บทที่ 5 เทรนเนอร์สาว 1.4
เสียงกริ่งหน้าประตูคอนโดดังขึ้นทำให้เจ้าของห้องที่นั่งจิบไวน์อยู่บนโซฟากระตุกยิ้ม ในที่สุดแม่สาวปากกล้าก็เดินทางมาให้เขาเชือดถึงที่แล้ว แอนโตนิโอพยักหน้าให้เซสโต้ไปเปิดประตู ลูกน้องเดินไปทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายทันที
“ดิฉันบัวบุษยาค่ะ มาจากทรี สปอร์ตคลับค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัวเมื่อบานประตูเปิดออก
“เชิญครับเจ้านายรออยู่ครับ” เซสโต้พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล บัวบุษยาเดินเข้าไปในห้องตามคำเชื้อเชิญ ในความคิดของเธอนั้นรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาชายหนุ่มต่างชาติคนนี้มากนัก เหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก หญิงสาวทำได้เพียงเก็บความสงสัยไว้ในใจเท่านั้น ก้าวเดินไปยังห้องรับแขกที่มีบุรุษคนหนึ่งนั่งจิบไวน์อยู่
“คุณ...” หญิงสาวชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน เมื่อเห็นร่างของใครบางคนที่เธอจดจำได้อย่างแม่นยำ เขาคนนี้คือคนที่เธอต่อว่าเมื่อวานนี้นี่หนา อย่าบอกนะว่าเขาคือคนที่จ้างเธอมาเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัว
“มาแล้วเหรอคอยตั้งนาน” แอนโตนิโอยิ้มที่มุมปาก ทำสีหน้าสะใจนิดๆ หลังจากเห็นสีหน้าที่ตื่นตระหนกของเธอ คงจะตกใจไม่น้อยที่เห็นเขานั่งอยู่ในห้องนี้ และมีเรื่องอีกมากที่หญิงสาวคนนี้ต้องตกใจ
“คุณคือคุณแอนโตนิโอคนที่จ้างดิฉันมาเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวเหรอคะ” บัวบุษยาถามออกไปเพื่อให้สิ่งที่ตัวเองสงสัยได้ข้อกระจ่างชัด
“ใช่ ฉันเองแหละ” เขาตอบด้วยท่าทีสบายๆ แต่คนที่ไม่สบายกลับเป็นหญิงสาวที่รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาที่เขามองมา มันดูมีเลศนัยแอบแฝง
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอปฏิเสธที่จะรับทำงานนี้”
“ทำไมล่ะ เงินที่ฉันจ้างมันน้อยไปหรือไง”
“ไม่ใช่ค่ะมันมากเกินไปด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าดิฉันจะให้เทรนเนอร์คนใหม่มาดูแลเรื่องการออกกำลังกายให้กับคุณก็แล้วกันนะคะ” บัวบุษยามีความรู้สึกว่าชายตรงหน้าเป็นคนอันตรายไม่สมควรเข้าใกล้ เขาเหมือนไฟร้อนแรงแผดเผายามที่เข้าใกล้ จิตใต้สำนึกบอกกับเธอว่าอย่าเข้าใกล้เขาเด็ดขาด
“เธอคงยังไม่รู้ว่าฉันทำสัญญากับทางสปอร์ตคลับเอาไว้แล้ว ถ้าเธอไม่มาเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้ฉัน รู้ไหมว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น หนึ่ง ทางสปอร์ตคลับต้องเสียเงินค่าผิดสัญญา สอง คนที่ชื่อราตรีต้องถูกไล่ออกเพราะเขาเป็นหัวหน้าของเธอโดยตรงก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ลูกน้องทำลงไป หรือว่าเธอกลัวที่จะมาเป็นเทรนเนอร์ให้ฉัน”
ประโยคปิดท้ายของเขามันทำให้เธอรู้สึกว่า เขานั่งอยู่กลางใจเธอ รู้ความคิดรู้ว่าบัวบุษยาหวาดกลัวที่จะอยู่ใกล้ชิดเขาจริงๆ
สีหน้าของบัวบุษยาฉายชัดถึงความตื่นตะลึงกับคำพูดที่ได้ยิน นี่เขากำลังขู่เธอและบังคับเธอไปในตัว หากไม่ทำตามที่เขาบอกผลกระทบไม่ได้ตกอยู่ที่เธอคนเดียวเท่านั้น สปอร์ตคลับหรือแม้แต่ราตรีก็จะเดือดร้อนด้วย คำพูดของเขาทำให้เธออยู่ในสภาวะจำยอมโดยปริยาย อีกทั้งจะแก้ข้อกล่าวหาที่เขาสบประมาทว่าเธอกลัวเขาด้วย
