บทที่ 8 ทางใครทางมัน
“พี่ขอโทษหนูลี พี่ผิดไปแล้วแต่พี่ไม่.”
“ดิฉันเข้าใจค่ะ ขอให้เราเลิกแล้วต่อกันต่างคนต่างไปมีชีวิตของตัวเอง หากเจอกันก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันนะคะ ขอให้พี่ไวทย์โชคดีมีความสุขกับคุณปรีชญานะคะ สวัสดีค่ะ” วลาลีพูดจบก็ยกมือไหว้เดินจากไปด้วยหัวใจแตกสลายทำให้ไวทย์พูดไม่ออกได้แต่มองตามด้วยความเสียใจไม่แพ้กัน เธอก็ทำผิดกับแฟนหนุ่มไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนของเขาอีกทำให้วลาลีไม่กล้าสู้หน้าไวทย์ จากกันแบบนี้ดีที่สุดมันแนะนำไรท์ได้นะคะ
“ดิฉันเข้าใจค่ะ ขอให้เราเลิกแล้วต่อกันต่างคนต่างไปมีชีวิตของตัวเอง หากเจอกันก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันนะคะ ขอให้พี่ไวทย์โชคดีมีความสุขกับคุณปรีชญานะคะ สวัสดีค่ะ” วลาลีพูดจบก็ยกมือไหว้เดินจากไปด้วยหัวใจแตกสลายทำให้ไวทย์พูดไม่ออกได้แต่มองตามด้วยความเสียใจไม่แพ้กัน เธอก็ทำผิดกับแฟนหนุ่มไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนของเขาอีกทำให้วลาลีไม่กล้าสู้หน้าไวทย์ จากกันแบบนี้ดีที่สุด
“พี่ขอโทษหนูลี พี่จะชดใช้ให้หนูลียังไงดี บอกพี่ที” ไวทย์ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับรองอย่างเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งใจเขาทำผิดต่อคนรักอย่างไม่น่าให้อภัยสมแล้วที่วลาลีตัดขาดเขา
ฝ่ายอนลก็ตามวลาลีไปจนถึงหอพักและแอบดูหญิงสาวเดินกลับเข้าซอยทุกวันแล้ววันนี้เขาก็รวบรวมความกล้ามาดักรอเธอ
“หนูลี.”
“อุ้ยย!!, คุณอนล” วลาลีสะดุ้งก่อนจะเดินเลี่ยงไปแต่ร่างสูงของอนลก็เดินมาขวางหน้า
“หนูลีอย่าหนีสิครับ”
“ฉันไม่ได้หนี”
“งั้นก็คุยกับผมก่อน เราต้องคุยกัน"
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
“แต่ผมมี หรือจะให้ผมพูดตรงนี้ล่ะ”
“ก็ได้ งั้นไปคุยที่โน่นละกัน” วลาลีบอกอนลก่อนจะเดินไปในซอยที่ไม่มีคนพลุกพล่านก่อนจะหยุดเดิน “พูดมาสิคะ”
“ไปหาที่เงียบๆคุยกันเถอะหนูลี” อนลมองหญิงสาวเรียบร้อยตรงหน้าที่เปลี่ยนไปทั้งกิริยาและคำพูด
“ถ้าไม่คุยที่นี่ก็ไม่ต้องคุยฉันรีบกลับห้อง”
“ก็ได้งั้นผมจะไปคุยกับพี่สาวของหนูลีก็ได้”
“คุณอนล”
“เชิญครับ”
วลาลีจำต้องเดินไปขึ้นรถกับอนลแล้วเขาก็จออดที่ร้านอาหารหรูที่อยู่ไม่ไกลจอกซอยหอพักของเธอแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหารอนลก็ขอโต้ะด้านในสุดที่เงียบและเป็นส่วนตัว
“รีบพูดมาเถอะค่ะ.” วลาลีพูดขึ้นทันทีเมื่อนั่งลงโดยยังไม่ได้สั่งอาหาร
“สั่งอาหารก่อนเถอะครับ.”
“ถ้าไม่พูดฉันจะกลับ.”
