บทที่ 6 เทรนเนอร์สาว 1.5
“คุณนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ” น้ำเสียงที่หญิงสาวพูดออกมานั้นติดจะงอนๆ พร้อมกับดวงหน้าหวานสวยส่งค้อนวงใหญ่ให้กับคนที่ว่าจ้าง กิริยาของสาวเจ้านั้นทำให้หัวใจแข็งแกร่งกระตุกไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ช่างน่ารักเหลือเกิน น่ารักมาก ดูเป็นธรรมชาติไม่แสแสร้ง
“ฉันเหนื่อยแหละ ขอน้ำเย็นๆ ซักแก้วซิ” เขาเอ่ยบอกลุกจากเครื่องออกกำลังกายไปนั่งที่โซฟาหนังตัวใหญ่
“แล้วลูกน้องของคุณไปไหนล่ะคะ” เธอเอ่ยถามชายร่างใหญ่ที่เอนกายนั่งที่โซฟาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หน้าที่ของเธอคือเป็นเทรนเนอร์ให้คำแนะนำในการออกกำลังกาย ไม่ได้เป็นคนรับใช้คำสั่งที่เขาสั่งไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะต้องทำมันควรจะเป็นหน้าที่ของลูกน้องของเขามากกว่า
“ไปพักผ่อนที่ห้องของพวกเขานะสิ ก็ตอนนี้มันเป็นเวลาออกกำลังกายของฉันนี่ ลูกน้องฉันจะอยู่ให้เกะกะตาทำไม อีกอย่างเธอเป็นเทรนเนอร์ต้องดูแลเอาใจใส่ฉันขณะที่ออกกำลังกาย และตอนนี้ฉันเหนื่อยและอยากดื่มน้ำเย็นสักแก้ว เธอก็ต้องไปเอาน้ำมาให้ฉันสิถึงจะถูก เพราะมันยังอยู่ในเวลาทำงานของเธอ” แอนโตนิโอห้าข้ออ้างไปเรื่อย นั่งไขว่ห้างกระดิกปลายเท้าอย่างสบายใจ ไม่สนใจใบหน้าสวยที่กลายเป็นจวักเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เท้าเล็กกระแทกเดินออกไปจากห้องออกกำลังกายอย่างไม่พอใจตัวเองที่หาข้อเถียงกลับไม่ได้ หญิงสาวกลับมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำเย็นหนึ่งแก้ว
“ขอบใจ” เขาเอ่ยขอบคุณหลังจากที่ได้ดื่มน้ำเย็นชื่นใจ
“ฉันเมื่อยขาเมื่อยแขนจังเลย เธอมานวดให้ฉันหน่อยสิ อ้อ แล้วอย่าเถียงอีกล่ะว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ เพราะฉันจะเถียงกลับไปว่ามันใช่เลยแหละ เธอคิดดูถ้าเกิดฉันปวดเมื่อแขนขาจนกล้ามเนื้อฉีกขาด อะไรจะเกิดขึ้นฉันออกกำลังกายไม่ได้ ความผิดมันก็ต้องตกอยู่ที่เธอ เพราะเธอไม่ดูแลฉันทำงานไม่สมกับเป็นมืออาชีพ” บัวบุษยาอยากจะกรีดร้องระบายความอัดอั้นที่มีอยู่เต็มอก หญิงสาวมีความรู้สึกว่าเธอแพ้ทางเขาทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดักหน้าดักหลังไม่มีช่องว่างให้เธอได้โต้เถียงเลย บัวบุษยาเดินปั้นปึ่งไปทรุดนั่งที่เก้าอี้มือเล็กที่มีความนุ่มวางลงบนลำแขนชื้นเหงื่อ ค่อยๆ บีบนวดให้เขารู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การนวดของเทรนเนอร์สาวสร้างความเคลิบเคลิ้มให้กับเขายิ่งนัก แอนโตนิโอรู้สึกว่ากล้ามเนื้อบริเวณแขนมีความผ่อนคลาย ยิ่งได้มองเสี้ยวหน้างามของหมอนวดจำเป็นด้วยแล้ว ยิ่งเคลิ้มเป็นสองเท่า
