ต้องการมาด้วย เพราะฉะนั้นเขาถึงได้เพิ่มเงินมาให้เป็นพิเศษ เพื่อที่คุณจะได้จัดซื้อพวกเครื่องกระป๋องต่าง ๆ แล้วก็เป็นค่า ตอบแทนที่คุณต้องลําบากในการจัดซื้อของต่าง ๆ นั่นให้เขาด้วย”