บทที่ 7 เป็นความลับตลอดไป
“ทำยังไงดีวะ ทำยังไงดี ไอ้ไวทย์เอากูตายแน่ๆ” อนลคิดไม่ตกว่าจะบอกเพื่อนดีหรือไม่จึงเดินวนเวียนหน้าห้องของไวทย์ไม่ว่ายังไงเขาจะรับผิดชอบวลาลี
คุณจรุมลรอลูกชายจนสายก็ไม่ติดต่อไม่ได้ด้วยความร้อนใจเพราะเพื่อนรักมารอจนหงุดหงิดทำให้เธอชวนกันมาหาลูกชายที่เพนท์เฮ้าส์ พอออกจากลิฟต์ก็เห็นเพื่อนลูกชายยืนอยู่หน้าห้องของไวทย์
“อ้าวตาอนลมายืนทำอะไรตรงนี้ลูก” คุณจารุมลถามเพื่อนลูกชาย
“สวัสดีครับคุณแม่ คุณป้า ผมมาหานายไวทย์ครับคุณแม่.”
“อ่อ แล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะ นี่แม่ก็มาหาพ่อตัวดีนั่นเหมือนกันก่อเรื่องไว้แล้วหายหัวไปเลย แม่ต้องมาตาม.” คุณจารุมลพูดถึงลูกชายตัวดีอย่างหงุดหงิดเพราะเพื่อนรักยืนข้างๆกดดันเธอจนต้องมาตามลูกชายถึงคอนโด
“ก๊อกๆ ก๊อกๆ”
“ผมเปิดเองครับ” อนลพูดจบก็กดระหัสห้องของเพื่อนเมื่อประตูเปิดออกคุณจารุมลกับคุณสุรางค์ก็เดินเข้าไปในห้อง
“เอ้ะ นี่กระเป๋าของยัยปี่นี่” คุณสุรางค์มองกระเป๋าถือของลูกสาวที่วางอยู่บนโต้ะตรงโซฟาแล้วมองรอบๆห้องของไวทย์ก็เห็นประตูห้องนอนสองห้อง
“หนูปี่มาทำอะไรที่นี่ตาอนลรู้มั้ยลูก” จารุมลถามเพื่อลูกชาย
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ.” อนลมองตาคุณสุรางค์เดินไปเปิดห้องนอนห้องแรกก็ไม่เห็นลูกสาวจึงเดินไปอีกห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปมองเห็นสองหนุ่มสานอนกอดกันอยู่บนเตียงมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายบนพื้นไม่ต้องบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ตาไวทย์ /ยัยปี่.” สองแม่เรียกลูกของตัวเองดังลั่นด้วยความตกใจจนสองหนุ่มสาวสะดุ้ง
“คุณแม่/ คุณแม่.”
“แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วออกไปคุยกันข้างนอก” เสียงคุณสุรางค์สั่นพร่ามองลูกสาวกับไวทย์ด้วยสายตาผิดหวัง แต่ในใจกลับยิ้มแย้มเมื่อลูกสาวสมหวัง
“ปิ้กใจเย็นๆก่อนนะ” สุรางค์พูดกับเพื่อนเพราะยังไงลูกชายของเธอก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขากระทำ
“เธอจะให้ฉันใจเย็นได้ยังไงหวาน ตาไวทย์บอกว่ามีแฟนที่จะแต่งงานกันแล้วมาทำแบบนี้กับลูกสาวของฉัน ลูกชายเธอไม่เสียหายนี่.”
“ไปกันใหญ่แล้วปิ้ก ฟังฉันก่อนสิลูกชายฉันต้องรับผิดชอบหนูปี่แน่นอน เธอไม่ต้องห่วงหรอก ที่ฉันพูดอยากให้เธอใจเย็นคุยกันด้วยเหตุผล อย่าใช้อารมณ์เท่านั้น.” จารุมลบอกเพื่อนอย่างหนักใจและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นลูกชายถึงได้ทำแบบนี้
ไวทย์มองปรีชญาด้วยความผิดหวังที่ใช้วิธีนี้เพื่อให้เขาแต่งานกับเธอ เมื่อคืนเขาดื่มหนักมากจนมองเห็นปรีชญาเป็นวลาลี
“เธอเข้ามาในห้องของพี่ได้ยังไง”
“ปี่ ฮือๆ ปี่เป็นห่วงพี่ไวทย์ก็เลยตามมาดู แต่พี่ไวทย์ไม่ฟังปี่เลย ปี่ห้ามแล้วนะ ฮืออๆ..” ปรีชญาร้องไห้เมื่อเห็นท่าทางหัวเสียของไวทย์แทนที่เขาจะต้องดีใจที่เธอเก็บพรหมจรรย์ไว้ให้เขา
“โธ่โว้ยย,เป็นแบบนี้ได้ยังไงวะ” ไวทย์สบถอย่างหัวเสียเแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำอย่างไม่สนใจปรีชญาที่นอนระบมอยู่บนเตียงทั้งที่ผ่านความเร่าร้อนด้วยกันมาทั้งคืน
เมื่อสองหนุ่มสาวเดินออกมาจากห้องในชุดเรียบร้อยมานั่งตรงข้ามผู้เป็นแม่ของพวกเขาและอนลมองเพื่อนอย่างเข้าใจว่าพลาดไปแล้วเต็มๆจึงนั่งนิ่งอย่างคนน้ำท่วมปาก
“ไวทย์ทำแบบนี้กับน้องเท่ากับดูถูกครอบครัวของน้านะ เห็นน้องปี่เป็นของเล่นเป็นลูกไม่มีพ่อแม่หรือไง” สุรางค์ต่อว่าไวทย์
“ผมขอโทษครับคุณน้า”
“ขอโทษเหรอ ไวทย์จะไม่รับผิดชอบในสิ่งทำกับน้องปี่เหรอ แค่นี้น้าก็เอาปี้บคลุมหัวแล้วมีลูกไม่รักดีอย่างนี้รู้ไปถึงไหนได้อับอายขายหน้าไปทั้งตระกูล”
“ปิ้กฟังก่อนสิ.” จารุมลบอกเพื่อนที่เอาแต่ว่าไม่ยอมฟัง
“ผม ผมจะรับผิดชอบลูกสาวคุณน้าครับ จะให้ผมทำยังไงก็บอกมาเลยครับ รบกวนคุณแม่ช่วยจัดการให้ด้วยนะครับ” ไวทย์บอกแม่ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
“ตาไวทย์/พี่ไวทย์คะ.” จารุมลกับปรีชญาเรียกตามหลังไวทย์และอนลก็ลุกเดินตามเพื่อนออกไปจากห้อง
“ดูสิตาไวทย์ทำกับหนูปี่ของฉันแล้วยังไม่ให้เกียรติอีก ฉันต้องการให้ตาไวทย์แต่งงานกับหนูปี่ให้เร็วที่สุด.”
