บทที่1 (3)
10.00 น.
ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านสุขใจ ภควัฒน์สวมเสื้อยืดคอกลมกางเกงสีเดียวกับเสื้อ มองดูบิดามารดาสัมภาษณ์ผู้หญิงที่จะมาสมัครเป็นคนดูแลเขาคนแล้วคนเล่าด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึก มีเพียงแววตาที่อยู่หลังแว่นตาสีดำเท่านั้นที่ฉายแววขบขันออกมาโดยที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้
“มีคนที่ลูกชอบบ้างไหม” คุณมารตีเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ หลังจากที่หญิงสาวร่างงามลุกเดินจากไป
ภควัฒน์ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ ผู้หญิงที่เข้ามาสมัครเป็น พี่เลี้ยงเขามีแต่คนสวยแต่งหน้าแต่งตาจัดเต็ม และพอรู้ว่าคนที่จะต้องมาดูแลคือเขา ทุกคนต่างแสดงอาการอยากรู้อยากเห็น และยิ่งไปกว่านั้นสายตาของแต่ละนางส่อแววว่าอยากได้เขาไปทำอย่างอื่นมากกว่าจะอยากเป็นพี่เลี้ยง
“คนต่อไปจะเป็นคนสุดท้ายแล้ว” คุณมารตีเอ่ยก่อนจะปรบมือสามครั้ง ประตูห้องก็ถูกเคาะแล้วค่อยๆ เปิดเข้ามาร่างที่โผล่พ้นประตูห้องเข้ามาเป็นหญิงสาวร่างระหง ผิวขาวตาโตจมูกโด่งสวยรับกับใบหน้างามรูปไข่ เมื่อเข้ามาถึงหญิงสาวพนมมือไหว้คุณคำรณกับ คุณมารตีรวมทั้งชายหนุ่มที่นั่งอยู่อย่างมีมารยาท
“สวัสดีค่ะ” ปานพรยกมือไหว้แล้วฉีกยิ้มกว้าง
“สวัสดีจ้ะหนู” คุณคำรณทักตอบ “นี่คุณมารตีเมียของฉัน แล้วนั่นภควัฒน์ลูกชายคนเดียวของพวกเรา คนที่เธอต้องมาเป็นพี่เลี้ยงดูแล”
“ค่ะ” หญิงสาวยังคงยิ้มสู้ “ดิฉันปานพรค่ะ”
“เห็นแล้วใช่ไหมว่าฉันตาบอด” ชายหนุ่มในที่นั้นเอ่ยถามขึ้นมาท่ามกลางความงงงันของชายหญิงสูงวัย “เธอเป็นคนที่ไหน”
คำถามของชายหนุ่มเป็นคำถามที่เหมือนง่าย แต่คนตอบกลับรู้สึกถึงความหมายที่กินลึกเข้าไปถึงแก่นแท้ ผู้ชายคนนี้ตาบอดก็เพียงแค่ดวงตา แต่สมองและสติปัญญาของเขาไม่ได้บอดตาม
“ดิฉันเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิดค่ะ”
ภควัฒน์จ้องมองหญิงสาวภายใต้แว่นตากันแดดสีดำ ผู้หญิง คนนี้ไม่ได้สวยเลิศเลออะไร แต่เธอกลับมีเสน่ห์ให้เพศตรงข้ามได้มองอย่างไม่รู้เบื่อ และระหว่างที่เธอหันไปมองมารดา เขาก็ถือโอกาสสำรวจลักษณะท่าทางของเธอไป ภายในใจของเขาก็ได้บอกกับตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาเฝ้าตามหา
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมขอเลือกเธอคนนี้เป็นพี่เลี้ยงครับ”
“หือ” คุณมารตีหันไปมองบุตรชายด้วยสายตาสนเท่ห์ “ไม่เก็บเอาไปคิดสักคืนก่อนเหรอ” หญิงสูงวัยมองว่าผู้หญิงตรงหน้าก็ธรรมดาไม่น่าจะเป็นคนที่ภควัฒน์เลือก
