ตอนที่ 4
แต่ยังไม่พ้นอาทิตย์ ในเย็นของวันศุกร์เกวลินก็วิ่งหน้าบึ้งมาหา พร้อมกับปัญหาที่เกิดจากความเอาแต่ใจของตัวเองอีกครั้ง
“ฉันอยากไปเที่ยวเมืองนอก”
เหตุผลแต่ละอย่างที่ทะเลาะกับแฟนของเพื่อนรัก ทำให้ชมพูนุชต้องกุมขมับ “เที่ยวที่ไทยครบยัง แล้วอีกอย่างเที่ยวเมืองนอกมันใช้เงินเยอะมากนะลิน”
“แต่ฉันอยากไปนี้ เมื่อวันก่อนเข้าร้านเสริมสวยได้ยินเขาเม้าท์กันเรื่องไปเที่ยวเมืองนอกกันมา ฉันละได้แต่นั่งเงียบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว” เกวลินเล่าอย่างเซ็งๆ และเซ็งหนักขึ้นเมื่อมาบอกแทนไทชายหนุ่มก็ออกปากปฏิเสธทันที
“เธอจะไปบ้าจี้ตามคนอื่นทุกเรื่องได้ยังไง และคนที่เม้าท์ๆๆ กันน่ะได้ไปมาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“จริงสิ เขาเอาภาพในมือถือมาอวดด้วย ฉันอยากไป...”
“แต่เธอเพิ่งถอยมือถือมาใหม่ไม่ใช่เหรอ”
“มันคนละอย่างกันนี้”
“แต่มันต้องใช้เงินเหมือนกันนี่ ลิน...ไม่ใช่เธอไม่เคยหาเงิน รู้ใช่ไหมว่ากว่าจะได้มาแต่ละบาทมันเหนื่อยขนาดไหน” ชมพูนุชพูดเตือนสติเหมือนอย่างเคย
“ฉันรู้ว่าแทนมีเงิน เพราะเขาเคยบอกฉันว่าเขาตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้อง ทำงานหาเงินใช้บ้างนิดหน่อยที่เหลือก็เก็บ ทุกวันนี้ขนาดฉันไปอยู่ด้วยเขายังเจียดเงินไปเก็บเลยนะ ไม่รู้จะเก็บอะไรนักหนา”
ฟังความคิดที่ผิดเพี้ยนของเพื่อนรักแล้วต้องส่ายหน้า “บางทีคุณแทนเขาอาจจะอยากเก็บเงินเพื่อเอาไว้สร้างครอบครัวกับเธอก็ได้”
“ก็อาจจะจริง เห็นเขาเกริ่นๆ เหมือนกันว่า เร็วๆ นี้อยากจะไปคุยเรื่องของเรากับที่บ้านฉัน”
“นั่นไง เอาอย่างนี้ไหมถ้าเธออยากไปจริงๆ ลองชวนไปตอนฮันนีมูนดีไหม” ชมพูนุชเสนอความคิด และครั้งนี้ดูเหมือนจะได้ผล “จริงด้วย ความคิดนี้เข้าท่าดี ขอบใจมาก งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะ” ว่าแล้วเกวลินก็ลุกขึ้นวิ่งกลับบ้านด้วยท่าทางร่าเริงสดใสกว่าตอนมาเยอะ
หลังจากการทะเลาะกันครั้งนั้น และเป็นเกวลินที่เป็นฝ่ายไปง้อ ทั้งสองก็ไม่ทะเลาะรุนแรงจนวิ่งหนีไปนอนบ้านอื่นอีกเลย แต่การทะเลาะเล็กน้อยก็มีบ้างตามประสาลิ้นกับฟัน
“ค่ะ ว่าไงคะแทน” เกลินที่กำลังเตรียมตัวจะออกจากบ้านไปหาอะไรกินนอกบ้านและดูหนังต่อกับเพื่อนๆ ในกลุ่มที่ยังติดต่อกันอยู่ และวันนี้อีกฝ่ายลาพักร้อนเลยโทร.มาชวนออกไปชอปปิ้งกินข้าวดูหนัง