“ก็ได้ ดิฉันตกลงที่จะเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้กับคุณค่ะ” แอนโตนิโอกระตุกยิ้มอีกครั้งหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ไม่มีอะไรที่คนอย่างเขาอยากได้แล้วไม่ได้ รอยยิ้มของชายหนุ่มตรงหน้าที่หญิงสาวเห็นนั้นเป็นรอยยิ้มที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย มันดูคล้ายเยาะเย้ยถากถาง อัดแน่นไปด้วยชัยชนะ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ห้องออกกำลังกายอยู่ห้องโน้น” เขาชี้ไปที่ห้องทางด้านซ้ายมือ ดวงตาหวานปานน้ำผึ้งมองไปตามนิ้วมือของเขา ภายในห้องนั้นมีเครื่องออกกำลังกายหลายเครื่อง แต่ละเครื่องเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดทั้งนั้น
“อันดับแรกคุณต้องไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” ชุดที่แอนโตนิโอสวมใส่อยู่นี้เป็นชุดลำลองที่ดูเท่ห์เหลือร้าย เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์มันธรรมดามากๆ ในสายตาของเธอ หากแต่สร้างเสน่ห์ให้กับเขาอย่างเหลือล้น
“ใส่ชุดไหนล่ะ ฉันเลือกไม่เป็น เธอเข้าไปเลือกให้ฉันหน่อยสิ” เขาพูดอย่างมีแผนการ
“คุณก็เข้าไปเลือกเองสิคะ”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้ว่าจะใส่เสื้อตัวไหน กางเกงตัวไหนให้เหมาะสมกับการออกกำลังกาย เธอเป็นเทรนเนอร์ก็น่าจะรู้ว่าชุดไหนควรใส่ ชุดไหนไม่ควรใส่” หญิงสาวถอนหายใจอย่างยอมแพ้ในวาทศิลป์ที่เขาพูดออกมา หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าเขากำลังคิดหรือจะทำอะไร หากแต่หน้าที่ของเธอนั้นคือดูแลการออกกำลังกายให้กับเขา เพราะฉะนั้นหญิงสาวต้องทำให้ดีที่สุด ให้สมกับราคาของการว่าจ้าง
“ตกลงค่ะ ดิฉันจะไปเลือกชุดให้คุณเอง”
“ดี ห้องโน้นคือห้องนอนของฉันเข้าไปเลือกเสื้อผ้าให้ฉันได้เลย” บัวบุษยาเดินไปที่ห้องที่ชายหนุ่มชี้ โดยมีสายตาคมกริบมองตามไปตาไม่กระพริบ
เทรนเนอร์สาวเปิดประตูเสื้อผ้าเพื่อค้นหาเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับการออกกำลังกาย หญิงสาวมัวแต่ง่วนกับการหาชุดออกกำลังกายจากเสื้อผ้าที่แขวนและพับอยู่ในตู้เสื้อผ้าจึงไม่รู้ว่ามีเจ้าของห้องเจ้าเล่ห์ยืนทับซ้อนแผ่นหลังบางอยู่
“ว่าไงครับหาได้หรือยัง” เสียงที่ถามดังอยู่ชิดใบหูมันมาพร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบกับผิวหนังบริเวณนั้น ทำให้ร่างสาวแข็งทื่อราวกับหุ่นยนต์ ดวงตาเบิกกว้างเหมือนกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับความหวาดกลัว ความร้อนจากร่างกายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังกำลังห้อมล้อมร่างกายของเธอไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน ดวงใจดวงน้อยสั่นไม่เพียงแค่สั่นเท่านั้นมันยังเต้นแรงจนชายตัวโตได้ยิน
“ว่าไงครับหาได้หรือยัง” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจงใจจะให้ปลายจมูกสัมผัสกับใบหูนุ่มสะอาด สาวน้อยร่างเล็กที่ยืนใจสั่นสะดุ้งโหยงกับสัมผัสที่ทำให้ร่างสาวสะท้านเยือก
“หะ หาได้แล้วค่ะ นี่คะ” เธอพูดเสียงสั่นๆ คนที่ฟังอดที่จะอมยิ้มไม่ได้นี่แค่เริ่มต้นยังสั่นขนาดนี้ ไม่อยากจินตนาการขั้นตอนต่อไปเลยว่าจะสั่นขนาดไหน ไม่รู้ว่าสั่นสู้หรือสั่นกลัว เขานึกเยาะเธออยู่ในใจ
“ชุดไหนล่ะ”
“ชะ...ชุดนี้ค่ะ” หญิงสาวหมายถึงชุดที่เธอยืนถืออยู่ ชายหนุ่มเอื้อมมือทั้งสองข้างไปข้างหน้าเพื่อที่จะหยิบชุดที่เธอถืออยู่ ลักษณะที่เขายืน ท่วงท่าที่ของเขาจึงคล้ายกับว่าบัวบุษยากำลังถูกเขาโอบกอดทางด้านหลัง
