บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

คุณหญิงปรียานุชกับพลอยไพลินเดินเข้ามาในงานประมูลการกุศล หารายได้เข้าสมาคมบดินทร์บริภัทร สมาคมที่ช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ ในประเทศไทย รวมทั้งโรงเรียนคนพิการ โรงเรียนในชนบทห่างไกล หรือตามหน่วยงานที่ต้องการความช่วยเหลือ งานในวันนี้จึงมีทั้งคุณหญิง คุณนาย ดารา นักร้องและบุคคลที่มีชื่อเสียงของเมืองไทยมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

พลอยไพลินในชุดราตรีสีชมพูเข้มแบบเกาะอก เผยให้เห็นไหล่กลมกลึงขาวนวล เป็นที่ดึงดูดสายตาของชายหลายคนในงานเป็นอย่างมาก แต่ละคนแทบจะกลืนกินร่างสาวก็ว่าได้ คงจะมีเพียงศรัณย์เท่านั้นที่มองมายังหญิงสาวด้วยสายตาแบบพี่มองน้องสาว

คุณหญิงนารถยาไม่ละความพยายามที่จะจับหลานชายสุดที่รักร่วมหอลงโรงกับพลอยไพลิน วันนี้นางจึงพาศรัณย์มาด้วย ชายหนุ่มเองจะไม่มาก็ไม่ได้ เนื่องจากงานนี้มารดาเป็นเจ้าของงาน

“สวัสดีค่ะคุณพี่ สวัสดีจ้ะหลานพลอย แหม...วันนี้หลานพลอยสวยมากๆ เลยนะจ๊ะ”

นารถยาทักทายปรียานุชกับพลอยไพลินเมื่อทั้งสองเดินเข้ามาภายในงาน พลอยไพลินพนมมือไหว้หญิงสูงวัยอย่างนอบน้อม ส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายอย่างสวยงาม สมกับเป็นกุลสตรีไทย

“งานวันนี้จัดใหญ่โตดีนะ ไม่คิดว่าจะจัดยิ่งใหญ่ขนาดนี้ คุณพี่ก็นึกว่าทำแบบขำๆ”

ปรียานุชอดที่จะทึ่งกับงานในครั้งนี้ไม่ได้ ตอนแรกคิดว่างานประมูลการกุศลในวันนี้จะไม่ใหญ่โตอะไรมากมาย จึงไม่ได้ใส่ชุดสวยงามตระการตา เครื่องเพชรเครื่องทองแบบครบเครื่อง ชุดที่สวมใส่อยู่นี้เป็นชุดที่ใส่ออกงานเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เครื่องเพชรที่สวมใส่มาราคาค่างวดไม่มากมายอะไร ต่างกับเจ้าของงานที่แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศ สนนราคาทั้งตัวมากกว่าห้าสิบล้านบาท คงตั้งใจข่มแขกร่วมงานเห็นๆ

“แหม คุณพี่ก็ จำสโลแกนของคุณน้องไม่ได้เหรอคะ เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ คุณหญิงนารถยาถึงจะทำค่ะ อันที่จริงแล้วลูกสะใภ้ของคุณน้องเป็นคนจัดการเองมากกว่า คุณน้องไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่รับแขกเท่านั้นเองค่ะ” นารถยาพูดด้วยรอยยิ้ม ภูมิอกภูมิใจกับคำชมเป็นอย่างยิ่ง

“คุณน้องนี่โชคดีจังเลยนะมีลูกสะใภ้ทั้งรวยและชาติตระกูลดีขนาดนี้ ไม่เหมือนคุณพี่เลย มีลูกสะใภ้กับเขาคนหนึ่งก็จนแสนจน ไม่มีการศึกษา แถมเข้าสังคมก็ไม่เป็น นี่ถ้าไม่ติดว่ามีหลานพลอย คุณพี่ไม่ยอมรับเป็นสะใภ้เด็ดขาด หน้ามันคุณพี่ยังไม่อยากมองเลยค่ะ”