“ครับๆ ผมจะพูดเรื่องของเราในคืนนั้น”
“ฉันลืมไปแล้วค่ะ ไม่มีเรื่องคืนนั้นหวังว่าคุณอนลจะเข้าใจที่ฉันพูดนะคะ” เธอต้องเข้มแข็งนะวลาลี หญิงสาวเตือนตัวเอง
“แต่หนูลีเสียหายนะครับ ผมจะรับผิดชอบ ผมจะแต่งงานกับหนูลี” อนลบอกวลาลีถึงแม้จะผิดใจกับเพื่อนเขาก็ยอมแม้จะรู้ว่า วลาลีจะเป็นของเพื่อนมาก่อนแต่เขาไม่แคร์
“แต่งานเหรอ คุณบ้าไปแล้ว แค่นี้ฉันยังอับอายไม่พออีกเหรอคุณก็รู้ว่าฉันกับเพื่อนของคุณ..”
“ผมไม่แคร์.”
“แต่ฉันแคร์ และฉันไม่สามารถมองหน้าพี่ไวทย์ได้อีกแล้ว อย่าให้ฉันเลวไปกว่านี้เลยนะคะ ฉันขอร้องให้เรื่องทุกอย่างระหว่างเราในคืนนั้นจบกันตรงนี้และฉันจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกคุณหากเจอกันก็อย่าได้ทักทายกัน เราจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้มั้ยคะ ฉันขอแค่นี้ได้มั้ยคะ” วลาลีน้ำตาไหลอาบแก้มจนอนลทำอะไรไม่ถูกและคำพูดของเธอทำให้เขาทั้งเจ็บทั้งจุก
“หนูลีต้องการแบบนั้นจริงๆเหรอ คืนนั้นพี่ไม่ได้ป้องกัน.” อนลพูดเสียงแหบพร่า
“ไม่ต้องกลัวค่ะ ฉันป้องกันแล้วรับรองว่าไม่เกิดเรื่องแบบนั้นแน่นอนค่ะ” วลาลีใจหายวาบเมื่ออนลพูดถึงเรื่องป้องกัน เธอก็ได้สติจึงตอบเขาไปเพราะมัวแต่เสียใจจึงไม่ทันคิดเรื่องนี้
“พี่ขอโทษนะหนูลี พี่ไม่รู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นมีพนักงานเอาจดหมายมาให้พี่และบอกว่าหนูลีรออยู่ที่ห้อง พี่จึงรีบไปดูก็เจอ หนูลีนอนอยู่บนเตียงแล้วพี่รู้สึกตัวว่าโดนยาหลังจากนั้นพี่ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อีก ที่พี่พูดไม่ได้แก้ตัวแต่พี่รู้ว่ามีคนวางแผนให้เราไปเจอกันในสภาพนั้น”
วลาลีนิ่งไปและคิดตามที่อนลพูดเหมือนกับเธอที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกเธอว่าไวทย์ให้เธอไปรออยู่ที่ห้องแล้วเขาจะไปหา แล้วทำไมเป็นอนล
“มีคนมาบอกลีว่าพี่ไวทย์ให้ไปรอที่ห้องแล้วพี่ไวทย์จะตามไป..”
“พี่กำลังตามหาพนักงานคนที่เอาจดหมายมาให้อยู่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะวางแผนกันมาดีผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พนักงานของโรงแรมของพี่ เดี๋ยวพี่จะกลับไปดูส่วนของหนูลี..”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่อยากรู้เพราะมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันและจากกันด้วยดีนะคะคุณอนล ต่อจากนี้ไปเราจะกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน ฉันลานะคะสวัสดีค่ะ..”
“หนูลี” อนลนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อวลาลีพูดจบหญิงสาวก็ลุกเดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่เขาขาแข็งตัวชาไปกับคำพูดเด็ดเดี่ยวของหญิงสาววัยยี่สิบสองปีที่ทำให้เขารู้สึกผิดติดอยู่ในใจไปตลอดชีวิต หลังจากนั้นไวทย์กับปรีชญาก็แต่งงานเพราะเธอท้องและวลาลีก็เงียบหายไปจากทุกคน
“ตู้ดๆ ตู้ดๆๆ..”