“ผมลืมเอกสารสำคัญที่ต้องให้ลูกค้าวันนี้ลินช่วยเอามาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ แล้วเอกสารที่ว่านั้นอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
“บนโต๊ะในห้องนั่นแหละครับ ว่าแต่มาถูกใช่ไหม” แทนไทถามอย่างเป็นห่วง แม้เขาจะเคยพาเกวลินไปที่ทำงานครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม
“ถูกค่ะ ลินเป็นคนจำแม่นไปที่ไหนครั้งเดียวก็จำได้แล้วละคะ ถ้าถึงแล้วจะโทร.หานะคะ” เกวลินวางสายแล้วรีบเดินกลับห้องนอน เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการก็รีบออกจากบ้าน อย่างกลัวรถติดแล้วมันจะทำให้เธอไปเจอเพื่อนสาย
แต่ก็นับว่าโชคยังเข้าข้างเมื่อท้องถนนในช่วงสายๆ ของวันไม่แออัดสักเท่าไหร่ นั่งรถไม่นานเธอก็มาถึงออฟฟิสของแฟนหนุ่ม และเธอก็ได้โทร.เรียกเขามารับเอกสารแล้ว
“ขอบคุณนะที่รัก ไม่ได้คุณแย่เลย”
“ยินดีค่ะ ยังไงลินกลับเลยนะคะ พอดีนัดเพื่อนไว้นะคะ” พอได้ยินคำว่าเพื่อนแทนไทถึงกับขมวดคิ้ว หรี่ตามองแฟนสาวอย่างจับผิด “ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้หญิงสิคะ”
“กลับแล้วเหรอครับคุณเอก” แทนไทหันไปเอ่ยทักชายหนุ่มรูปร่างสูงแต่งตัวแม้ไม่ได้เรียบเนี๊ยบแต่ยังคงความดูดีมีออร่าของคนมีอันจะกินอย่างนอบน้อม
“ครับ คุยกันเรียบร้อยแล้ว กลับก่อนนะครับ”
“ครับ สวัสดีครับ” แทนไทยกมือไหว้ อีกฝ่ายรับไหว้แล้วหันมายิ้มให้กับเกวลินเล็กน้อยก่อนจะเดินผละออกไป
“ใครเหรอคะ” เกวลินถามพลางมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มอย่างสนใจ
“ลูกค้าครับ”
“อุ๊ย! สายแล้ว งั้นลินไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะไปสาย เย็นนี้เจอกันที่บ้านนะคะ” เกวลินใช้มือลูบแก้มของคนรักเบาๆ แล้วเดินออกไปรอรถแท๊กซี่ และระหว่างที่ยืนรอสลับกับดูนาฬิกาเธอก็ได้ยินเสียงแตรรถดังมาจากด้านหลัง
แล้วเธอก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อรถที่ว่านั้นมันคือรถเบนซ์สีดำมันวาว เธอเดินถอยหลังเล็กน้อยเมื่อรถคันหรูจอดและไม่ในเวลาต่อมากระจกรถก็ถูกลดลง เจ้าของรถที่โผล่หน้าออกมาทำให้เกวลินถึงกับอึ้ง
“ไปไหนครับ”
“เอ่อ...ปะ...ไปหาเพื่อนค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงตะกุกตะกักอย่างตื่นเต้นไม่คิดว่าชายหนุ่มจะจอดรถทักเธอ