ปรียานุชพูดไปทำสีหน้าบึ้งตึงตามไปด้วย นึกถึงลูกสะใภ้ของนางทีไร หงุดหงิดใจทุกครั้ง พลอยไพลินหน้าหมองเศร้าทันทีที่ได้ยินผู้เป็นย่า รู้สึกสงสารมารดาเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากคนที่พูดถึงมารดาของเธออย่างเสียๆ หายๆ คือย่า จะเถียงแทนบัวตูมก็ไม่ได้อีก เพราะทุกคำพูดของปรียานุชคือความจริง พลอยไพลินจึงได้แต่เก็บความสงสารไว้ในใจ

“ถึงลูกสะใภ้ของคุณพี่จะไม่ถูกใจคุณพี่ แต่คุณน้องรับรองว่า หลานเขยจะต้องถูกใจคุณพี่แน่นอนค่ะ คุณน้องรับประกัน”

นารถยาสบสายตาปรียานุชอย่างรู้กัน ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ นำพาความอึดอัดมาให้ศรัณย์กับพลอยไพลินไม่น้อย น่าจะถามทั้งสองสักคำว่ายินดีกับการจับคู่ในครั้งนี้หรือไม่ เพราะถ้าถามคำตอบที่สองผู้เป็นย่าจะได้รับคือ ไม่

“คุณน้องก็ต้องถูกใจหลานสะใภ้เหมือนกันค่ะ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ”

ปรียานุชยิ้มแป้น นางอยากได้ศรัณย์เป็นหลานเขยจนตัวสั่น ทั้งหล่อทั้งรวยและมีชื่อเสียงในวงสังคมขนาดนี้ ลูกหลานบ้านไหนไม่สนก็คงจะโง่เต็มทน

“ถูกใจอยู่แล้วค่ะ เสร็จจากงานนี้คุณน้องคิดว่าจะพูดเรื่องการแต่งงานระหว่างหนึ่งกับหลานพลอยเสียที ปล่อยไว้นานๆ เข้า เดี๋ยวจะมีคนมาแห่ขันหมากตัดหน้า”

คราวนี้ปรียานุชยิ้มแก้มแทบฉีก เมื่อนารถยาพูดถึงเรื่องการแต่งงานต่อหน้าศรัณย์และพลอยไพลิน ตอกย้ำให้ปรียานุชมั่นใจเข้าไปอีกว่าพลอยไพลินไม่พลาดที่จะเป็นหลานสะใภ้ของนารถยาแน่นอน

“คุณน้องพูดออกมาตรงแบบนี้ คุณพี่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเลยนะคะ แต่มาไวๆ ก็ดีนะคะคุณน้อง ของดีมักมีคนหมายตา”

คุณหญิงถังแตกพูดแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ให้ออกนอกหน้าจนเกินงาม ทั้งๆ ที่ในใจลิงโลด อยากจะพูดถึงเรื่องสินสอดทองหมั้นด้วยซ้ำไป

“ค่ะคุณพี่ รับรองไม่เกินอาทิตย์หน้าค่ะ ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”

นารถยาพูดให้อีกฝ่ายมั่นใจมากขึ้น พลอยไพลินมีคุณสมบัติเพียบพร้อมทุกอย่าง ชาติตระกูล ฐานะ หน้าตาทางสังคม เหมาะสมกับหลานชายของนางมากที่สุด ผู้หญิงคนอื่นอย่าได้หวัง

“คุณพี่จะรอนะคะคุณน้อง”

“คุณย่าครับ ผมขอไปช่วยงานคุณแม่ก่อนนะครับ ใกล้เวลาประมูลของแล้ว”