“แน่ใจหรือ” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“ผมแน่ใจแล้วครับคุณพ่อ ผมขอเลือกเธอคนนี้” เขาตอบผู้ให้กำเนิดทั้งสองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะหันไปทางหญิงสาว “เธอจะสะดวกไหมถ้าฉันจะให้มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน”
“ให้มาอยู่ที่นี่เลยหรือคะ” ปานพรรู้สึกแปลกใจจนเผลอย่นหัวคิ้ว “ดิฉันนึกว่าจะไปเช้าเย็นกลับ”
“ทำไม หรือว่าเธอมีใครรออยู่ที่บ้านอย่างนั้นเหรอ” น้ำเสียงของชายหนุ่มออกแววผิดหวัง
“ค่ะ ดิฉันมียายที่รออยู่ที่บ้านและตอนนี้ก็กำลังไม่สบายค่ะ”
ชายหนุ่มแอบผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ กับคำตอบที่ได้รับ “ถ้าอย่างนั้นเธอก็เอายายมาอยู่ที่นี่ด้วย เดี๋ยวฉันจะให้เด็กโทรตามหมอมารักษา”
เป็นอีกครั้งที่ผู้เป็นบิดามารดาของชายหนุ่มต้องอ้าปากค้าง
“เอ่อ จะดีหรือคะ คือดิฉันไม่อยากรบกวน”
“ทำตามที่ลูกชายของฉันบอกเถอะ เดี๋ยวฉันจะให้รถที่บ้านไปส่งเธอเก็บของแล้วจะได้พายายมาพักที่นี่ด้วยเลย ฉันจะให้เด็กจัดห้องไว้รอ” คุณมารตีพูด
ปานพรยกมือไหว้ผู้สูงวัยทั้งคู่ “ขอบพระคุณค่ะ”
หญิงสาวแอบหยิกต้นขาของตัวเองหลายครั้งขณะที่เดินออกมาขึ้นรถว่าไม่ได้ฝันไป เธอไม่คิดว่าจะได้งานทำอย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำยังได้ที่อยู่ที่กินอีก เป็นบุญวาสนาของเธอกับยายแล้วจริงๆ
และพอคล้อยหลังของปานพรไป คุณมารตีก็หันไปหาลูกชายที่นั่งอมยิ้มอยู่ไม่ห่าง “คิดดีแล้วเหรอ”
ชายหนุ่มหันมามองมารดายิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ดูหล่อและมีเสน่ห์ ยิ่งเขาถอดแว่นตาดำออกเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลออกดำวาววับ “ผมแน่ใจแล้วครับ และคิดว่าตัดสินใจไม่ผิด”
“แต่คนอื่นๆ แม่ก็มองว่าสวยกว่าปานพร”
“ครับ ในสายตาของคุณแม่อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับสายตาของผม ผมมองว่าในบรรดาผู้หญิงครึ่งร้อยที่มาสมัคร มีเพียงปานพรคนเดียวที่ผมคิดว่าพอใช้ได้”
“แต่ผู้หญิงคนนี้ทั้งจนทั้งไม่สวย” คุณมารตีหาเรื่องมาแย้ง “แม่ว่าในอนาคตจะทำให้ลูกลำบาก”
“คนจนคนรวย สวยหรือไม่สวยวัดความดีไม่ได้หรอกครับคุณแม่ และในเมื่อผมเลือกคนนี้ก็คือคนนี้” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน “ขอตัวก่อนนะครับ”
ร่างสูงสง่าผละจากไปโดยไม่มีวี่แววของคนพิการทางสายตาเลยสักนิด คนเป็นแม่มองตามไปด้วยความขัดใจ
“คุณดูลูกของคุณสิ”
“ผมก็กำลังดูอยู่ และผมก็ออกจะเห็นด้วยกับลูกในเรื่องการเลือกผู้หญิง เด็กปานพรดูดีและเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นคนดูแลภควัฒน์” ชายสูงวัยลุกขึ้นบิดตัวไล่ความเมื่อยขบที่ต้องนั่งสัมภาษณ์คนมาสมัครนาน ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามลูกชายออกไปทิ้งให้ภรรยามองตามด้วยความไม่พอใจ