“ได้สิ ฉันจะจัดการให้ คงต้องหาฤกษ์หายามกันก่อนนะปิ้ก ป้าขอโทษด้วยนะหนูปี่..” จารุมลจับมือหลานสาวที่เห็นมาแต่เล็กแต่น้อยแอบหวังไว้ว่าอยากได้เป็นลูกสะใภ้แต่ตอนนี้เธอกลับสับสนคงต้องคุยกับลูกชายก่อนว่าเรื่องราวเป็นมายังไง แต่ไวทย์ต้องแต่งงานกับปรีชญา
“ปี่ไม่เป็นไรค่ะป้าหวาน ฮึ้กๆ.” ปรีชญาสะอื้นไห้ทำให้คุณจารุมลสงสารก่อนจะพากันกลับบ้านและนัดคุยกันเรื่องแต่งงานพร้อมหน้าพร้อมตาในวันพรุ่งนี้
ไวทย์เดินไปที่ห้องของอนลแล้วทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา
“ไวทย์ มันเกิดอะไรขึ้นทำไมยัยปี่ไปนอนในห้องมึงได้”
“กูไม่รู้ กูนึกว่าเป็นหนูลี เมื่อคืนกูเมามากไอ้ธรรศกับไอ้ชัยพากูมาส่ง กูจำได้แค่นี้แหละ.” ไวทย์ทิ้งตัวลงนอนอย่างหนักใจไหนจะแฟนสาวอีกล่ะเขาจะบอกวลาลียังไงดี
“แล้วแกจะทำยังไงกับหนูลีล่ะ” อนลน้ำท่วมปากพูดไม่ออกแต่เขาจะรับผิดชอบวลาลีในเมื่อไวทย์จะแต่งงานกับปรีชญาและเขาก็ไม่ถือที่หญิงสาวไม่บริสุทธิ์
“กูไม่รู้”
หลังจากวันนั้นไวทย์ก็ติดต่อแฟนสาวไม่ได้ ไปถึงบ้านก็ไม่เจอแม้แต่อนลไปดักรอก็ไม่เจอเพราะวลาลีขอพี่สาวย้ายไปอยู่หอพักใกล้ที่ทำงาน และข่าวของไวทย์ ราชภักดีภิมุข นักธุรกิจหนุ่มหล่อชื่อดังหมั้นหมายกับ ปรีชญา พรมพิมาน ลูกสาวนักธุรกิจสังหาริมทรัพย์จะแต่งงานกันก็ดังชั่วข้ามคืนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสมกันเหมือนกิ่งทองใบหยกบ้างก็บอกว่าเรือร่มในหนองทองจะไปไหน
วลาลีอ่านข่าวแล้วก็ยิ่งทำให้เสียใจเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในงานวันเกิดของแฟนหนุ่มและเธอไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าตัวเองถูกวางยาปลุกเซ็กส์ แต่ใครทำล่ะเธอก็กินและดื่มเหมือนทุกคนหรือว่าน้ำส้มแก้วนั้น วลาลีคิดว่าเป็นอนลแล้วเขาทำเพื่ออะไรในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นแฟนของไวทย์ ยิ่งคิดก็ทำให้เธอเครียด วลาลีจึงทุ่มเทกับงานและพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้น
“ลีมีคนมาหาจ้ะ” เพื่อนร่วมงานเดินมาบอกวลาลี
“ใครคะพี่”
“คุณไวทย์น่ะสิ ลีรู้จักเขาด้วยเหรอจ้ะ”
“อ่อ. เจ้านายเก่าค่ะ เดี๋ยวหนูมานะคะ” วลาลีตัดสินใจคุยกับไวทย์เพื่อจะได้จบกันสักทีถึงแม้ไวทย์จะไม่แต่งงานกับปรีชญาเธอเองก็ไม่สามารถแต่งงานกับเขาได้เหมือนกัน
“หนูลี” ไวทย์นั่งรอวลาลีที่ห้องรับรองรอพอเห็นแฟนสาวก็ถลาเข้าไปหา
“หยุดตรงนั้นค่ะคุณไวทย์”
“หนูลี” ไวทย์ชะงักกับน้ำเสียงห่างเหินของแฟนสาว
“คุณไวทย์มีธุระอะไรกับดิฉันคะ รีบพูดมาเถอะค่ะดิฉันเกรงใจเพื่อนร่วมงาน”
