บทที่ 4 เทรนเนอร์สาว 1.3
“มาแล้ว มาแล้วขอบคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์” ราตรียกมือไหว้เหนือศีรษะขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลายเมื่อเห็นบัวบุษยาเดินเข้ามาในสปอร์ตคลับ อันที่จริงวันนี้ไม่ใช่วันทำงานของสาวน้อยแสนดีคนนี้เลย เพียงแต่ว่ามันมีเรื่องด่วนมากๆ มากถึงขนาดที่เธอต้องโทรศัพท์ไปตามให้มาที่นี่เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ นั่งแท็กซี่มาเลยก็ได้แล้วเธอจะเป็นคนออกค่ารถให้เอง
เรื่องด่วนที่ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อตอนสายของวันนี้ ชายหนุ่มนามว่าเซสโต้เดินทางมาที่นี่ พร้อมกับแนะนำตัวว่าเป็นลูกน้องของแอนโตนิโอ โรมาซ เพื่อนสนิทของเหมันต์หุ้นส่วนรายใหญ่ของทรี สปอร์ตคลับ ราตรีจึงต้อนรับขับสู้อย่างดีเพราะแอนโตนิโอคือลูกค้าโกลด์คลาสของที่นี่
“มีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ”
“คือว่าคุณแอนโตนิโอเจ้านายของผมต้องการเทรนเนอร์ส่วนตัวสักคนนึงครับ จะให้ไปดูแลแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายที่คอนโด เจ้านายให้ชั่วโมงละห้าพันครับ ไม่ทราบว่าคุณสามารถจัดหาให้ได้หรือเปล่าครับ” เซสโต้บอกจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ราตรีตาโตเท่ากับไข่ห่านเมื่อได้ยินตัวเลขที่อีกฝ่ายเสนอมา ราคาต่อชั่วโมงที่ชายหนุ่มตรงหน้าเสนอมานั้นมากกว่าราคาที่สปอร์ตคลับกำหนดหลายเท่า มีหรือที่ราตรีจะจัดหาให้ตามที่ร้องขอไม่ได้
“ยินดีค่ะ ยินดีมากเลยค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการวันไหนคะ”
“วันนี้ครับ เจ้านายของผมอยากให้เริ่มงานวันนี้เลยครับ”
“วันนี้” ราตรีทวนเสียงสูง สีหน้าตกใจ “วันนี้เลยเหรอคะ แน่ใจนะคะ”
“ใช่ครับวันนี้ ไม่สะดวกเหรอครับ”
“แหม...สะดวกค่ะ สะดวกแน่นอนค่ะ ดิฉันจะจัดหาคนให้วันนี้เลยนะคะ” ราตรีรับคำโดยทันทีเพราะไม่อยากเสียลูกค้าวีไอพีคนนี้ไป อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทของหุ้นส่วนรายใหญ่ของที่นี่อีก หากเธอทำตามความต้องการของอีกฝ่ายไม่ได้ มีหวังได้กระเด็นออกไปจากทรี สปอร์ตคลับชัวร์
“มีอีกเรื่องนะครับ เจ้านายของผมเจาะจงเทรนเนอร์คนนึงมาโดยเฉพาะครับ”
“ใครคะ”
“เทรนเนอร์ที่ชื่อบัวบุษยาครับ” ก่อนที่เขาจะเดินทางมาที่นี่ได้ตรวจสอบประวัติของพนักงานทุกคนในสปอร์ตคลับ จนได้ชื่อจริงนามสกุลจริงของหญิงสาวฝีปากกล้าคนนั้น การหาข้อมูลของบัวบุษยาในครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากเหมันต์ที่ใช้อำนาจผู้ถือหุ้นใหม่ขอข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานทุกคน เพื่อศึกษาและทำความรู้จัก ไม่ถึงสิบห้านาทีรายชื่อและภาพถ่ายของพนักงานในทรี สปอร์ตคลับทั้งสามสาขาก็เข้ามาอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหมันต์ ก่อนที่ข้อมูลทั้งหมดจะถ่ายทอดมาอยู่ในคอมพิวเตอร์ของแอนโตนิโอ
