บทที่ 3 เทรนเนอร์สาว 1.2
“ไม่เป็นไรหรอกแม่ ช่างมันเถอะอย่าโทษตัวเองเลย เจ็บแค่นี้บัวชินแล้ว แม่ไปนั่งบนเก้าอี้ก่อนนะ บัวจะไปทำกับข้าวให้กิน” บัวบุษยาประคองมารดาไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในครัวมองหาของสดที่อยู่ในตู้เย็น หากแต่ภายในตู้เย็นกลับว่างเปล่ามีเพียงน้ำดื่มที่แช่เย็นเอาไว้สามขวดกับไข่ไก่สี่ใบ
หญิงสาวหลั่งน้ำตาออกมาทันทีเมื่อนึกถึงสภาพของบ้านที่อัตคัดเหลือเกิน เงินที่ติดตัวอยู่ก็มีเพียงสามร้อยบาทเท่านั้น กว่าจะถึงสิ้นเดือนก็เหลืออีกตั้งหลายวันเงินแค่นี้คงไม่พอใช้แน่นอน พรุ่งนี้เห็นทีเธอต้องไปหยิบยืมเจ้าหนี้รายเดิมอีกแล้ว บัวบุษยาพาร่างเล็กของตัวเองไปที่ห้องครัว ลงมือหุงข้าวพร้อมกับทำอาหารเย็นให้ตัวเองกับมารดารับประทาน อาหารเย็นมื้อนี้มีเพียงไข่เจียว ปลากระป๋องและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผัดเท่านั้น
การรับประทานอาหารของสองแม่ลูกดำเนินไปได้เพียงห้านาทีเท่านั้น บุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาในบ้านอย่างคุ้นเคยในมือถือถุงกับข้าวติดมือมาสามถุง
“สวัสดีครับคุณป้า” อนันตชัยพนมมือไหว้นวลจันทร์อย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนรัก
“สวัสดีค่ะคุณชัย” นวลจันทร์ทักทายตอบตามมารยาท
“ผมซื้อต้มยำทะเล ปูผัดผงกะหรี่แล้วก็มีข้าวขาหมูมาฝากครับ” ผู้มาเยือนยื่นถุงอาหารใบใหญ่ส่งให้บัวบุษยาที่ทำสีหน้าลังเลที่จะรับ อาหารที่ชายหนุ่มซื้อมาให้นั้นแตกต่างกับอาหารที่เธอกับมารดากำลังทานอยู่มากนัก รวมทั้งฐานะของอนันตชัยกับเธอก็ต่างกันมากด้วย
“รับไปเถอะพี่ซื้อมาฝากคุณป้ากับบัว พี่ไปเอาจานไปให้นะพี่กะว่าจะทานข้าวด้วย หิวอยู่พอดีเลย”
ชายหนุ่มรู้ว่าคนรักมีความลำบากใจที่จะรับอาหารที่เขาซื้อมาให้ หนึ่งคือเกรงใจ สองคือกลัวคนจะนินทาว่าร้ายเอาว่าที่เธอคบหาดูใจกับเขานั้นเป็นเพราะเงินและฐานะที่เหนือกว่าเธอทุกอย่าง ทว่าสำหรับอนันตชัยไม่เคยคิดอย่างที่ใครๆ คิดเลย เขาคบกับบัวบุษยาเป็นแฟนเพราะรักและชื่นชมในความกตัญญูของเธอนั่นเอง ชายหนุ่มลุกเดินไปที่ห้องครัวก่อนจะหยิบชามและจานมาร่วมวงรับประทานอาหารด้วย
“บัว พี่จะไปอเมริกาสามอาทิตย์นะ” อนันตชัยเอ่ยบอกหญิงสาวขณะที่เขาและเธอช่วยกันเก็บจานชามไปล้าง เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ไปทำไมค่ะพี่ชัย” บัวบุษยาเอ่ยถามคนรักไปด้วย ล้างจานไปด้วย