“แขนข้างนี้พอแล้ว เอาข้างนี้บ้าง” บัวบุษยาลุกขึ้นไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งทิ้งระยะห่างพอประมาณ ก่อนจะบีบนวดลำแขนแข็งแรงอีกข้าง เธออยากให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปเร็วๆ ดวงตาสีเขียวมรกตที่มองมาที่เธอนั้น สร้างความปั่นป่วนในจิตใจของเธอยิ่งนัก ดวงตาหวานไม่กล้าที่จะช้อนตามองไปที่เขาเลย เธอกลัวว่าตัวเองจะละลายไปกับสายตาที่ร้อนแรงคู่นั้น หญิงสาวจึงเลือกที่จะก้มหน้าก้มตามากกว่า เลยไม่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์เพราะเขากำลังจะเริ่มแผนต่อไป
“พอแล้ว ฉันว่าน่าจะหาผ้าก็อตมาพันที่แขนนะฉันจะได้ไม่รู้สึกปวดเมื่อยเวลาออกกำลังกาย เอ จำได้ว่าวางอยู่แถวๆ นี้นะ อยู่ไหนนะ อยู่ไหนเนี่ย” เขาทำทีเป็นพูดกับตัวเอง หันซ้ายหันขวาเหมือนจะมองหาผ้าก็อต
“อ้อ อยู่นั่นเอง” ในที่สุดเขาก็หามันเจอ มือใหญ่เอื้อมไปหยิบผ้าก็อตที่อยู่ริมโซฟาด้านข้างที่ร่างสาวนั่งอยู่ ทำให้ร่างหนาต้องเอนกายไปตามมือ ร่างของเขาจึงพาดทับร่างอรชรที่ตกใจกระเถิบร่างผิงพนักโซฟา ดวงตาตื่นตระหนก กลีบปากบางเผยอออกเล็กน้อย ดวงหน้าหวานแดงก่ำดั่งสีเลือด เพราะตอนนี้ร่างกายของเขาและเธอใกล้ชิดกันมาก ดวงหน้าหวานอยู่เสมอกับใบหน้าคมสัน ลมหายใจของทั้งสองเป่ารดกระทบกับใบหน้าของแต่ละฝ่าย ดวงตาประสานกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ยะ อย่า...” คำร้องห้ามของเธอนั้นดูเหมือนจะเบาและช้าเกินไป เนื่องจากเรียวปากหนาสวยได้รูปจู่โจมเรียวปากอิ่มช่างยั่วทันควัน กลบเสียงห้ามปรามที่ดังออกมาจนสิ้น แทรกปลายลิ้นเข้าในโพรงปากบางที่เผยอออกอย่างเชื้อเชิญ ควานหาความหวานอย่างถือสิทธิ์ กระหวัดพันลิ้นนุ่มที่แข็งทื่อตกอยู่ในสภาวะตกใจ มันคงเหมือนกับร่างกายของเธอ ตอนนี้ที่แข็งดุจหินอายุพันปี ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน หัวใจเต้นแรงเร็ว ความถี่ของอัตราการเต้นนับจังหวะไม่ได้เลย ตกอยู่ในอาการทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก สมองมึนงงและหยุดนิ่งในบัดดล ยิ่งปลายลิ้นหนาเซาะซอนไปทั่วโพรงปากไล้ไปตามกระพุ้งแก้ม กวาดชิมบางอย่าง...บางอย่างที่เต็มไปด้วยความหวานที่บ่มเพาะมานานนม ความหวานจึงจรุงจิตจรุงใจซาบซ่านไปทั่งกายของคนที่ได้ลิ้มรส จมดิ่งอยู่กับรสหวานของเรียวปากคู่หวานอย่างหิวกระหาย