“ดิฉันจะไปรอที่ห้องออกกำลังกายนะคะ” หญิงสาวมุดตัวออกจากอ้อมแขนของเขาทันที ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้รั้งกายสาวเอาไว้แต่อย่างใด เพราะมันยังไม่ถึงเวลา
บัวบุษยาเดินออกไปจากห้องนอนด้วยใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เธอรีบผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อมาหยุดยืนอยู่ในห้องออกกำลังกาย มือนุ่มเล็กทาบวางเหนือทรวงอกตรงจุดที่ก้อนเนื้อก้อนเล็กกำลังเต้น ตั้งแต่เกิดมาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกเจ็บตอนที่หัวใจกำลังเต้น เหตุเป็นเพราะมันเต้นแรงมากกว่าครั้งไหนๆ ถี่เร็วมากกว่าเวลาใดๆ ยามที่ใกล้ชิดอนันตชัยหัวใจของเธอไม่เป็นแบบนี้เลย แม้ว่ามันจะตื่นเต้นบ้างเวลาที่เขากอดและหอมแก้ม แต่ไม่รุนแรงแบบนี้ ไม่เหมือนกับตอนนี้เลย เพียงชิดใกล้ร่างของแอนโตนิโอรังสีความร้อนบางอย่างไหลวนเข้ามาในร่างกายสาว อานุภาพนั้นมีมากพอที่จะทำให้เธอมอดม้วยหลอมละลาย
“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะ ไม่ทราบว่าจะเริ่มตรงไหนก่อนดี” ชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหวเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงวอร์ม ใจสาวยิ่งสั่นเมื่อนำพาร่างบึกบึนเข้ามาใกล้เธอ เท้าบางๆ จึงเดินถอยหลังไปสองสามก้าวคล้ายกับว่าจะตั้งหลัก
“เอ่อ เริ่มจากเดินบนลู่วิ่งก่อนนะคะ” แอนโตนิโอทำตามอย่างที่หญิงสาวบอกอย่างว่าง่าย เทรนเนอร์สาวให้เขาทำอะไรเขาก็ทำ หากแต่สายตาคมกล้ากลับมองที่ดวงหน้าหวานและริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เอื้อนเอ่ยแนะนำวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมให้กับเขาตลอดเวลา ริมฝีปากสีชมพูอ่อนขยับเขยื้อนพูดอยู่นี้ช่างน่าจุมพิตเหลือเกิน มันดูมีมนต์ขลังแฝงด้วยเสน่ห์จนเขาอยากจะรัดร่างนิ่มไว้ในอ้อมแขน ระดมจูบเธอให้หายฟุ้งซ่าน บัวบุษยาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี เปลี่ยนจากลู่วิ่ง ไปที่เครื่องออกกำลังกายอย่างอื่น จนกระทั่งมาถึงเครื่องปั่นจักรยาน
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ จวนจะหมดเวลาแล้ว” หญิงสาวเอ่ยบอกเมื่อเบนสายตาไปมองนาฬิกาข้อมือ อีกห้านาทีก็จะหมดเวลาทำงานของเธอแล้ว คิดแล้วหญิงสาวรู้สึกโล่งอกโล่งใจยิ่งนัก ใกล้เวลาที่เธอจะเดินออกไปจากห้องนี้เสียที
“ใครบอกว่าหมดเวลา ฉันจ้างเธอมาเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัววันละสามชั่วโมงนะ ไม่ใช่แค่ชั่วโมงเดียว เพราะฉะนั้นยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน” แอนโตนิโอพูดขณะที่เขากำลังปั่นจักรยาน สีหน้าดูเรียบเฉยแต่ทว่ามีรอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก
“ฮะ...อะไรนะวันละสามชั่วโมง” เทรนเนอร์สาวอุทานออกมาด้วยความตกใจ วันละสามชั่วโมงโอ้ย...อยากจะบ้าตาย แค่ชั่วโมงเดียวเธอยังควบคุมหัวใจของตัวเองให้เต้นเป็นจังหวะปกติไม่ได้ นี่สามชั่วโมงหัวใจดวงนี้ไม่กระเด็นออกมาหรือ
“ใช่ สามชั่วโมง” เขาย้ำให้เธอแน่ใจ
“ทำไมคุณไม่บอกดิฉันตั้งแต่ตอนแรกล่ะคะว่าวันละสามชั่วโมง”
“บอกตอนนี้ก็ไม่เห็นแปลกนี่ เพราะถึงยังไงเธอก็ต้องเป็นเทรนเนอร์ให้ฉันอยู่ดี” พูดอีกถูกอีกไม่ว่าจะบอกตอนไหนหญิงสาวก็ต้องเป็นเทรนเนอร์ให้เขาอยู่ดี แต่ถ้าบอกก่อนบัวบุษยาจะได้ทำใจเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างเขานานถึงสามชั่วโมง