ศรัณย์ออกตัวทันที เขารู้สึกอึดอัดกับการสนทนาของผู้สูงวัยทั้งสองเป็นอย่างมาก คิดเองตัดสินใจเอง ไม่ถามความสมัครใจของเขาและพลอยไพลินเลย ครั้นจะพูดแทรกไปว่าไม่อยากแต่งงานกับพลอยไพลินก็ไม่ได้ กลัวว่านารถยาจะแหวใส่ พานให้บรรยากาศในงานการกุศลครั้งนี้เสียไปด้วย ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะลุกเดินหนีไปดีกว่า แล้วค่อยพูดเรื่องนี้กันที่บ้านนารถยาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันมาสนทนากับปรียานุชต่อ

“คุณย่าคะ พลอยขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

ไล่หลังจากศรัณย์ไม่นาน พลอยไพลินเอ่ยบอกผู้เป็นย่าที่สนทนากับนารถยาอย่างออกรส เธอไม่ได้อยากไปห้องน้ำอย่างที่บอก เพียงแต่ว่ามีความรู้สึกไม่ต่างกับศรัณย์ และอึดอัดมากขึ้นกับการตกเป็นหัวข้อสนทนาของทั้งสองคนมากกว่า หญิงสาวทนฟังอยู่นานจนเริ่มทนไม่ไหว รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไร้ค่าไร้ราคาอย่างไรบอกไม่ถูก เธอเป็นถึงหม่อมหลวงแล้วอย่างไร มันก็แค่ยศศักดิ์เท่านั้นไม่เห็นมีอะไรจับต้องได้ แต่กระนั้นสิ่งนี้ก็ถูกตาต้องใจนารถยาเหลือเกิน

บางครั้งในความคิดของพลอยไพลิน เธออยากจะถามนารถยาสักคำถามหนึ่งว่า หากรู้ครอบครัวของเธอเป็นหนี้เป็นสินหลายร้อยล้านบาท ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนที่ใครเข้าใจ มีแค่ชาติตระกูลดี นารถยาจะยังอยากได้เธอเป็นสะใภ้อีกหรือไม่ ทว่าความคิดนั้นถูกเก็บกักไว้แค่ในความคิด ไม่อาจพูดออกมาได้ ถ้าหากพูดมันออกมาผลกระทบที่พลอยไพลินจะได้รับ มันมากมายเกินกว่าที่หญิงสาวจะรับได้ เธอจึงเลือกที่จะเงียบ และทำตามทุกอย่างที่คนเป็นย่าประสงค์

“ไปสิ กลับมาไวๆ นะ จวนจะได้เวลางานเริ่มแล้ว” คุณหญิงปรียานุชไม่วายที่จะกำชับหลานสาว

“ค่ะ คุณย่า”

พลอยไพลินตอบรับเสียงเบา ก่อนจะลุกเดินออกไป พอพ้นห้องจัดงานไม่กี่ก้าว พลอยไพลินก็รู้สึกปลอดโปร่งยิ่งนัก อากาศภายนอกห้องมันช่างบริสุทธิ์ หายใจได้โล่ง มีความเป็นตัวของตัวเองเหลือเกิน

เธอไม่ได้เดินไปยังห้องน้ำ แต่เลือกที่จะเดินมารับลมเย็นๆ ตรงระเบียง ทอดสายตามองแสงไฟที่ประดับอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าอาคารของสมาคม

รอยยิ้มบางๆ ของพลอยไพลินแต่งแต้มบนดวงหน้า เมื่อสายตาหวานเศร้ามองเห็นครอบครัวหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่ที่สนาม ดูท่าทางมีความสุขมากเหลือเกิน พอมองเห็นภาพนั้น เธอรู้สึกสะท้อนใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกถึงสภาพครอบครัวของตัวเอง เมื่อไหร่ที่ครอบครัวของเธอจะมีรอยยิ้มแบบนี้บ้าง เมื่อไหร่ที่บิดาจะกลับมาเดินได้และใช้ชีวิตอย่างปกติ และเมื่อไหร่ที่ปรียานุชจะเลิกจงเกลียดจงชังมารดาและให้อภัยในความผิดของปรีชา เธอตอบตัวเองได้ว่า คงไม่มีวันนั้น พอนึกถึงคำตอบ ความเศร้าเสียใจก็ปกคลุมจิตใจทันที