แอนโตนิโอคิดว่าตัวเองได้กลายร่างเป็นมดเดินหลงอยู่ในบ่อน้ำหวาน เรียวปากนุ่มของเธอคนนี้หวานกว่าจูบไหนๆ ที่เขาได้เคยได้สัมผัสมา หอมราวกับเขาสูดดมดอกไม้ในสวนที่บานสะพรั่ง นุ่มดังวิปครีมเนื้อละเอียด เมื่อทั้งสามสิ่งมารวมตัวกันมันจึงมีแรงดึงดูดมากมาย จนเขาไม่อยากผละจากเรียวปากหวานล้ำแสนเสน่หานี้เลย
นอกจากจูบของเขาจะทำให้เธอตกอยู่ในมนต์พิศวาส มือหนาก็เหมือนกันกำลังร่ายเวทมนต์ไปตามผิวกกายสาวผ่านเสื้อเจ็คเก็ตพอดีตัวสีน้ำเงินที่เธอสวมใส่มา ไม่เพียงเท่านั้นมือร้ายยังล้วงเข้าไปในชายเสื้อสัมผัสกับผิวเนื้อนุ่มมือ เขาใช้ชั้นเชิงในการสร้างความกระสันด้วยการไล้แผ่นหลังบางเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว ได้ผลชะงัดร่างกายสาวสั่นระริกรับความรัญจวนที่เขาสร้างขึ้น รู้สึกผันผวนในช่อท้องราวกับว่าภายในร่างกายของตัวเองนั้นกำลังเกิดพายุโหมกระหน่ำ
“อื้อ” เสียงร้องห้ามในลำคอดังขึ้น หลังจากสติของบัวบุษยาได้เดินทางกลับมาในสมองส่วนหนึ่ง เสียงร้องอื้ออึงในลำคอเหมือนเสียงร้องห้าม ทำงานสอดคล้องกับมือนุ่มที่พยายามดึงมือใหญ่ที่กอบกุมเต้าทรวงของเธอให้ออกห่าง แต่ดูท่ามือใหญ่ที่เปรียบเสมือนตีนตุ๊กแกจะไม่ยอมละจากภูเขาลูกพอเหมาะพอดีกับฝ่ามือของเขาเลยแม้แต่น้อย กลับออกแรงเคล้นความนุ่มดุจสปริงอย่างเมามันแทน
ร่างเล็กที่เริ่มออกแรงดิ้นเพื่อไม่ให้เขาทำตามอำเภอใจทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด จับร่างกายสาวให้เอนกายลงนอนบนโซฟาโดยมีร่างหนาเกยก่ายเอาไว้กันเธอหลบหนี มือใหญ่อีกข้างรูดซิปเสื้อแจ็คเก็ตของเธอลงจนสุดก่อนจะแยกสาบเมื้อออกจากกัน ถลกชายเสื้อกล้ามสีขาวขึ้นสูงพร้อมกับเสื้อในที่ถูกเลื่อนขึ้นไปอยู่เหนือทรวงอก ทุกขั้นทุกตอนที่เขาทำเรียวปากหนาไม่เคยละจากกลีบปากต้องมนต์ของเธอเลย
คราวนี้มือใหญ่ได้สัมผัสเนื้อแท้ของก้อนเนื้อเต่งตึง มันช่างเด้งรับน้ำหนักมือของเขาเหลือเกิน นุ่มหยุ่นดุจสปริงคุณภาพดี จนเขาอยากจะสัมผัสปลายถันที่ดุนดันอยู่กลางฝ่ามือเขาเต็มแก่ ไม่รอช้าแอนโตนิโอเลื่อนใบหน้ามาอยู่ตรงทรวงอกคู่สวยทันที เพื่อที่เขาจะได้ลิ้มรสปลายถันที่เขาอยากลิ้มลอง เขาไม่รีรออ้าปากโอบล้อมยอดถันสีชมพูอ่อนทันควัน ร่างงามสะดุ้งเฮือก เมื่อความร้อนจากอุ้งปากของอีกฝ่ายไหลเวียนเข้ามาในร่างกาย