“ผมไปส่งไหม แถวนี้รถแท็กซี่ไม่ค่อยผ่านหรอกครับ” ชายหนุ่มอาสา และเมื่อเห็นท่าทีลังเลเขาจึงรีบพูดต่อ “ผมไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มถามพลางทำหน้าสลด จนเกวลินต้องรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“ไม่หรอกค่ะ”
“งั้นขึ้นรถสิครับผมจะไปส่ง”
“ค่ะ” ว่าแล้วเกวลินก็เดินอ้อมไปเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งข้างๆ คนขับ
“นัดเพื่อนที่ไหนครับ” ชายหนุ่มถามพร้อมกับเคลื่อนรถ “ที่ห้าง...” เกวลินบอกชื่อห้างดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
“ชวนขึ้นรถแต่ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมเอกครับ”
“ลินค่ะ”
“คุณลินเป็นแฟนคุณแทนหรือครับ”
“อะ...เอ่อ...ไม่หรอกค่ะ บ้านเราอยู่ติดกันเป็นเพื่อนบ้านกันเลยรู้จักสนิทสนมกันตามประสาเพื่อนบ้านนะคะ และวันนี้พอดีเขาลืมเอกสารไว้ที่โต๊ะหน้าบ้านเลยวานให้ฉันเอามาให้นะคะ” เกวลินอดจะโกหกไม่ได้ และไม่ปฏิเสธเลยว่าเพราะถูกตาต้องใจชายหนุ่มตั้งแต่แรกเห็น และเมื่อมีโอกาสเธอก็ไม่อยากจะปล่อยให้มันหลุดมือไป
“คุณนี้ใจดีจังเลยนะครับ”
“ก็เขาบอกว่าเป็นเอกสารสำคัญนี่คะ ใครจะปฏิเสธลง” หญิงสาวบอกด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“แล้ววันนี้คุณไม่ได้ไปทำงานเหรอครับ”
เกวลินขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อยเมื่อโดนอีกฝ่ายถามเรื่องส่วนตัวที่ไม่ค่อยอยากจะตอบสักเท่าไหร่ “เอ่อ...ตอนนี้ฉันตกงานอยู่ค่ะ หามาเป็นเดือนแล้วยังไม่ได้สักที เงินเก็บก็เริ่มร่อยหรอแล้ว วันนี้เพื่อนที่ทำงานเก่าหยุดพักร้อนเลยชวนออกมาเลี้ยงข้าวนะคะ” เกวลินตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเรียกคะแนนสงสารจากอีกฝ่าย
และมันก็ได้ผลอย่างดีเยี่ยมเมื่อเอกชัยเอื้อมมือมาบีบมือของเธอที่วางอยู่บนตักอย่างให้กำลังใจ
“เรื่องงานเราค่อยคุยกันนะครับ แต่วันนี้ผมขออาสาเลี้ยงข้าวคุณกับเพื่อนได้ไหมครับ”
“จะดีเหรอคะ” เกวลินถามคล้ายกับเกรงใจ แต่ข้างในนั้นกำลังตื่นเต้นแต่ก็พยายามเก็บอาการ
“ดีสิครับ เอาเป็นว่าเลี้ยงในโอกาสที่เรารู้จักกันดีไหมครับ”
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับแล้วก้มหน้ามองมือใหญ่ที่ยังจับมือเธอไม่ยอมปล่อยอย่างเหนียมอาย
เอกชัยเดินตามถือของและบางครั้งซื้อของแบรนด์เนมราคาแพงให้ พาไปเลี้ยงข้าวก็เลี้ยงในร้านหรูราคาแต่ละจานแพงหูฉี่ที่ทำเอาสองสาวถึงกับตื่นเต้น ไม่เท่านั้นหนังที่ว่าจะดูชายหนุ่มยังอาสาออกค่าตั๋วให้แถมเป็นโรงหนังแบบวีไอพี ซึ่งจุดๆ นี้ทำให้สองสาวปลื้มปริ่มมาก
