ตอนที่ ๖ เลขาคนใหม่
“มุกเป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมตาบวมแบบนี้” ทิชาที่เดินออกมาจากห้องนอนพบกับบุตรสาวเข้า มองใบหน้าที่ดูซึมของไข่มุกจึงได้ถามด้วยความสงสัย
“คือ…คุณแม่ขา…หนู…” เธออ้ำอึ้งไม่อยากพูดเรื่องที่เกิดขึ้น “หนูขอเงินได้ไหมคะ พอดีเงินที่เก็บเอาไว้ไม่พอใช้ค่ะ”
“จะเอาเท่าไหร่จ๊ะ” ทิชายิ้ม ก่อนที่เธอนั้นจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโอนเงินให้บุตรสาว
“ประมาณห้าแสนได้ค่ะ” เธอเอ่ยเสียงเบา คนเป็นแม่ถึงกลับชะงักไปชั่วขณะ
“เงินอะไรถึงได้มากมายแบบนี้ ตอนแรกมุกเอายอดเงินมาให้แม่ดูมีมากกว่าห้าแสนอีกนะลูก” เธอรู้สึกตกใจที่อยู่ ๆ บุตรสาวมาขอเงินครึ่งล้าน
“คือ…หนูใช้หมดแล้วค่ะ พอดีไปซื้อของเตรียมเดินทางก็หมดไปแล้วนะคะ หรือว่าหนูไม่ควรจะไปเรียนต่อดีคะ” ไข่มุกกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและแผ่วเบา
“ซื้อของไปหมดแล้ว จะไม่ไปได้ยังไง แต่เงินห้าแสนก็ไม่ใช่น้อย ๆ แม่ขอเวลาหน่อยนะลูก” ทิชาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าที่ถือติดมือมา สีหน้าของคนเป็นแม่ดูไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน
“ที่ร้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” ไข่มุกจำเรื่องที่เปรมคุยเมื่อวานได้ จึงได้ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แม่แค่เหนื่อย เงินในบัญชีไม่มี เดี๋ยวแม่ไปเบิกเงินอีกบัญชีมาให้ไม่ต้องคิดมาก” เธอยิ้ม “แม่ไปทำงานแล้วนะวันนี้ก็พักผ่อนอยู่บ้าน ไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาหลายวันคงเหนื่อยน่าดูเลย”
“ค่ะ” เธอยิ้มก่อนที่จะสวมกอดคนเป็นแม่
ไข่มุกนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนอน เธอคิดไม่ตกกับคำพูดของเปรม หากว่าที่บ้านมีปัญหาแล้วทำไมแม่ของเธอถึงไม่พูดสิ่งใด เมื่อคิดได้แบบนี้เธอจึงรีบคว้าเอากุญแจรถยนต์ขับตรงมาที่ร้านอาหารของแม่
ภายในร้านเงียบเหงา ลูกค้าที่เคยแน่นร้านกลับไม่มีสักคน พนักงานก็เหลือกันไม่กี่คนทำให้ไข่มุกแปลกใจ จึงเดินเข้ามาในห้องครัวตอนนี้แม่ของเธอกำลังก้มเงยดูของสดที่เอาออกมาจากตู้แช่เย็น
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” ไข่มุกเอ่ยถามพนักงานสี่คนรวมพ่อครัว หันมองมาทางเธอ
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ วันนี้แม่ให้เด็ก ๆ หยุดพักกันนะลูก” ทิชาหันมายิ้ม
“อย่าโกหกหนูอีกเลยนะคะ ปกติแล้วร้านหยุดทุกวันจันทร์แต่นี่วันอาทิตย์ปกติคนจะแน่นร้าน แต่กลับไม่มีลูกค้าสักคน” เธอเป็นคนฉลาด และยังใช้สายตาคาดคั้นเอาความจริงจากแม่
“ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ” ทิชา หันมาสั่งงานพนักงานไม่นานก็เดินตามบุตรสาวออกมายังด้านนอก
“บอกหนูมาเถอะค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น” ไข่มุกที่นั่งรออยู่ด้านนอกถามขึ้นทันที
“ร้านของเราถูกลูกค้าคนหนึ่งโพสต์ลงโซเชียล เธอบอกว่าร้านอาหารของเราไม่สะอาดเจอแมลงสาบในถ้วยต้มยำ และร้านก็ถูกร้องเรียนจึงถูกสั่งปิดชั่วคราว แม่ก็เลยกำลังเอาของสดออกมาแบ่งให้พนักงานเอากลับไปทานกัน”
“ตั้งแต่ตอนไหนคะ หนูทำไมไม่เห็นข่าวเลย” เธอที่ติดตามโซเชียลอยู่ตลอดกลับไม่เห็นข่าวของร้าน
“พ่อปิดข่าวไปแล้ว แต่ก็ปิดได้ไม่หมดหรอก ดีแล้วที่มุกไม่เห็นข่าว” ทิชากล่าวแล้วนั่งลงข้าง ๆ “ไม่ต้องห่วง ไปเรียนให้สบายใจนะลูก เดี๋ยวเรื่องร้านก็จะกลับมาปกติแล้ว”
“เรื่องที่บริษัทละคะ” เธอถามต่อ แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เปรมพูดนั้นเป็นความจริง
“บริษัทเราก็ปกติ ตอนนี้พี่ชายของลูกกำลังเรียนรู้งานอีกไม่นานพ่อก็คงวางมือให้พี่บริหารแทน”
“หนูไม่ไปเรียนต่อแล้วค่ะ หนูขอโทษนะคะ ที่จริงแล้วหนูใช้เงินหมดเพราะเรื่องส่วนตัวนะคะ ตอนนี้การเงินของเราย่ำแย่แบบนี้ หนูคงไม่มีใจจะไปเรียนต่อต่างประเทศหรอกค่ะ”
“แน่ใจแล้วเหรอ ไหนลูกบอกว่าอยากเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงไง โอกาสดีแบบนี้กว่าจะได้รับหนังสือตอบรับไม่ง่ายเลยนะลูก”
“ปีหน้าเอาใหม่ก็ได้ค่ะ ขอแค่ผ่านช่วงนี้ไปได้ เราต้องเซฟทุกอย่างให้รัดกุมดีกว่าใช่ไหมคะ” ไข่มุกไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว ไปเรียนต่อเมืองนอกไม่ใช่จะไปได้โดยง่ายหากไม่มีเงินผู้หญิงตัวคนเดียวเช่นเธอต้องอยู่ลำบากแน่นอน
“ตามใจลูก งั้นไปทำงานที่บริษัทดีไหม ตอนนี้ร้านคงไม่มีอะไรให้ลูกทำ ไม่รู้จะเปิดได้อีกตอนไหน”
“ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบรับ
ในวันรุ่งขึ้นไข่มุกไม่รอช้าที่จะติดตามเจนจบเข้ามาทำงานที่บริษัท โดยเธอได้รับหน้าที่เป็นเลขาของเปรมเพื่อช่วยงานพี่ชายและเรียนรู้งานไปพร้อม ๆ กัน แต่ผู้ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานได้แต่ทำหน้าไม่พอใจ
“พี่จะคืนเงินหนูตอนไหนเหรอคะ” ไข่มุกทำใจกล้าเอ่ยขอเงินคืน หากแต่อีกคนก็ทำเป็นหูทวนลม
“เสียงนกเสียงกาจากที่ไหน” เปรมก้มหน้ามองเอกสารบนโต๊ะทั้งที่เมื่อครู่ไม่คิดที่จะสนใจแม้แต่น้อย “ยังไม่ไปทำงานของเธออีกเหรอ เห็นว่าพ่อพามาทำงานด้วยอย่าได้ทำตัวกร่างไปทั่วล่ะ เธอก็เป็นแค่ลูกเลี้ยง”