“ยะ อย่า ไม่ อือ” เสียงห้ามดูจะเบาไปเหมือนครั้งก่อน หากแต่เสียงครางกับแทรกดังขึ้นมาในตอนท้าย ใบหน้างามสะบัดกับเบาะโซฟา ใบหน้าแดงระเรื่อ ดวงตาเพ้อฝันเลื่อนลอย ทั่วทุกผิวเนื้อบนร่างกายขนลุกชัน ความรู้สึกเสียวสะท้านสะท้อนขึ้นลงในอก ช่องท้องร้อนวูบความเสียวจมดิ่งแทรกลึกเข้าไปในกลีบกุหลาบช่อสวย ยิ่งเขาใช้ปลายลิ้นร้อนชื้นละเลงไปบนยอดถัน ระรัวลิ้นเร็วจนร่างสาวดิ้นไปมา กระส่ายกระสับคล้ายกับจะเป็นไข้ เปล่งเสียงครางออกมาไม่ขาดสาย บางครั้งเขาดูดกลืนเข้าไปในปากขยับดูดเข้าดุนออก ไล้เลียไปพราง ขบเบาๆ ไปด้วย ร่างของบัวบุษยาแทบจะละลายภายใต้เรือนร่างแสนกำยำ
“อา...คุณแอนโตนิโอ” เสียงครางหวานกระเส่าดังระบายออกมาไม่หยุดหย่อน มือนุ่มพยายามอย่างยิ่งที่จะยกขึ้นมาวางบนศีรษะของคนที่ดูดกลืนยอดถันไม่ห่าง ใช้แรงอันน้อยนิดดันศีรษะทุยให้ออกห่าง เพื่อที่จะให้ใบหน้าคมหลุดพ้นออกจากทรวงอก ทว่ามันดูไม่เป็นผลเท่าไหร่เนื่องจากเจ้าของศีรษะกลับฝังใบหน้าลงบนทรวงอกของเธอมากกว่าเดิม เรี่ยวแรงสาวก็ถดถอยลงจนติดลบ
“อือ...คุณแอนโตนิโอ” เป็นอีกครั้งที่เธอเอ่ยชื่อของเขาพร้อมกับเปล่งเสียงครางออกมาด้วย ชายหนุ่มละจากเต้าทรวงอวบอั๋น ลากปลายลิ้นและริมฝีปากขึ้นไปตามลำคอระหง วนริมฝีปากและปลายจมูกไปรอบๆ ลำคอของเธอ ก่อนจะเลื่อนมาขบเม้มที่ติ่งหูใช้ปลายลิ้นเลียที่ไปมาตามกกหู คราวนี้เองบัวบุษยาสั่นไปทั้งกายราวกับลูกนกที่เปียกน้ำ
“เรียกฉันว่านีโอ นีโอ” เสียงกระซิบดังแผ่วๆ เข้าในส่วนรับฟัง ชื่อที่เขาเอ่ยบอกกับเธอคือชื่อเรียกสั้นๆ สำหรับคนที่คุ้นเคยและสนิทสนมกันเท่านั้น บัวบุษยาเป็นหนึ่งในจำนวนหลายๆ คนที่เขาอยากให้เธอเรียกเขาด้วยชื่อนี้
“คุณนีโอ” หญิงสาวเรียกชื่อเขาตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มยิ้มเมื่อได้ยินชื่อสั้นๆ ที่หลุดออกมาจากปากงาม เขาจึงเลื่อนเรียวปากไปประกบกลีบปากอิ่มนุ่มหวาน มอบจูบที่หวานล้ำทำเอาใจสาวสั่นสะท้านเป็นรางวัลสำหรับคนหัวอ่อนอย่างเธอ
ภายในห้องกำลังร้อนรอบอ้าวด้วยเพลิงพิศวาส ร่างกายของแอนโตนิโอเดือดพล่านจนเขาอดทนต่อไปแทบไม่ได้ อยากจะประสานร่างกายให้เป็นหนึ่งกับร่างแน่งน้อยใต้ร่าง บุคคลภายนอกที่ร้อนแรงไม่แพ้แสงอาทิตย์กำลังเยื้องกรายมาหยุดที่หน้าประตูห้องหมายเลข 4210 หมายเลขห้องพักของว่าที่คู่หมั้นหนุ่ม หญิงสาวไม่คิดที่จะกดกริ่งสัญญาณตามมารยาท เลือกที่จะเปิดประตูห้องเข้าไปเพราะอยากจะเซอร์ไพร์สแอนโตนิโอว่าที่คู่หมั้นคู่หมาย ถ้าหากประตูห้องไม่ล็อก