“พอดีโรงงานของพี่กำลังจะสั่งเครื่องจักรตัวใหม่มา มันเป็นตัวใหม่ล่าสุดระบบการทำงานของมันละเอียดและมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องจักรตัวอื่นๆ ที่พี่เคยสั่งมาก็เลยต้องไปศึกษาและทำความเข้าใจกับเครื่องจักรตัวนี้นานหน่อย เวลาใช้งานมันจริงๆ จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง”
โรงงานผลิตปลากระป๋องยี่ห้อดังคือกิจการของครอบครัวของชายหนุ่ม ทำรายได้ให้กับเขามากมายนักในแต่ละปี นี่เองคือข้อแตกต่างที่ทำให้บัวบุษยาไม่เป็นที่พึงพอใจจากฝ่ายเครือญาติของคนรัก มักจะถูกกีดกันในเดือนแรกที่ทั้งสองตกลงใจคบหากัน นับจากวันนั้นถึงวันนี้สองเดือนพอดี
“พี่ชัยไปอยู่ที่โน่นดูแลตัวเองด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าวันที่พี่ชัยไปต่างประเทศบัวจะมีโอกาสไปส่งที่สนามบินหรือเปล่า” หญิงสาวรู้ดีว่าถ้าไปส่งเขาจะต้องเจอกับเครือญาติของอนันตชัยแน่นอน แล้วทีนี้คำกระแหนะกระแหน เสียดสีต่างๆ นานาก็จะลอยเข้ามากระทบกับส่วนรับฟัง ความด้อยเนื้อต่ำใจก็จะตามมาท้ายสุดคือน้ำตาที่ไหลรินเป็นกระบวนการสุดท้าย หากเลี่ยงได้เธอก็จะเลี่ยงการเผชิญหน้ากับญาติของเขา
“ช่างมันเถอะจะไปส่งได้หรือว่าไม่ได้ก็ช่างมัน เอาเป็นว่าก่อนวันเดินทางพี่มาหาบัวที่บ้านก็แล้วกันนะ แล้วพี่จะพาบัวกับคุณป้าไปหาของอร่อยๆ ทานกันเป็นการเลี้ยงส่ง เอาอย่างนี้ดีกว่า” อนันตชัยรู้ความหมายที่หญิงสาวพูดออกมาดีว่ามันหมายถึงอะไร ไม่ใช้ไม่มีโอกาสที่จะไปส่งแต่เลี่ยงที่จะไปเจอหน้าใครๆ มากกว่า
“ก็ได้ค่ะ บัวตามใจพี่ชัย” หญิงสาวรับคำเสียงใส
“บัว...ที่หน้าน่ะโดนลุงสักทำร้ายอีกแล้วใช่ไหม” มือบางที่กำลังล้างจานชะงักลง เมื่อได้ยินคำถามตรงๆ จากเขา อนันตชัยสังเกตเห็นตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นดวงหน้างามแล้ว แต่เขาไม่อยากจะเอ่ยถามต่อหน้านวลจันทร์มากกว่า
“ช่างเถอะคะพี่ชัย บัวชินแล้ว” บัวบุษยาตอบเสียงสั่น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มถามคำถามนี้ มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่หญิงสาวเองก็ไม่อาจนับได้ แล้วประโยคต่อมาที่เขาจะพูดนี้คือคำพูดทุกครั้งที่ได้รับคำตอบจากเธอ
“พี่จะหาคอนโดให้ป้านวลกับบัวอยู่ดีไหม จะได้ไม่ต้องทนอยู่ที่นี่” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจถูกเปล่งออกมาทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ คำตอบของหญิงสาวก็เช่นกันมันยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ไม่ค่ะ บัวจะอยู่ที่นี่กับแม่ แม่เองก็ไม่อยากไปจากที่นี่เหมือนกัน ขอบคุณพี่ชัยมากนะคะที่เมตตาบัวกับแม่” หญิงสาวหันมาพนมมือไหว้ชายหนุ่มเชื้อสายจีนด้วยความรักและซาบซึ้งใจในความมีน้ำใจในครั้งนี้ หากแต่เธอกับมารดารับความปรารถนาดีนี้ไม่ได้จริงๆ ถ้าทำตามคำพูดเขาบอก เธอจะกลายเป็นคนเห็นแก่เงิน เห็นแก่ความสุขสบายที่เขาหยิบยื่นให้ตามที่ทุกคนครหา อีกข้อบ้านหลังนี้คือความทรงจำเดียวที่จะระลึกถึงสุรินทร์บิดาของบัวบุษยาและเป็นสามีของนวลจันทร์ นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทั้งสองต้องทนอยู่ที่ขุมนรกขุมนี้
“ถ้าบัวเปลี่ยนใจเมื่อไหร่บอกพี่นะ พี่จะช่วย” เขารั้งร่างบางมากอดเอาไว้แนบอก จูบที่เรือนผมนุ่มของเธอด้วยความรักสุดหัวใจ อ้อมแขนเล็กๆ กอดตอบร่างสูงโปร่งเช่นกัน
“ขอบคุณมากค่ะพี่ชัย” หญิงสาวกล่าวขอบคุณ ก่อนจะดันตัวออกห่างอย่างสุภาพ หันไปสนใจกับจานชามที่กำลังล้างต่อโดยมีชายคนรักเป็นผู้ช่วยจนกระทั่งทุกอย่างแล้วเสร็จ อนันตชัยอยู่สนทนากับหญิงคนรักและนวลจันทร์ต่ออีกประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงขอตัวกลับบ้าน บัวบุษยาทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีเดินไปส่งคนรักที่หน้าบ้าน
“พี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้พี่อาจจะแวะมาหาบัวไม่ได้แล้วพี่จะโทรหานะ” อนันตชัยเอ่ยบอกคนรักขณะที่กำลังจะก้าวเข้าไปในรถคันหรู
“ค่ะพี่ชัย” หญิงสาวรับคำพร้อมกับโบกมือให้คนรัก ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปจากหน้าบ้าน เธอมองท้ายรถยนต์ที่ค่อยๆ ห่างสายตาของตัวเองไปอย่างครุ่นคิด ฐานะของเธอนั้นต่างกับเขามากเหลือเกิน มากพอที่จะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่ เป็นช่องว่างที่ดูเหมือนมันจะไม่ถูกเติมเต็มด้วย บิดามารดาและเครือญาติทุกคนของอนันตชัยรังเกียจคนจนอย่างเธอ รังเกียจความรักที่บริสุทธิ์ไม่มีอะไรแอบแฝงของเธอ ไม่ได้คบหากับเขาเพราะเงินหรือความสะดวกสบายอย่างที่คนอื่นเข้าใจ บัวบุษยารักอนันตชัยเพราะเขาเป็นเขา เป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลาย ไม่คิดที่จะรังเกียจคนฐานะที่ด้อยกว่า ไม่รังเกียจที่มีพ่อเลี้ยงขี้เมา
เสียงลมหายใจถูกระบายออกมาอย่างกลัดกลุ้มเมื่อนึกถึงหนทางรักที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและขวากหนามของตัวเอง ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากได้แต่งงานกับเขาจริงๆ ชีวิตสมรสของเธอจะเป็นเช่นไร มีความสุขมากน้อยแค่ไหน มีเพียงสิ่งเดียวที่หญิงสาวนึกภาพออกตั้งแต่ตอนนี้คือสายตาดูหมิ่น เหยียดหยามซึ่งเธออาจจะได้รับมันไปตลอดชีวิตการสมรสความอดทนที่มีอยู่ในตัวเองคงต้องนำออกมาใช้อย่างไร้ขีดจำกัดแน่นอน