บทย่อ
เขาคือลูกภรรยาหลวงที่ไม่เคยมีตัวตนในชีวิตของคนเป็นพ่อ ส่วนเธอคือลูกสาวที่ได้รับความรักจากคนในครอบครัวและยังทั้งสาวทั้งสวยผิดอย่างเดียวคือเธอเป็นคนไม่ทันคนและมองโลกในแง่ดีเสมอ หากเป็นคนที่ทันคน คงไม่ถูกเขาหลอกใช้เธอเป็นเครื่องมือเพื่อแก้แค้น มารู้ตัวอีกครั้งก็ตอนให้ใจกับเขาไปแล้ว... “พี่จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอคะ นี่ลูกของเรานะคะ” “หึ…” สุดท้ายแล้วเขาก็สามารถดึงมือของเธอออกได้ แล้วใช้มือหนาจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเธอ “ลูกเรา? เธอพูดผิดหรือเปล่า ฉันอนุญาตให้เธอท้องลูกของฉันได้ตั้งแต่ตอนไหน ในสัญญามีสักข้อหรือเปล่า รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?” สายตาดุดันไม่เหลือความอ่อนโยนในวันวานที่เขามีต่อเธอ “พี่หมายความว่ายังไงคะ เขาคือลูกของพี่นะคะ พี่ก็รู้ว่าเด็กในท้องคือลูกของเราทำไมพี่ถึงพูดแบบนี้” ไข่มุกร่ำไห้ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดที่เจ็บปวดเช่นนี้ “ไสหัวไปซะ!! อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!! ส่วนลูกในท้องจะทำอะไรก็รีบทำ มารหัวขน” เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นแล้วเดินจากไป ไข่มุกทรุดตัวนั่งร้องไห้ คำพูดสุดท้ายเหมือนมีดที่กรีดลงมากลางหัวใจ เธอรักเขารักจนสุดหัวใจเขาก็เคยบอกว่าอยากมีเธออยู่ในชีวิต แต่ทำไมวันนี้ถึงได้กลับคำพูดของวันนั้น
ตอนที่ ๑ นักธุรกิจใจบุญ
‘เจนิเฟอร์กรุ๊ป’ เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นที่รู้จักกันดีในนามของบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มยี่ห้อดังหลายชนิด ผู้บริหารรุ่นหลังยังเป็นชายหนุ่มอายุน้อยที่มากความสามารถพร้อมยังเป็นนักธุรกิจที่มีจิตใจเมตตาบริจาคเงินช่วยเหลือให้ผู้ด้อยโอกาสหรือสถานพยาบาลหลายแห่งจึงมีผู้คนพูดถึงเขาในนามนักธุรกิจผู้ใจบุญ
‘เบรเดน’ หนุ่มชาวไทยที่ไปเติบโตอยู่ที่ต่างประเทศได้ดิบได้ดีเป็นทายาทเพียงคนเดียวของ ‘เจนิเฟอร์กรุ๊ป’ เขาเดินทางมายังเมืองไทยเพื่อมองหาการร่วมลงทุนธุรกิจใหม่และมองหาโอกาสในการขยายสาขาธุรกิจมายังเมืองไทย
เมื่อมีผู้สนใจสินค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น ฐานการผลิตย่อมต้องขยับขยายหากมีแหล่งผลิตสินค้าแถบเอเชียคงดีไม่น้อยที่จะได้ขนส่งสินค้าได้สะดวกและรวดเร็วทันใจของคู่ค้าทางเอเชียและมีลูกค้ารายใหญ่หลายประเทศที่ยื่นขอร่วมลงทุนในการขยายสาขาในไทยครั้งนี้
“เย็นนี้มีเข้าร่วมงานเลี้ยง ตอนหนึ่งทุ่มครับ ผมเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ในห้องให้เรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ผมต้องไปเอาเอกสารกับลูกค้าแล้วจะตามไปทีหลังครับ” โรเบิร์ตวางแฟ้มงานลงตรงหน้าภายในวิลล่าแห่งหนึ่ง