“เอ่อ คือว่าวันนี้เป็นวันหยุดของบัวค่ะ วันนี้เห็นทีจะไม่สะดวกขอเป็นพรุ่งนี้ได้หรือเปล่าคะ” สีหน้าของราตรีเต็มไปด้วยความลำบากใจ อยากให้จะให้ทันใจลูกค้าก็อยากจะทำ แต่ติดอยู่ที่ว่าวันนี้เป็นวันหยุดของบัวบุษยา เธอจึงทำตามที่อีกฝ่ายต้องการไม่ได้
“พรุ่งนี้ก็ได้ครับไม่มีปัญหา แต่...” รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของราตรีหลังจากที่ได้ยินประโยคแรก พอมาถึงประโยคท้ายที่เขาหยุดค้างทำให้รอยยิ้มของราตรีนั้นหุบลงทันที
“แต่อะไรคะ”
“แต่คุณต้องโดนไล่ออกครับ เพราะเป็นผู้จัดการแผนกที่ไม่มีประสิทธิภาพมากเพียงพอ ไม่สามารถทำตามอย่างที่ลูกค้าต้องการได้ ชัดหรือเปล่าครับ” เซสโต้พูดนิ่มๆ คนที่ฟังอยู่ร้อนก้นทันที เกิดอาการหวงเก้าอี้หวงตำแหน่งที่ตัวเองเป็นอยู่ กว่าราตรีจะมาถึงจุดนี้ได้เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ทั้งแรงกายและแรงใจหญิงสาวไม่มีวันยอมเสียเก้าอี้ตัวนี้ไปเด็ดขาด
“ได้ค่ะไม่มีปัญหา บัวบุษยาจะไปที่คอนโดของคุณแอนโตนิโอไม่เกินบ่ายสามโมงค่ะ” ราตรีพูดเสียงหนักแน่น เรื่องแค่นี้เธอจัดการได้อยู่แล้ว
“งั้นก็ดีครับ ไม่เกินบ่ายสามโมงตามที่คุณพูด ถ้าเกินเวลาที่กำหนดคุณคงรู้นะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขาข่มขู่ทิ้งท้าย
“ค่ะ ดิฉันทราบดีค่ะ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เซสโต้หมุนตัวเดินออกไปจากทรี สปอร์ตคลับทันทีที่การสนทนาเสร็จสิ้น ทิ้งความลำบากใจและความกังวลให้ราตรีไว้เต็มๆ หญิงสาวเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลยโทรศัพท์ของบัวบุษยาทันที
“มีอะไรค่ะพี่หน่องเรียกบัวมาทำไมคะ” บัวบุษยาเอ่ยถามราตรีด้วยความสงสัย ตั้งแต่เธอทำงานที่นี่มาสี่ปี ราตรีไม่เคยเรียกตัวเธอมาในวันหยุดเลยสักครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก อีกทั้งน้ำเสียงของผู้จัดการแผนกยังร้อนรนอีกด้วย
“มีเรื่องด่วนนะสิ เรื่องมันเป็นอย่างนี้คุณแอนโตนิโอลูกค้าโกลด์คลาสน่ะ เขาอยากได้เทรนเนอร์ส่วนตัว เขาเจาะจงเป็นบัวนะ ลูกค้าคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับคุณเหมันต์ที่เพิ่งซื้อหุ้นที่นี่ไป เขาให้เงินดีนะชั่วโมงล่ะห้าพันบาท” ราตรีบอกเรื่องด่วนที่ทำให้เธอนั่งแทบไม่ติดกับเทรนเนอร์สาวได้รับฟัง คนที่ฟังอยู่อดที่จะตกใจกับจำนวนเงินที่ลูกค้าโกลด์คลาสเสนอให้ไม่ได้ ทำไมมันถึงมากมายขนาดนี้ ชั่วโมงล่ะห้าพันบาทมันมากกว่าอัตรารายชั่วโมงที่สปอร์ตคลับแห่งนี้ตั้งราคาเอาไว้เสียอีก