ดูเหมือนการเดินออกมาหายใจข้างนอกของเธอจะมีปัญหาเสียแล้ว เนื่องจากกลิ่นควันบุหรี่ของบุรุษคนหนึ่งที่ยืนไม่ไกลจากเธอมากนักลอยเข้ามาในจมูก ส่งผลให้พลอยไพลินสำลักควันบุหรี่

เสียงไอเหมือนสำลักอะไรบางอย่างของใครบางคน ทำให้คนที่ยืนสูบบุหรี่หันไปมองต้นเสียง ดวงตาโรเบิร์ตนิ่งค้าง เมื่อเห็นหน้าเจ้าของเสียงไอ เขาจำหน้าของเธอคนนั้นได้เป็นอย่างดีไม่มีวันลืม รอยยิ้มร้ายกาจกระตุกขึ้นมุมปากของเขาทันที สาวเท้าเดินไปหาหญิงสาวรูปร่างสวย เจ้าของชุดราตรีสีชมพูเข้มแบบเกาะอกที่กำลังเดินหนีควันบุหรี่เข้าไปในงาน

“เดี๋ยวก่อนสิครับ”

โรเบิร์ตเดินมาดักหน้าเจ้าของดวงหน้าสวย ทักทายเธอด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ หญิงสาวเองไม่มีเวลาสงสัยว่าทำไมเขาจึงพูดภาษาไทยได้ชัดขนาดนี้ เนื่องจากเวลานี้เธออยากไปจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด พอพูดจบเขาก็ยกมือที่คีบบุหรี่ขึ้นมา ก่อนจะสูบเอามะเร็งร้ายเข้าไปในปอดจนแก้มทั้งสองข้างตอบ พลอยไพลินมองหน้าชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เธอกำลังจะอ้าปากพูด เขาก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คิดไม่ฝันมาก่อน

“แค่ก แค่ก”

โรเบิร์ตเสียมารยาทพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าพลอยไพลิน ผู้ชายตรงหน้าหล่อเหลา เสียเปล่า แต่กิริยาช่างแย่เหลือเกิน ไม่มีมารยาทเอามากๆ ตัวเองจะเป็นมะเร็งร้ายคนเดียวไม่พอ ยังจะเผื่อแผ่มาให้เธออีก พลอยไพลินนำมือข้างหนึ่งปิดจมูก อีกมือหนึ่งปัดควันบุหรี่ให้จางหายไปในอากาศ โรเบิร์ตหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างชอบใจ เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำด้วยความไม่พอใจของเธอ

“คนไม่มีมารยาท ทุเรศ”

พลอยไพลินต่อว่าชายหนุ่มต่างชาติตรงหน้าอย่างเดือดดาล เกิดมาเธอไม่เคยด่าทอหรือต่อว่าใครด้วยถ้อยคำหยาบคายมาก่อน อาจเพราะถูกสอนให้เป็นคนเรียบร้อย พูดจาอ่อนหวาน อีกทั้งเธอไม่พบเจอกับบุคคลที่มีกิริยาท่าทางหยาบคายมาก่อน วาจาเหล่านั้นจึงไม่เคยหลุดออกจากปาก พอมาเจอชายหน้าตาดีแต่นิสัยหยาบโลนทำกับตนเช่นนี้ พลอยไพลินจึงเก็บอารมณ์ไว้ไม่ได้

“ตรงไหน ทุเรศตรงไหน” เขาก้มหน้าย้อนถามคนตัวเล็ก ด้วย น้ำเสียงและสีหน้าสุดกวน

“ก็ตรงที่คุณพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าของฉันนี่แหละ”