“คนนี้ใช่ไหมแฟนแกที่บอกว่าย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้ว ป๋าสุดๆ” อัญธิมาถามเมื่อมีโอกาสได้อยู่กันตามลำพังภายในห้องน้ำหญิงระหว่างรอเวลาหนังฉาย ขณะมือก็เติมแป้งเติมลิป
“จุ๊ๆ เบาๆ สิแก” เกวลินยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากอย่างปรามเพื่อนไม่ให้เสียงดังไป “ใช่ที่ไหนกันเล่า คนละคน คนนั้นไปทำงานและคิดเหรอว่าถ้าเป็นแทนจะได้ของแบรนด์เนม กินอาหารหรูหราและดูหนังในโรงหนังระดับวีไอพี”
“อ้าวเหรอ นี่แกได้เหยื่อใหม่ อุ๊ย! ไม่ใช่” อัญธิมาตบปากตัวเองเบาๆ “คนรักคนใหม่เหรอ แล้วคนเก่าล่ะ” เธอถามอย่างเป็นกังวลแทน แต่จะว่าไปเพื่อนในกลุ่มต่างรู้ดีว่าเกวลินเป็นคนที่ใช้ผู้ชายเปลืองมาก เจอใครที่ดีกว่าคนเก่านางก็จะสลัดทิ้งแบบไม่ใยดี ผู้ชายที่บริษัทโดนมานักต่อนักแล้ว
“ก็ต้องดูๆ ไปก่อนละแก ให้ทุกอย่างมันแน่นอนกว่านี้ก่อน ทางไหนดีกว่าก็เลือกทางนั้นแหละ” เกวลินพูดเหมือนเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญอะไร
“แต่ดูจากรูปการแล้วสงสัยคุณแทนอะไรนั่นจะโดนทิ้งใช่มะ” อัญธิมาเดาอย่างพอมองสถานการณ์ออก แต่เกวลินก็ปฏิเสธพอเป็นพิธี
“บ้า...แกก็พูดไป บอกแล้วไงว่าไม่แน่นอน” พูดจบก็ปิดตลับแป้งยัดมันใส่กระเป๋า เดินออกจากห้องน้ำ
“จ้า...ฉันจะรอดู” อัญธิมาลากเสียงยาว พนันกับตัวเองไว้เลยว่าอย่างไรเธอก็ไม่มีทางเดาผิด กับเกวลินเพิ่งรู้จักกันเวันสองวันเสียเมื่อไหร่
หลังจากดูหนังเสร็จเอกชัยก็ไปส่งอัญธิมาก่อน จากนั้นถึงไปส่งเกวลิน และระหว่างกลับนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะชวนหญิงสาวไปต่อ
“ผมว่าเราไปหาอะไรกินกัน แล้วหาที่ดื่มและฟังเพลงกันต่อไหมครับ”
“เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะคะ วันนี้ลินไม่สะดวกจริงๆ ป่านนี้เพื่อนคงทำกับข้าวเย็นรอแล้ว ไม่กลับไปกินเพื่อนเสียใจแย่”
“คุณนี้คิดถึงคนอื่นก่อนเสมอเลยนะ”
“ก็ใจเขาใจเรานะคะ” เกวลินตอบรับพร้อมกับยิ้มหวานก้มหน้าทำท่าเหนียมอาย ดูสงบเสงี่ยมเจียมตัว คอยบอกทางเมื่อเอกชัยถามและชวนคุยจนกระทั่งถึงบ้าน
“จอดตรงนี้แหละค่ะ” เกวลินให้ชายหนุ่มจอดที่หน้าบ้านของชมพูนุช “ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ ลินสนุกและมีความสุขมาก”
