บทที่ 4
พลอยไพลินเดินไปที่เรือนหลังเล็กที่แยกตัวห่างจากบ้านหลังใหญ่ประมาณหนึ่งร้อยเมตร บ้านไม้ชั้นเดียวหลังนี้คือที่อยู่อาศัยของบัวตูมมารดาบังเกิดเกล้า บัวตูมต้องย้ายออกมาอยู่บ้านหลังนี้พร้อมกับบิดาที่กลายเป็นคนอัมพาต ขยับเขยื้อนกายไม่ได้ หลังจากที่ได้รับอุบัติเหตุเมื่อหนึ่งปีก่อน โดยเป็นคำสั่งของปรียานุชที่ไม่คิดจะดูดำดูดีบุตรชาย
“คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะคุณแม่ วันนี้พลอยซื้อขนมมาฝากคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยค่ะ” หญิงสาวแสนดีถามอาการของบิดา พลางหยิบห่อขนมออกจากถุง
“เหมือนเดิมน่ะลูก แม่ก็พยายามทำกายภาพบำบัดให้คุณพ่อทุกวัน แต่แม่อยากให้คุณย่าพาคุณพ่อไปหาหมอมากกว่าบางทีไปให้หมอดูอาการบ้างอาจจะรักษาคุณพ่อได้เร็วขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้คุณพ่ออยู่ตามยถากรรมแบบนี้”
บัวตูมไม่เข้าใจปรียานุชเลยว่าคิดอะไรอยู่ จะเกลียดชังลูกสะใภ้คนนี้นางก็ไม่ว่า เพราะถือว่าตัวเองต่ำต้อยอย่างที่แม่สามีกล่าวหาจริงๆ บัวตูมเป็นเพียงลูกสาวของคนรับใช้เก่าที่ตายจากไปเท่านั้น หวังสูงก็ต้องทนและยอมรับคำด่าคำดูถูกสารพัด จิกหัวใช้อย่างกับทาสในเรือนเบี้ย แต่ไม่ว่าจะเจอกับอะไรบัวตูมทนทุกอย่างเพื่อความสบายใจของสามี และหวังว่าวันหนึ่งความดี ความอดทนของตนจะชนะใจปรียานุช
เดิมทีปรีชากับบัวตูมอาศัยอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ แม้ว่าจะอึดอัดบ้างแต่ก็อดทนเรื่อยมา จนกระทั่งปรีชาเกิดอุบัติเหตุเมื่อปีก่อน ทำให้ชีวิตนางและสามีเปลี่ยนไป
สองสามีภรรยาถูกเฉดหัวออกมาอยู่บ้านหลังนี้ เท่านั้นยังไม่พอ หลังปรีชาออกจากโรงพยาบาล ปรียานุชใจจืดใจดำไม่พาบุตรชายไปพบแพทย์ตามนัดหมาย ไม่มีการตรวจ ไม่มีการรักษาต่อเนื่องปล่อยตามมีตามเกิด ถ้ายาหมดก็นำตัวอย่างยาไปซื้อที่ร้านขายยา
ครั้นบัวตูมจะพาปรีชาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลของรัฐบาล โดยใช้สิทธิ์สามสิบบาทรักษาทุกโรค ปรียานุชก็ไม่ยอม กลัวจะเสียหน้าหากใครรู้ว่าลูกชายของคุณหญิงปรียานุชมาพักรักษาตัวยังโรงพยาบาลโดยใช้บัตรสามสิบบาท นางจึงค้านและสั่งห้ามเด็ดขาด รอให้พลอยไพลินแต่งงานกับหลานชายของคุณหญิงนารถยาก่อน ค่อยไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลเอกชน ให้สมกับหน้าตาของนาง