“ที่ให้ไปหาข้อมูลมาได้เรื่องหรือเปล่า” เบรเดนยกแก้วไวน์แดงในมือขึ้นดื่ม ในตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำใหญ่ของวิลล่าหลังใหญ่ที่ถูกซื้อมาในราคาแปดหลัก
“อยู่ในแฟ้มด้านบนครับ คุณชายต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ” โรเบิร์ตเตรียมพร้อมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อย ก่อนที่ตนเองนั้นจะออกเดินทางไปพบคู่ค้า
“ไม่มี” เขาวางแก้วในมือลงพร้อมกับโรเบิร์ตที่เดินจากไป เบรเดนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงถอดชุดคลุมสีขาวออกจากร่างกายเผยให้มองเห็นความกำยำสมส่วนและกล้ามเนื้อเป็นลอนสวยสมกับที่เขาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ท่อนบ่นเปล่าเปลือยส่วนท่อนล่างมีเพียงกางเกงสีดำแนบเนื้อที่สวมใส่ในขณะลงสระว่ายน้ำเพียงเท่านั้น ในเวลาต่อมาน้ำในสระใหญ่สีใสมองเห็นพื้นกระเบื้องสีฟ้าอ่อน แตกกระจายเป็นวงกลมกว้างเมื่อคนที่อยู่ขอบสระกระโจมลงไปในน้ำ
เบรเดนขยับแขนว่ายไปยังอีกฟากก่อนใช้เท้าดันที่ขอบสระอีกด้านที่ว่ายมาถึง พร้อมว่ายน้ำตรงกลับที่เดิม เมื่อมาถึงขอบสระจึงโผล่ศีรษะขึ้นมาจากน้ำใบหน้าหล่อเหลาสมกับเป็นนักธุรกิจหนุ่มผู้มากความสามารถที่เต็มไปด้วยความเพียบพร้อมในทุก ๆ ด้าน
หยาดน้ำหยดลงมาตามร่างกายก่อนที่เขาจะลอยคอแช่อยู่ในสระอีกหลายนาทีกว่าจะขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมแล้วหยิบไวน์แดงแก้วเดิมขึ้นดื่มอีกครั้ง
แกร๊ก! เสียงปืนกระบอกเล็กที่จออยู่บนศีรษะของเบรเดน เขาเองก็มีปืนอยู่ในมือที่จ่ออยู่บนศีรษะของผู้มาเยือนเช่นเดียวกัน
“ไอ้ห่า! เห็นนั่งนิ่งนึกว่าจะไม่รู้ตัว” เธียรเก็บปืนลงแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้อีกตัว “มาไม่บอกกูเลย ถ้าไอ้ดิมไม่บอกกูคงไม่รู้” เขาใช้เท้าทั้งสองวางพาดมาที่เก้าอี้ตัวที่เบรเดนนั่ง ก่อนที่จะถูกเท้าของเบรเดนเตะออกไปอย่างไม่ไยดี
“กูพึ่งมาถึงเมื่อวาน” ปืนในมือถูกวางลงที่โต๊ะกลมเล็ก ก่อนที่เขาจะหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
“มาครั้งนี้คนคุ้มกันน้อยเกินไปหรือเปล่า” เธียรมองหน้าของเพื่อนสนิท ที่คบหากันมานานกว่าสิบปีรู้จักกันก็ตอนที่เขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
“เอามาทำไมเยอะแยะ” เบรเดนยกแก้วในมือที่เทไวน์แดงจนถึงครึ่งใบเดียวกันไปให้เพื่อน เธียรไม่รังเกียจก่อนยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