เธอตอบกลับไป ก่อนจะเบี่ยงตัวไปทางด้านซ้ายหนีคนนิสัยไม่ดีที่ยืนขวางทางอยู่ ทว่าร่างใหญ่ก้าวมาดักหน้าเธอเหมือนเดิม

“เอ๊ะ คุณนี่” เธอตวาดเสียงค่อนข้างดัง ดังเข้าไปในหูของบอดี้การ์ดร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ตรงประตู พวกเขาต่างกรูเข้ามาหาเจ้านายของตัวเอง

มือใหญ่ของโรเบิร์ตยกขึ้นสูงคล้ายกับห้ามไม่ให้ลูกน้องเข้ามาใกล้ บอดี้การ์ดทั้งสามคนถอยร่นกลับไปยืนอยู่ที่เดิมทันที พลอยไพลินไม่รู้ว่าเขาคนนี้เป็นใคร แต่ดูท่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ถึงได้มีลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลังอย่างนี้ ทางที่ดีอย่าอยู่ใกล้ดีกว่า

พลอยไพลินคิดได้ดังนั้น จึงก้าวเท้าหมายจะเดินหนีชายไม่น่าไว้วางใจ แต่เขาก็เหลือเกินนำตัวมาขวางไว้ไม่ให้เธอไปไหน

“จะรีบไปไหนล่ะคนสวย อยู่คุยกันก่อนสิ”

เขาส่งสายตาเจ้าชู้ให้กับเธอ น้ำเสียงของเขาคล้ายกับร้องขอแฝงไว้ซึ่งการบังคับ ไม่เพียงเท่านั้นร่างกายหนายังเดินเข้ามาประชิดตัวเธอทีละก้าวเช่นเดียวกับเท้าเล็กเดินถอยหลังทีละก้าวเช่นกัน พลอยไพลินเห็นท่าทาง คุกคามของเขาแล้วเริ่มหวั่นใจ หายใจไม่ทั่วท้อง “นะ อยู่คุยกันก่อนนะ”

เขาพูดอีกครั้ง เมื่อต้อนเธอมาจนสุดขอบระเบียง ก่อนจะวางมือใหญ่บนขอบระเบียงในลักษณะคร่อมตัวของเธอไว้ ทำให้ตอนนี้ร่างเล็กตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยปริยาย

“ไม่ ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”

พลอยไพลินตัดสินใจผลักร่างหนาให้ออกห่างทันที จากนั้นก็ก้าวเท้าวิ่งเข้าไปด้านในของอาคารอย่างรวดเร็ว ไม่หันกลับมามองโรเบิร์ตที่มองตามร่างของเธอไปด้วยสายตาที่เปล่งประกายความปรารถนา

“ไม่มีอะไรจะคุยอย่างนั้นเหรอ เดี๋ยวก็รู้”

เขาปาบุหรี่ที่คีบอยู่ในมือลงบนพื้น ขยี้เปลวไฟสีแดงให้ดับด้วยปลายเท้า ก่อนจะเดินเข้าไปในงานเลี้ยงที่เขาคิดว่าต้องน่าเบื่อหน่าย ไม่มีสาวๆ สวยๆ คอยพะเน้าพะนอ มีแต่คุณหญิงคุณนายที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับมารดา แต่ดูท่ามันจะไม่เหมือนที่คิดเอาไว้เสียแล้ว เพราะความสนุกที่เรียกความสนใจให้เขาเดินหนีเข้าไปในงาน เท้ายาวๆ ก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคาร หวังจะตามร่างเล็กอรชร ทว่าเขาก็ต้องหยุดชะงักเท้าเมื่อบุคคลชั้นสูงคนหนึ่ง เดินเข้ามาทักทาย โรเบิร์ตจำต้องทักทายกลับอย่างเสียมิได้ แต่ก็มั่นใจว่าวันนี้เขาจะต้องได้รู้จักผู้หญิงคนนี้แน่ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel