5
กัญญามองดูสามี ที่กำลังช่วยนางล้างจานอย่างปลาบปลื้มใจ สองสามวันมานี้นางรู้สึกราวกับได้สามีคนเก่าของนางคืนมา ไตรภพอยู่ติดบ้าน ไม่ได้ไปที่บ่อนเหมือนเคย หลังจากขับแท็กซี่เสร็จแล้ว เขาก็รีบกลับเข้าบ้าน และมาช่วยงานนางที่ร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งนางเปิดร้านขายอยู่หน้าบ้าน กัญญามีรสมือดี และขายราคาไม่แพงนัก จึงมีลูกค้าขาประจำมากมาย
“แล้วนี่ น้ำผึ้งมันหางานทำได้หรือยังนะ”
ไตรภพเอ่ยลอยๆ ถึงหลานสาวคนเดียว กัญญาส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วก็รีบพูดเหมือนจะแก้ต่างให้กับหลานสาว
“วันนี้ไปสัมภาษณ์งานน่ะจ้ะ คงใกล้จะได้งานแล้วล่ะพี่”
“แบบนั้นก็ดี”
ไตรภพว่า สีหน้าของเขาดูเป็นกังวลไม่น้อย และดูเหม่อลอยนัก ราวกับว่ามีเรื่องอะไรในใจ กัญญาเองไม่ได้สนใจและสังเกตสามี เพราะลูกค้าเริ่มเข้าร้านทำให้นางต้องเร่งทำงานอย่างขมีขมัน
ตกบ่าย สายน้ำผึ้งก็กลับมาถึงบ้าน ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มแจ่มใส เปล่งประกายไปด้วยความสุข เมื่อมาถึงเธอก็ตรงเข้ากอดกัญญาอย่างประจบ
“ป้าจ๋า”
“อ้าวๆ อะไรกันนี่น้ำผึ้ง เลอะเทอะหมดแล้วลูก”
กัญญาเอ่ยห้าม เพราะนางกำลังล้างจานอยู่ สายน้ำผึ้งยิ้มจนตาหยีส่งให้กับนาง
“น้ำผึ้งมีข่าวดี น้ำผึ้งได้งานทำแล้วจ้ะป้า ที่โรงงานใกล้ๆ นี่เอง”
“จริงๆ น่ะเหรอ”
กัญญาทำตาโต ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข นางกอดหลานสาวแน่นเลยทันที
“ดีใจด้วยนะลูก เอ...มีข่าวดีแบบนี้คงจะต้องฉลองกันหน่อย ป้ามีความสุขจัง ที่หมู่นี้บ้านเรามีแต่เรื่องดีๆ ลุงเราก็เลิกไปบ่อนแล้วนะน้ำผึ้ง เที่ยงนี้ก็มาแวะช่วยป้าทำงานเพิ่งจะไปออกรถเมื่อกี้นี้ ป้าดีใจจริงๆ เลย”
นางน้ำตาคลอออกมาเลยทันที เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ สายน้ำผึ้งเองฟังแล้วก็ยินดีนัก ที่ในที่สุดลุงของเธอก็คิดได้เสียที
“น้ำผึ้งจะตั้งใจทำงานนะจ๊ะ อีกหน่อยป้าก็ไม่ต้องทำงานแล้ว น้ำผึ้งจะเลี้ยงป้ากับลุงเอง”
“เงินเดือนจะสักเท่าไหร่กันเชียวเราน่ะ”
กัญญาเอื้อมมือโคลงศีรษะหลานสาวอย่างเอ็นดู สายน้ำผึ้งหัวเราะกิ๊ก ก่อนจะย่นจมูก แล้วบ่นพึมพำเบาๆ
“แหม...ถึงตอนนี้เงินเดือนน้ำผึ้งจะยังน้อย แต่น้ำผึ้งสัญญาจ้ะ ว่าจะต้องมีสักวัน ที่น้ำผึ้งจะทำให้ป้ากับลุงมีความสุขแล้วก็เลิกเหนื่อยเสียที”
“ขอบใจมากลูก”
กัญญายิ้มอย่างปลาบปลื้มใจ สายน้ำผึ้งเป็นเด็กสาวที่กตัญญูนัก และไม่เคยทำให้นางผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่ถ้าน้องชายของนางยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะภูมิใจในตัวของลูกสาวคนนี้มากเช่นกัน
“มาช่วยป้าปิดร้านกันเถอะ เดี๋ยวไปจ่ายตลาดกัน เย็นนี้ต้องฉลองกันสักหน่อย”
“จ้ะ”
สายน้ำผึ้งลงมือช่วยกัญญาเก็บกวาดร้านเล็กๆ นั้นอย่างขันแข็ง สองป้าหลานมีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข อนาคตที่สดใสกว่าวันนี้กำลังกวักมือรอพวกเขาอยู่
ถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้ายๆ ใดๆ มาแผ้วพานเข้าเสียก่อน...
..........................................................................................................................................................
กับข้าวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เริ่มเย็นชืดลงเมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ความรื่นเริงที่อบอวลอยู่ในบ้านเมื่อตอนหัวค่ำ กำลังเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความกังวลใจ เมื่อหัวหน้าครอบครัวที่รับปากว่าจะมาร่วมฉลองมื้อค่ำด้วยยังไม่กลับมา ผิดเวลาไปหลายชั่วโมงแล้ว
“ป่านนี้แล้ว ลุงเราไปไหนกันนะน้ำผึ้ง หรือว่าจะไปเข้าบ่อนนั่นอีก ดีได้ไม่กี่วันจริงๆ”
กัญญาบ่นอุบ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อนึกถึงสามีซึ่งนางหลงคิดว่าเขาจะกลับตัว สายน้ำผึ้งมองผู้เป็นป้าอย่างสงสาร ก่อนจะตัดสินใจตักข้าวในหม้อใส่จาน แล้ววางให้ตรงหน้าของนาง
“เรากินข้าวกันก่อนดีกว่าจ้ะป้า ลุงน่าจะติดลูกค้ามากกว่า คงจะไม่ไปเข้าบ่อนแล้ว น้ำผึ้งเห็นว่าลุงกลับบ้านเร็วมาตั้งหลายวันแล้ว ถ้าจะไปที่นั่น คงไม่บอกให้พวกเรารอกินข้าวเย็นหรอกจ้ะ”
“ป้าก็ภาวนาให้เป็นแบบนั้น”
นางพ่นลมหายใจออกจากปากอย่างเหนื่อยหัวใจ กับพฤติกรรมของสามี มองกับข้าวน่ากินบนโต๊ะที่เย็นชืดลงด้วยสายตาหมดอาลัย ไม่อยากกินอะไรขึ้นมาเสียดื้อๆ ทั้งที่เมื่อตอนไปจ่ายตลาด นางยังเป็นตัวตั้งตัวตี หาเลือกซื้อของสดมาทำอาหารโปรดให้ทั้งสายน้ำผึ้งและสามี
“ป้ากัญลองกินปูผัดผงกระหรี่ดูสิจ๊ะ ฝีมือของน้ำผึ้งจะสู้ป้าได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
สายน้ำผึ้งตักกับข้าวให้กับกัญญาอย่างเอาใจ กัญญาพยายามฝืนยิ้มให้กับหลานสาว และทำทีว่านางร่าเริงขึ้นเมื่อรับประทานอาหารมื้อนี้กันเพียงลำพังสองคน เพราะเกรงว่าหลานสาวจะเป็นห่วงความรู้สึกของนาง
จนเมื่ออิ่มอาหาร ที่แม้จะรสชาติอร่อย แต่ทั้งสองคนก็กินกันแบบกร่อยๆ ไม่ค่อยรับรู้รสชาติกันสักเท่าไหร่นัก กัญญาแบ่งอาหารส่วนหนึ่งไว้ให้สามี หวังว่าวันนี้เขาคงจะกลับมา แต่หวังนั้นก็คงจะเลือนรางนัก ป่านนี้แล้ว เดาไม่อยากหรอกว่าเขาไปอยู่ที่ไหน ซึ่งคงจะไม่ใช่เพราะไปทำงานอยู่แน่ๆ
สองป้าหลานนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันเงียบๆ แม้จะเป็นละครเรื่องโปรด แต่วันนี้กัญญาก็ไม่ได้สนุกกับมันนัก ส่วนสายน้ำผึ้งก็นั่งรีดผ้าอยู่ข้างๆ นาง เพื่อเตรียมชุดไปทำงานในวันพรุ่งนี้ วันทำงานวันแรกของเธอ สายน้ำผึ้งตั้งใจว่าจะทำมันให้ดีที่สุด
เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังระรัวขึ้น ราวกับจะพังบ้าน ทำให้สองป้าหลานสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนที่สายน้ำผึ้งจะอาสาไปเปิด คงจะเป็นไตรภพนั่นแหละไม่ใช่ใครอื่น หญิงสาวคิดในใจ แต่แล้วเมื่อเปิดประตูออกมา เธอก็ต้องตกใจจนหน้าซีด เมื่อเห็นบุรุษฉกรรจ์หลายคนยืนอยู่ตรงนั้น คนหน้าสุดใบหน้าคมคาย หากแต่แฝงแววเย็นชาและเหี้ยมโหดไว้ เขาสูงมากจนเธอต้องเงยมอง สายน้ำผึ้งถึงกับปากสั่น เมื่อสบตากับอีกฝ่าย นัยน์ตาของเขามันดูเย็นชา นิ่งสงบ และทรงอำนาจนัก
“ไตรภพอยู่ไหม?”
“ลุงยังไม่กลับค่ะ”
สายน้ำผึ้งพยายามที่จะไม่ให้ร้องไห้ เพราะความกลัวอีกฝ่าย เธอกัดริมฝีปากแน่น ขณะที่กัญญาลุกขึ้นยืนและออกมาสมทบกับหลานสาว เมื่อเห็นว่าเริ่มไม่ชอบมาพากล
“จะเบี้ยวล่ะมั้ง”
ปิเอโรยักไหล่ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ซึ่งมีสายน้ำผึ้งขวางไว้ หากแต่ชายหนุ่มก็เดินเบียดเธอจนเซ กัญญาตรงไปขวางหน้าชายหนุ่มนิรนาม ที่มาบุกรุกบ้านของนางยามวิกาล พลางขู่ฟ่อ
“นี่คุณ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
“อืม...ดูไม่มีจะมีของมีค่าสักเท่าไหร่ ที่จะพอแลกกับหนี้ของหมอนั่นได้เลย”
สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ บ้านหลังกลางเก่ากลางใหม่ ที่มีเครื่องเรือนเพียงไม่กี่ชิ้น ปิเอโรปรายตามองกัญญาด้วยสายตานิ่งๆ พลางเอ่ยเสียงทุ้ม
“อยากจะแจ้งตำรวจ ก็ลองแจ้งไปสิ บอกด้วยนะว่าคนของดอนฟรานเซสโก้ มาทวงหนี้”
“...”
กัญญาถึงกับอ้าปากค้าง หน้าซีดไปเลยเพราะความตกใจ สายน้ำผึ้งรีบมาเกาะแขนของผู้เป็นป้าไว้ เธอมองจ้องอีกฝ่ายเขม็งด้วยสายตาแข็งกร้าว แม้ว่าจะตัวเล็กว่าเขาหลายเท่า แต่ถ้าอีกฝ่ายแตะต้องหรือคิดจะทำร้ายกัญญาล่ะก็ เธอจะสู้ยิบตาเลยทีเดียว
“ฉันแจ้งแน่นอน ถ้าคุณยังไม่ออกไปจากบ้านฉัน”
“น้ำผึ้ง อย่าลูก”