“จริงเหรอคะพี่หน่องชั่วโมงล่ะห้าพันจริงๆ เหรอคะ” บัวบุษยาถามย้ำ
“จริงสิพี่จะโกหกบัวทำไม ว่าแต่บัวจะตกลงไปทำหรือเปล่า”
“ทำสิพี่ ได้ตั้งชั่วโมงละห้าพันบัวทำอยู่แล้วพี่หน่อง” บัวบุษยาไม่มีทางปฏิเสธรายได้ดีขนาดนี้อยู่แล้ว หากเธอรับงานพิเศษงานนี้จะมีรายได้เพิ่มอย่างมากมาย คิดคร่าวๆ ทำวันละหนึ่งชั่วโมงหากทำสิบวันก็จะได้ห้าหมื่น ยี่สิบวันหนึ่งแสน สามสิบวันหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท แค่คิดถึงจำนวนเงินที่ได้รับเธอก็ยิ้มอย่างมีความสุข โดยไม่ตะขิดตะขวงใจเลยว่าเหตุใดจึงเจาะจงเป็นเธอ อีกทั้งยังให้เงินค่าจ้างต่อชั่วโมงมากขนาดนี้ เพราะมัวแต่ดีใจที่ตัวเองจะมีเงินไปใช้หนี้สินที่มีอยู่มากมายและสามารถนำมาดำรงชีวิตให้ดีขึ้น มารดาของเธอจะได้สบายเสียที
“ถ้าทำก็รีบไปที่นี่เลยนะต้องไปให้ทันก่อนบ่ายสามโมงนะเพราะพี่บอกเขาว่า บัวจะไปไม่เกินเวลานี้” ราตรียื่นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งที่เขียนชื่อของคอนโดพร้อมกับหมายเลขห้องให้กับบัวบุษยา
“ได้เลยค่ะพี่หน่อง บัวไปทันเวลาอยู่แล้วค่ะ แต่ขอบัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” หญิงสาวรับกระดาษโน้ตมาอ่านข้อความดู ก่อนะจมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลา เหลือเวลาอีกสามชั่วโมงกว่าจะถึงกำหนดเวลานัดหมาย ยังมีเวลาเหลือมากพอที่เธอจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงาน เนื่องจากชุดที่หญิงสาวใส่มานั้นเป็นชุดธรรมดาคงไม่เหมาะที่จะทำหน้าที่เทรนเนอร์
“จ้ะ นั่งแท็กซี่ไปเลยนะ นี่เงิน” ราตรีพูดก่อนจะยัดเงินใส่มือของบัวบุษยา
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่หน่อง คอนโดที่เขาเขียนเอาไว้อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นั่งรถเมล์ไปก็ได้ค่ะ”
“เอาไปเถอะ ไปครั้งแรกไปก่อนหน้านัดหมายก็ดีนะ รีบไปเถอะเชื่อพี่” สาเหตุหลักที่ราตรีอยากให้บัวบุษยาไปถึงที่คอนโดนั้นก่อนเวลานัดหมาย เนื่องจากกลัวว่าตำแหน่งที่ตัวเองนั่งอยู่จะหลุดลอยไป เสียเงินค่าแท็กซี่สองร้อยบาทก็ถือว่าคุ้ม
“ค่ะพี่หน่อง บัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะจะได้รีบไป” บัวบุษยาเดินเลี่ยงไปยังห้องล็อกเกอร์ของพนักงาน เพื่อผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดเทรนเนอร์ ชุดประจำที่เธอสวมใส่ทุกครั้งขณะปฏิบัติหน้าที่