“ค่ะ แต่พี่อย่าลืมคืนเงินหนูนะคะ” ไข่มุกยังไม่ลืมที่จะทวงเงินคืน ถึงแม้เปอร์เซ็นต์ที่จะได้เงินคืนแทบไม่มี
ในช่วงบ่ายเจนจบให้ทุกคนร่วมประชุม เนื่องด้วยสุขภาพของเขาที่ย่ำแย่ลงไปทุกวัน ถึงคราวที่เขาจะต้องประกาศกับกรรมการบริหารทุกท่านว่าจะสละตำแหน่งให้กับบุตรชายที่พึ่งมาทำงานได้ไม่กี่เดือน ถึงจะถูกคัดค้านแต่สุดท้ายก็ต้องจำใจให้เปรมขึ้นมานั่งบริหารงาน
คนอายุน้อยย่อมมีหัวคิดที่ทันสมัยและลูกเล่นบริหารงานที่แปลกใหม่ เปรมเป็นคนหนุ่มที่มีฝีมือในการทำงานอยู่ไม่น้อย กรรมการท่านอื่นจึงได้ยอมรับและรอดูผลงานบริหารของเขา
“พ่อจะให้มุกมาเป็นเลขาของแก อย่าทำตัวมีปัญหารู้นะว่าแกชอบรังแกน้องอยู่เรื่อย” ถึงแม้เจนจบจะไม่เคยกล่าวว่า แต่ทุกการกระทำของเปรมนั้นอยู่ในสายตาของเขาทุกฝีก้าว “มีอะไรรีบบอกพ่อเลยนะ” เขาหันมาพูดคุยกับไข่มุก
“ค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วง มุกจะตั้งใจทำงานค่ะ”
“เย็นนี้มีนัดกับผู้บริหารคนหนึ่ง ยังไงมุกก็ไปกับพี่เรียนรู้งานกันเอาไว้นะ” เจนจบกล่าวก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
“ได้ยินแล้วก็รีบไปเตรียมเอกสารสิ ชักช้า ถ้าทำงานไม่ได้เรื่องก็กลับไปเกาะแม่ของเธอกินไปจนแก่เถอะ” เปรมยังคงพูดประชดประชันให้หญิงสาวรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
ไข่มุกทำได้เพียงเดินออกมาจากห้องเพื่อเตรียมเอกสารที่ต้องเอาไปพบปะกับคู่ค้า เมื่อเวลามาถึงเธอและเปรมเดินทางมายังโรงแรมแห่งหนึ่งที่ถูกจองโต๊ะเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแจ้งชื่อผู้จองพนักงานต้อนรับรีบนำทางในทันที
“ไม่รู้จักแต่งหน้าแต่งตา ฉันอายลูกค้าจริง ๆ ที่เอาเลขาจืดชืดแบบเธอมาทำงานด้วย” ชายหนุ่มกวาดตามองเสื้อผ้าหน้าผมของไข่มุก ไม่ต่างจากเธอที่มองสำรวจตัวเอง
“หนูแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนะคะ” ไม่เข้าใจว่าการแต่งกายของเธอมีปัญหาตรงไหน ชุดเดรสขายาวถูกสวมทับเอาไว้ด้วยเสื้อสูทสีครีมเข้ากับชุด เธอสวมรองเท้ามีส้นเล็กน้อยเพราะไม่คุ้นชินกับรองเท้าส้นสูง
“แต่มันเชย เลขาของฉันต้องดูสวยและมั่นใจในตัวเอง เปิดนิดปิดหน่อยให้คนที่เห็นได้ชม ไม่ใช่แต่งตัวแบบนี้ไม่เห็นจะเจริญหูเจริญตาตรงไหน พรุ่งนี้ก็เปลี่ยนใหม่อย่าแต่งตัวแบบนี้มาอีก”
“ค่ะ” เธอตอบรับเพราะไม่อยากทำให้เปรมอารมณ์เสีย
“เลยมาสามสิบนาทีแล้ว จะมาหรือเปล่าวะ” เขาบ่นออกมาเมื่อคู่ค้าไม่ยอมมาตามเวลาที่นัดหมาย ดีที่ตอนนี้เป็นเวลาค่ำไม่มีงานที่อื่นต่อไม่เช่นนั้นเขาคงได้อารมณ์เสียมากกว่านี้