“เอาไว้ว่างๆ เราไปกันสองคนนะครับ ยังไงเรามาแลกเบอร์กันไว้ดีกว่า” เอกชัยล้วงเอามือถือรุ่นใหม่ราคาแพงระยับขึ้นมาทำให้เกวลินถึงกับตาโต ก่อนเธอจะรีบเก็บอาการ บอกเบอร์รวมถึงไอดีไลน์ให้กับชายหนุ่มไป
“คืนนี้ผมโทร.หาคงไม่ว่ากันนะครับ”
“ไลน์ดีกว่านะคะ ดึกๆ คุยโทร.ศัพท์เกรงใจเพื่อนนะคะ”
“คร๊าบบบ” เอกชัยรับคำเสียงยานคางพร้อมกับขำน้อยๆ รู้สึกว่าหญิงสาวจะเกรงใจเพื่อนที่พักด้วยกันเสียเหลือเกิน
“คุณล้อลินใช่ไหมคะเนี่ย” เกวลินถามพางตีเข้าที่ต้นแขนแข็งแรงอย่างเขินๆ
“เปล่าซะหน่อย ผมแค่คิดว่าคุณนี่น่ารักจัง” เมื่อเจอคำชมตรงๆ เข้าไป ให้เกวลินถึงกับอายม้วน “บ้า ไม่คุยด้วยแล้วไปนะคะ” หญิงสาวลงจากรถปิดประตูแล้วโบกมือลา และยืนรอจนกระทั่งรถเบนซ์คันหรูลับสายตาไป เธอจึงรีบวิ่งเข้าบ้าน และวันนี้โชคช่างเข้าข้างเธอเหลือเกินที่แทนไทยังกลับไม่ถึงบ้านทั้งที่ปกติเวลานี้ชายหนุ่มกลับถึงบ้านแล้ว
และเมื่อเข้าบ้านเสียงศัพท์ก็ดังขึ้นถึงได้รู้สาเหตุว่าทำไมแทนไทถึงกลับบ้านช้า นั่นเพราะเส้นทางที่ชายหนุ่มใช้กลับบ้านได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้รถติดเป็นแพ จากปกติก็ติดหนักอยู่แล้วมาเป็นแบบนี้รถแทบไม่ขยับ
กว่าแทนไทจะกลับถึงบ้านเกวลินจึงมีเวลาในการชื่นชมของแบรนด์เนมไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ารองเท้าและกระเป๋าครบชุดอย่างเต็มอิ่ม ก่อนจะบรรจงเก็บมันใส่ไว้ในตู้อย่างทะนุถนอม และไม่กลัวแทนไทจะสงสัยเพราะการซื้อเสื้อผ้ากระเป๋าและรองเท้าใหม่เธอมักจะทำเป็นประจำอยู่แล้ว และคนที่ไม่ค่อยสนใจแฟชั่นคงไม่รู้หรอกว่าแบรนด์ไหนแบรนด์ธรรมดาแบรนด์ไหนแบรนด์เนม
และก็จริงดังคาดแม้จะเห็นว่าเกวลินซื้อเสื้อผ้าใหม่แต่แทนไทก็ไม่ได้ซักไซ้หรือสงสัยอะไร เขายังคงใช้ชีวิตปกติเช้าไปทำงานเลิกงานก็กลับบ้าน มีไปกินข้าวนอกบ้านเป็นบางครั้ง วันหยุดก็มีออกไปเที่ยวดูหนังฟังเพลงบ้าง
“ผมว่าเดือนหน้าจะไปคุยกับที่บ้านคุณเรื่องของเรา” จู่ๆ แทนไทก็พูดเรื่องนี้ขึ้น ทำให้เกวลินที่จ้องแต่โทรศัพท์ถึงกับชะงัก พิมพ์ตอบคู่สนทนาแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋า
“ลินว่าเอาไว้ก่อนดีกว่าไหมคะ เราศึกษาดูใจกันให้นานกว่านี้น่าจะดีกว่านะคะ” เกวลินรีบเสนอ
“แต่ผมกลัวว่าทางบ้านคุณรู้มันจะดูไม่ดีเอานะสิครับ นี้เราก็อยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแล้ว”