“คืนนี้คลับกูดีไหม มีแต่ของเด็ด ๆ” ไม่พูดเปล่ายังยักคิ้วหลิ่วตาให้กับเพื่อนที่ทำหน้านิ่ง ที่กำลังจ้องมองไปทางอื่นเหมือนกำลังใช้ความคิดในเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องที่กำลังพูดคุย
“กูมีไปงานเลี้ยง คงต้องหลังเที่ยงคืน” พูดจบแก้วเปล่าถูกยื่นส่งคืน เขารับแล้ววางลงที่โต๊ะกลมตามเดิม “ถ้าคืนนี้กูเจอเรื่องสนุกก็คงไม่ไป”
เบรเดนลุกหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมใส่ ก่อนที่จะเดินเข้ามาภายในห้องเดินไปหยิบซองเอกสารสำคัญบางอย่างให้กับเธียรที่เดินตามหลังเข้ามา เมื่อได้รับเอกสารจึงเดินไปนั่งที่โซฟาใหญ่ที่อยู่ในห้องรับแขก
“คลื่นใต้ทะเลลึกน่ากลัวกว่าที่กูคิด” สายตาไล่อ่านเอกสารอยู่นานก่อนจะหันมองมาหาเบรเดนที่กำลังใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกอยู่ “ให้จับปลาตอนนี้เลยไหม”
“ยัง เอาไว้น้ำลดค่อยจับ” เขายกยิ้มมุมปาก “ตอนนี้น้ำยังลดไม่ถึงครึ่งสระ ว่านแห่ไปก็คงได้แต่ปลาเล็ก”
“อืม” เขาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเบรเดน “งั้นกูกลับก่อนแล้วกัน แค่มาทักทายอย่าลืมไปคลับ กูรอมึงอยู่”
“......” ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของวิลล่า นั้นก็หมายความว่าเขายังไม่แน่ใจว่าจะไปตามที่เธียรนัดได้หรือเปล่า
รถสปอร์ตสีดำจอดนิ่งที่หน้าโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง เบรเดนเดินลงจากรถพร้อมกลับยื่นส่งกุญแจให้กับพนักงานชายที่ยืนรอต้อนรับแขกอยู่ก่อนแล้ว เขาไม่ลืมที่จะยื่นบัตรเชิญร่วมงานเลี้ยงเพื่อแสดงตัวตน
มีพนักงานหญิงเดินเข้ามาทำหน้าที่นำทางให้กับชายหนุ่มเพื่อตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่สุดของโรงแรม ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกภายในงานเต็มไปด้วยนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างเป็นบางคน
“คุณเบรเดน ดีใจมากเลยค่ะ” เจ้าของงานเลี้ยงเดินเข้ามาทักทาย หญิงวัยกลางคนส่งยิ้มพร้อมกับสวมกอดเขาอย่างที่เคยทำ “ฉันดีใจจริง ๆ ที่คุณเบรเดนมาได้ เห็นเลขาบอกว่างานยุ่งมาก”
“งานแบบนี้ผมจะพลาดได้ยังไงครับ งานการกุศลดี ๆ แบบนี้ผมต้องมาอยู่แล้วครับ” เบรเดนยิ้ม ก่อนถูกเจ้าของงานเดินนำมานั่งที่เก้าอี้ที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้สำหรับแขกวีไอพี
“เป็นเกียรติมากเลยค่ะ ฉันขอไปทักทายแขกคนอื่นก่อนนะคะ”
“ครับ”
“หนูมุกมาแล้วเหรอ คุณทิชาบอกว่าจะส่งหนูมุกมาแทน” เสียงเจ้าของงานดังขึ้นทำให้ เบรเดนหันมองไปยังหญิงสาวที่ถูกเรียกชื่อ
“สวัสดีค่ะคุณหญิง คุณแม่ไม่ว่างค่ะ คุณแม่บอกว่าให้นำสิ่งนี้มาร่วมประมูลแล้วบริจาคด้วยค่ะ” ไข่มุกยิ้มแล้วนำกล่องกำมะหยี่สีแดงสดยื่นส่งไปตรงหน้าของคุณหญิงจันทร์