“พลอยพูดกับคุณย่าแล้วค่ะ แต่ก็ถูกคุณย่าดุทุกที บอกว่าไม่มีเงินมารักษาคุณพ่อ เพราะตอนนี้มีแต่หนี้สินท่วมหัว พลอยก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ ขอคุณย่าไปทำงานหวังจะเอาเงินเดือนพาคุณพ่อไปหาหมอ คุณย่าก็ไม่ให้ไป”
พลอยไพลินก็ไม่ได้นิ่งเฉยเรื่องนี้ เคยพูดกับปรียานุชหลายครั้งหลายหนแล้ว ทุกครั้งเธอจะได้รับแต่คำดุด่าเสมอ ตั้งแต่หญิงสาวเรียนจบปริญญาตรี เธอไม่มีโอกาสนำความรู้ไปต่อยอดให้เกิด ประโยชน์เลย อยู่กับบ้านคอยทำตามคำสั่งของปรียานุชเท่านั้น
“เรื่องหนี้สินก็เหมือนกัน คุณย่าไม่น่าเล่นการพนันหนักขนาดนั้นเลย เล่นในเมืองไทยไม่ว่า นี่ไปเล่นถึงเมืองนอก เอาบริษัทที่คุณพ่อสร้างมากับมือไปจำนอง บ้านหลังนี้ด้วย ยังมีที่ดินอีก แม่ไม่คิดเลยว่าคุณย่าจะถลำลึกขนาดนั้น เรื่องที่บังคับให้พลอยแต่งงานกับหลานชายของคุณหญิงนารถยาก็เหมือนกัน แม่ไม่เห็นด้วย แต่แม่ก็ช่วยพลอยไม่ได้ แม่ขอโทษ นะลูก แม่ขอโทษ”
บัวตูมรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่สามารถช่วยเหลือลูกสาวได้เลย ได้แต่มองดูพลอยไพลินร้องไห้ทุกครั้งที่ถูกผู้เป็นย่าบังคับ ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ เนื่องจากปรียานุชจะข่มขู่ทุกครั้งว่าจะให้บัวตูมกับปรีชาอดข้าวอดน้ำ ไม่ให้เงินไปซื้อยาและของใช้จำเป็น พลอยไพลินจึงก้มหน้าทำตามคำสั่งของปรียานุชโดยไม่มีข้อแม้
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ พลอยทนได้ พลอยทนเพื่อคุณพ่อคุณแม่ได้ค่ะ พอพลอยแต่งงานกับพี่หนึ่งเมื่อไหร่ พลอยจะพาคุณพ่อไปหาหมอทันทีค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงพลอยนะคะ”
“ขอบใจมากนะลูกที่ทำเพื่อพ่อกับแม่”
“มันคือหน้าที่ของพลอยนี่คะ คุณแม่ทานขนมดีกว่านะคะ ขนมร้านนี้อร่อยมากเลย วันนี้คุณย่าให้พลอยไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ พอดีที่ร้านลดราคา เงินที่คุณย่าให้ไปเลยเหลือพันสาม พลอยให้แม่เก็บไว้หนึ่งพันนะคะ เอาไปซื้อยาซื้อของกินอร่อยๆ ทาน”
พลอยไพลินหยิบเงินจำนวนหนึ่งพันบาทให้มารดา ส่วนเงินอีกสามร้อยเธอจะเอาไปคืนปรียานุช
“คุณย่าไม่ว่าเหรอลูก” บัวตูมกลัวว่าลูกสาวจะถูกดุด่า หากปรียานุชรู้ว่าพลอยไพลินนำเงินส่วนต่างมาให้นาง
“คุณย่าไม่รู้หรอกค่ะ อีกอย่างพลอยมีเงินทอนให้คุณย่าสามร้อยด้วยตบตาคุณย่า คุณแม่เก็บเอาไว้เถอะค่ะ”
“แล้วทำไมพลอยไม่เก็บไว้ใช้เองล่ะลูก”
“คุณแม่มีความจำเป็นมากกว่าพลอย คุณแม่เก็บเอาไว้เถอะค่ะ”