“ว่าไงไอ้แสบ ไม่กลับบ้านกลับช่องเลยนะ” ไวทย์รับสายลูกชายที่ไม่ยอมกลับมานอนที่บ้าน อนิกม์พักที่เพนท์เฮ้าส์และยังมีข่าวกับสาวๆไม่ว่างเว้น
“โธ่, พ่อครับผมก็ต้องมีเวลารีแลกซ์บ้างสิครับ” อนิกม์ ราชภักดีภิมุข หรือ หนึ่ง วัย 28ปี หนุมหล่อล่ำกล้ามแน่นเป็นมัดๆรูปร่างสูงใหญ่สมาร์ท ผิวเข้มเล็กน้อยพราะเขาออกงานกลางแจ้งมากกว่าในห้องแอร์ มีความมั่นใจสูง กล้าได้กล้าเสีย กล้าชน ไม่เกรงกลัวอิทธิพลของใครเพราะเขาทำเพื่อความถูกต้องไม่มีหมกเม็ด และมีสาวสวยล้อมหน้าล้อมหลังจนได้ฉายา บิ๊กหนึ่ง จากคู่ควงว่าของเขาใหญ่บิ๊กเบิ้มจริงๆ ชายหนุ่มเป็นลูกชายคนโตของไวทย์กับปรีชญา
“วันนี้ไม่เข้าบริษัทเหรอ”
“กำลังไปครับ พอดีคืนนี้ผมต้องเดินทางไปลาวอีก ก็อยากปรึกษาพ่อเรื่องแบบของโรงแรมที่ลาวครับ อันเดรสมันจะให้พนักงานของเราออกแบบแล้วมาคัดเลือกดูอีกที พ่อคิดว่ายังไง”
“ก็ดีเหมือนกัน ให้โอกาสพนักงานบ้าง บางทีเขามีไอเดียดีๆอย่างที่เราคาดไม่ถึง หนึ่งก็จัดการประกวดภายในสิ มีรางวัลให้กับไอเดียของพนักงานพวกเขาจะได้มีกำลังใจ” ไวทย์บอกลูกชายเพราะทีมงานออกแบบบริษัทมีหลายทีมแต่ละสาขาทั่วประเทศก็จะมีทีมงานสถาปนิกประจำอยู่ที่บริษัทเพื่อให้คำแนะนำปรึกษากับลูกค้า
“ขอบคุณครับพ่อ” อนิกม์ขอบคุณพ่อที่แนะนำก่อนจะคุยกับพ่อเสร็จก็วางสายแล้วเดินทางไปบริษัท
ตึก TM เป็นที่ตั้งบริษัท TM ดีเวลล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) สำหนักงานใหญ่เป็นตึกสูงยี่สิบชั้นติดถนนใหญ่ และชั้นบนสุดเป็นเพนท์เฮ้าส์ของอนิกม์ที่ตกแต่งอย่างหรูหราเพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าห้องฟิตเนส ห้องโฮมเทียร์เตอร์ ห้องนอนสามห้อง ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก และสระว่ายน้ำอยู่บนชั้นดาดฟ้า ชั้นสิบเก้าเป็นอนาจักรของน้องสาว ส่วนห้องทำงานอยู่ชั้นสิบแปดมีห้องทำงานของเขาและน้องสาวอยู่คนละฝั่งลิฟต์และบริษัทอยู่ตั้งแต่ชั้นสิบเอ็ดถึงสิบแปด
ส่วนชั้นหนึ่งถึงชั้นสิบแบ่งให้เช่าและหนึ่งในนั้นก็มี KS ฟิตเนส ฟิตเนสของคชาเช่าสามชั้นตั้งแต่ชั้นเจ็ดถึงชั้นเก้าชั้นใต้ดินถึงชั้นสองเป็นลานจอดรถชั้นสามถึงชั้นหกก็มีร้านอาหารหรูทั้งไทยและอาหารหลากหลายชาติ ร้านเพชร ร้านเสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนมเป็นแหล่งที่นิยมของกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ย่านทองหล่อที่มีทั้งชายไทยชาวต่างประเทศ
“เอางานที่ประทุมฯมาดูหน่อยสิเก่ง งานคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” อนิกม์เปิดแฟ้มงานดูแต่ไม่เห็นแฟ้มงานก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำดื่มขนาดใหญ่ที่จะต้องติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์มากมายและทุกขั้นตอนต้องได้มาตรฐานจะผิดพลาดไม่ได้