“ฝากขอบคุณ คุณทิชาด้วยนะคะ วันนี้คนมากหน่อยเดี๋ยวให้เด็กพาไปหาที่นั่งนะคะ ขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งนะคะ” คุณหญิงจันทร์ยิ้มแก้มแทบฉีกเมื่อได้สิ่งของที่จะนำมาประมูล แน่นอนว่าสิ่งที่เธอกำลังถืออยู่ต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหกหลักแน่นอน
ไข่มุกถูกเชิญมานั่งที่เก้าอี้ว่างข้าง ๆ กับชายหนุ่มคนหนึ่ง เธอหันไปส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรแต่กลับได้เพียงความนิ่งเงียบของอีกฝ่าย เธอจึงยิ้มแก้เขินแล้วนั่งนิ่งเป็นครั้งแรกที่เธอนั้นมางานประมูลเพียงลำพัง
เบรเดนมองหญิงสาวด้านข้างด้วยห่างตา ก่อนหยุดนิ่งที่มือเรียวที่กำลังกำชายกระโปรงยาวเลยเข่า เหมือนว่าเธอกำลังข่มอาการตื่นเต้นเอาไว้ รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เธอหันมายิ้มให้กับเขาอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขากลับยิ้มตอบ
“มาคนเดียวเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเหมือนกำลังหาเพื่อนในงานคุย ไข่มุกจ้องมองใบหน้าของเขาได้ถนัดกลับไม่ยอมมองไปที่ใด ผู้ชายคนนี้ช่างหล่อเหลามีเสน่ห์ เมื่อเห็นว่าตนเองกำลังคิดไปไกลจึงหยุดความคิดเอาไว้เพียงเท่านี้
“ครับ” เขาตอบสั้น ๆ ใช้สายตามองเธอไม่ต่างกัน รูปหน้าสวยสะดุดตาแต่เธอจะมีความน่ารักสดใสเสียมากกว่า เวลาเธอยิ้มดูสดใสไร้เดียงสาการแต่งกายของเธอไม่ได้โชว์เนื้อหนังเพราะเป็นชุดเดรสคอเต่าสีชมพูแขนยาว แต่ดูทันสมัยไม่ทำให้คนที่สวมใส่ดูเป็นคนล้าสมัย
เมื่องานประมูลเริ่มต้นขึ้น ผู้ที่เข้าร่วมต่างตื่นตาตื่นใจกับสิ่งของที่นำมาประมูลในวันนี้ แน่นอนว่างานคุณหญิงจันทร์ไม่เคยทำให้แขกที่มาร่วมงานผิดหวังสักครั้ง เบรเดนที่นั่งอยู่ด้านข้างเขาแทบจะประมูลสินค้าไปทั้งหมดเพียงคนเดียว
“นั้นสร้อยเพชรของแม่ฉันเองค่ะ” เธอหันมายิ้มกับผู้ชายนั่งข้าง
“ของประจำตระกูลแบบนั้นนำมาประมูลไม่เสียดายเหรอครับ” เบรเดนถามกลับ เมื่อเขามองสร้อยเพชรสีแดงดวงตาที่เป็นประกายแฝงเอาไว้ด้วยความดุดันที่อยู่ส่วนลึก
“คุณรู้ได้ไงคะ ฉันไม่เคยบอกใครเลยนะ” เธอยิ้ม
“ก็มันสวยขนาดนั้น ดูจะเป็นการดีไซน์แบบเก่าของนักดีไซน์ชื่อดังที่ผมรู้จักด้วย” เบรเดนตอบแบบไม่ปิดบัง คนที่จะมีสร้อยเส้นนี้ได้คงมีแค่คนคนเดียวเพียงเท่านั้น
“คุณเก่งจังค่ะ ขนาดฉันเป็นลูกยังดูไม่ออกเลยค่ะ คุณแม่บอกแค่ว่าเป็นสร้อยคอที่คุณพ่อรักมาก แต่ก็ยอมให้คุณแม่นำมาประมูลค่ะ” ไข่มุกพูดต่อแต่อีกคนกลับเงียบไม่ตอบสิ่งใดกลับมา
แต่สุดท้ายแล้วสร้อยคอเพชรน้ำงามก็ตกมาเป็นของเบรเดนในที่สุด เมื่อเขาประมูลสร้อยเพชรเสร็จแล้วจึงลุกออกจากที่ ไปนั่งรอที่ห้องรับรองแขกเพื่อตรวจเช็กสิ่งของที่ประมูลมาได้โดยมีโรเบิร์ตยืนรออยู่ที่หน้าห้องแล้ว