“ขอโทษนะครับ พอดีรถติด” เสียงของโรเบิร์ตดังขึ้น ก่อนที่เบรเดนจะปรากฏตัวโดยมีเลขาหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ออกให้เขานั่ง
“!!” เปรมมีสีหน้าตกใจเมื่อมองเห็นชายหนุ่มตรงหน้า แต่สุดท้ายเขาก็เก็บอาการทุกอย่างเอาไว้ ต่างจากเบรเดนที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่แม้แต่จะเอ่ยคำทักทาย
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบกันอีกนะคะ” ไข่มุกยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นชายหนุ่มตรงหน้า ผ่านไปไม่นานก็ได้พบเขาอีกแล้ว
“เข้าเรื่องเถอะ ผมยังมีงานที่ต้องทำอีก” เบรเดนเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายอารมณ์ จ้องมองชายหญิงทั้งสองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“นี่ครับเอกสาร สัญญาที่ผมร่างมาด้วย อ่านตรงไหนแล้วไม่เข้าใจหรืออยากเพิ่มข้อเสนอ แจ้งมาได้เลยครับ” เปรมเอ่ยเป็นการเป็นงาน และยังคงวางมาดผู้บริหารป้ายแดงแสดงให้ไข่มุกเห็นว่าคนที่ทำงานเป็นต้องทำเช่นไร
“ตัวเลขที่เสนอมาไม่เหมือนตอนที่คุยกันเลยนะครับ” เบรเดนที่กำลังไล่สายตาอ่านเอกสาร กล่าวด้วยเสียงเรียบก่อนที่เขาจะวางมันลงแล้วจ้องมองเปรมด้วยสายตาเช่นเดิม
“ตอนนี้หุ้นของเราราคาขึ้นนะครับ ราคาเลยไม่เหมือนเมื่อวันก่อนที่คุยกัน” เขายังส่งยิ้มให้กับเบรเดน
“หึ…หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้น จะขายทำไมไม่เก็บเอาไว้ ผมต้องการราคาที่เสนอมาเมื่อวันก่อน ถ้าตกลงผมจะเซ็นสัญญาตอนนี้เลย” เบรเดนเสนอ ไม่ใช่เขากำลังขูดเลือดปู ถ้าเป็นปูก็คงเป็นปูที่กำลังใช้ก้ามหนีบมือของเขาอยู่
ไม่มีใครที่อยากซื้อหุ้นบริษัทนี้ เพราะตอนนี้สภาพคล่องทางการเงินไม่สู้ดีนักมีกรรมการผู้ถือหุ้นหลายคนที่ขายหุ้น แน่นอนว่าเขากว้านซื้อมาหมดแล้ว หุ้นในมือของเขาตอนนี้มีอยู่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ หากรวมหุ้นที่จะซื้ออีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ในตอนนี้ ถือว่าเขาสามารถขึ้นนั่งบริหารงานได้
“งั้นผมจะขายให้คุณสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในราคาของวันก่อน ส่วนอีกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ผมจะขายในราคาของวันนี้” เปรมถือว่าเป็นคนฉลาด แต่จะฉลาดเท่าผู้ชายตรงหน้าได้เช่นไร คนที่มีประสบการณ์ทำงานมานานหลายปีกับคนที่พึ่งทำงานเพียงไม่กี่เดือน
มันห่างชั้นกัน….