“โอ๊ย! ถ้าลินไม่บอกจ้างให้ก็ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ ถึงรู้พวกท่านก็คงไม่ว่าอะไรหรอก สมัยนี้อยู่ก่อนแต่งทั้งนั้น เอาเป็นว่า ลินอยากให้ไปเมื่อไหร่ลินจะบอกแล้วกันนะคะ” หญิงสาวบอกก่อนจะตักอาหารใส่ปาก แล้วทำหน้าเบื่อหน่าย ทิ้งช้อนลงอย่างไม่สบอารมณ์
“เป็นอะไร” แทนไทถามอย่างสงสัย
“ไม่อร่อย”
“แต่ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณกินไปชมไปว่าร้านนี้อร่อยมาก” แทนไททบทวนความจำให้แฟนสาวยิ้มๆ
“ตอนนั้นกับตอนนี้เหมือนกันที่ไหนละคะ ดูสิร้อนก็ร้อนคราวหน้าลินขอร้านที่มีแอร์นะคะ” เกวลินบอกอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเขี่ยๆ แล้วก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาทันที ผิดกับแทนไทที่ชักจะไม่พอใจที่เดี๋ยวนี้แฟนสาวติดโทรศัพท์มาก เรียกได้ว่าเล่นตลอดแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง
“ผมว่าตอนกินข้าวโทรศัพท์เอาไว้ก่อนดีไหม”
“ไม่ละคะ ลินอิ่มแล้ว แทนกินไปเถอะอิ่มแล้วบอกด้วยจะได้กลับ” ปากก็พูดไปแต่สายตานั้นไม่ได้ละจากจอโทรศัพท์แม้แต่น้อย ก่อนเธอจะฉีกยิ้มกว้าง เมื่ออ่านข้อความตอบกลับและแน่นอนว่าคนที่เกวลินคุยด้วยก็คือเอกชัย หญิงสาวปรายตามองคนที่กำลังกินข้าวเล็กน้อย “แทนคะ คืนนี้ลินไปนอนค้างห้องเพื่อนได้ไหมคะ” ถามออกไปแล้วเธอก็ได้แต่กลั้นใจรอคำตอบ
“แล้วทำไมต้องไปค้างด้วยล่ะ”
“ก็ยัยอัญนะสิคะ นี่ไลน์มาบอกว่าให้ไปนอนค้างเป็นเพื่อน ตึกที่มันอยู่มีคนผูกคอตาย ถึงจะคนละชั้นแต่มันกลัว” เกวลินพูดคล้ายกับไม่ค่อยเต็มใจอยากจะไป แต่ก็จำใจต้องไปเพราะห่วงเพื่อน
“เขาอยู่คนเดียวเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ อยู่กับเพื่อน แต่วันนี้เพื่อนมันเข้ากะดึก”
“งั้นชวนมานอนที่บ้านเราก็ได้นี่” แทนไทเสนอทางออกที่คิดว่าดีกว่า แต่เกวลินรีบปฏิเสธแทบจะทันที
“ชวนแล้วมันบอกว่าไม่มาหรอก ยัยนี่หวงของอย่างกับคนแก่” เกวลินบอกคล้ายกับเบื่อหน่าย แล้วแอบปรายตามองแทนไทที่นั่งเคียวข้าวอย่างช้าๆ เหมือนคนกำลังใช้ความคิด
“ก็ได้ วันเดียวนะ”
“ค่ะ พรุ่งนี้เพื่อนมันก็เปลี่ยนกะแล้วค่ะ” เกวลินดีใจจนเนื้อเต้นแต่เธอก็พยายามเก็บอาการ ถึงอย่างนั้นก็เผลอยิ้มออกมาบ่อยครั้งจนแทนไทต้องเลิกคิ้วมอง เธอจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วหุบยิ้มหันมาสนใจเล่นโทรศัพท์ต่อ แต่คราวนี้เธอกำลังสนทนากับอัญธิมา เพื่อบอกอีกฝ่ายให้รู้ตัวไว้ว่าเธอวางแผนอะไรไว้กันพลาด