พลอยไพลินอยู่บ้านหลังใหญ่มีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง มีอาหารการกินที่สมบูรณ์ วันๆ แทบไม่ต้องใช้เงินหากปรียานุชไม่ให้ออกไปซื้อของ เงินจำนวนนี้บัวตูมจึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มากกว่าเธอ
“เงินที่พลอยให้แม่มา แม่ก็เก็บเอาไว้บ้างบางส่วน ซื้ออาหารเสริมให้คุณพ่อบ้าง กะว่าเก็บให้ได้เยอะๆ จะได้พาคุณพ่อไปหาหมอด้วย”
บัวตูมไม่เคยนำเงินที่ลูกสาวให้ไปใช้ส่วนตัวเลย ซื้ออาหารเสริม ยาบำรุงให้สามีกินบ้าง เก็บเอาไว้บ้าง นางใช้เงินอย่างมีคุณค่า เพราะกว่าจะได้มาลูกสาวของนางต้องเสี่ยงจากการดุด่าและอาจถึงขั้นถูกทำร้าย
“คุณแม่คะ พรุ่งนี้พลอยอาจจะมาหาคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้นะคะ เพราะพลอยต้องไปงานเลี้ยงกับคุณย่าค่ะ”
ไปงานเลี้ยงแต่ละครั้ง พลอยไพลินแทบจะไม่มีเวลามาหาบิดามารดา เนื่องจากตื่นแต่เช้าก็ต้องไปขัดหน้า ขัดตัว เข้าสปาบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง เท่านั้นไม่พอยังต้องไปนั่งที่ร้านทำผมนานหลายชั่วโมง บำรุงผมให้นุ่มสลวยมีน้ำหนัก แต่งหน้าให้ดูสวยเก๋ จากนั้นก็ต้องกลับมาที่บ้านเพื่อแต่งตัวไปงานเลี้ยง หญิงสาวไม่ชอบชีวิตแบบนี้เลยเบื่อหน่ายเป็นที่สุด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องที่ทำอยู่ได้
“จ้ะ แม่เข้าใจ พลอยดูแลตัวเองดีๆ นะลูก ดูแลคุณย่าแทนคุณพ่อด้วย ยังไงคุณย่าก็เป็นแม่ของคุณพ่อ ถึงท่านจะร้ายกับเรามากแค่ไหนท่านก็ยังเป็นย่าของพลอยนะลูก”
พลอยไพลินจำคำสั่งสอนของมารดาจนขึ้นใจ ปรียานุชผิดหวังในตัวของปรีชามาก่อน ผู้เป็นย่าจึงจงเกลียดจงชังสะใภ้เป็นอย่างมาก ดีที่ว่าความเกลียดชังไม่ได้เผื่อแผ่มาให้เธอ บางครั้งยังแสดงออกถึงความรักและความเอาใจใส่กับเธอด้วยซ้ำไป แม้ว่าปรียานุชจะร้ายและชอบดุด่าเธอมากแค่ไหน แต่ทุกอย่างที่ทำลงไป ส่วนหนึ่งนั้นนางหวังดีกับหลานสาว อยากให้มีชีวิตครอบครัวที่ดี
“พลอยจะจำไว้ค่ะคุณแม่ พลอยไปก่อนนะคะคุณแม่”
พลอยไพลินสวมกอดมารดา ลุกเดินไปหาบิดาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง กราบลงบนอก หอมแก้มทั้งสองข้างของบิดา พร้อมกับกล่าวคำอำลา จากนั้นก็เดินออกไปจากบ้านหลังเล็ก เธอต้องกลับไปที่บ้านหลังใหญ่ ก่อนที่ผู้เป็นย่าจะกลับมาบ้าน ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกว่ากล่าวหรือไม่ก็ถูกหยิก เนื่องจากปรียานุชไม่อยากให้หลานสาวมาหาบิดามารดานั่นเอง