2
มือเรียวหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา แล้วซับเหงื่อที่ไหลซึมออกมาตามหน้าตา อากาศวันนี้ร้อนนัก ยิ่งยามบ่ายแบบนี้ยิ่งแดดแรงจ้า สายน้ำผึ้งมองซ้ายขวาเพื่อจะหาที่นั่งพักเหนื่อย วันนี้เธอเดินหางานมาเกือบตลอดทั้งวันแล้ว และได้รับเพียงคำตอบรับว่าจะตอบกลับไป มันทำให้ความหวังของเธอริบหรี่นักที่จะได้งาน เด็กสาวเพิ่งเรียนจบและไม่มีประสบการณ์ในการทำงานอย่างเธอ จึงไม่ค่อยจะมีคนอยากรับทำงานสักเท่าไหร่นัก
หญิงสาวเดินก้าวไปที่สวนสาธารณะเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณนั้น เธอทรุดลงนั่งบนเก้าอี้เหล็กดัดสีเขียวเข้ม ใต้ต้นหางนกยูงที่กำลังออกดอกสะพรั่งเป็นสีแดงสดใส ท้องฟ้าวันนี้ปลอดโปร่งไม่มีเมฆครึ้มเหมือนเมื่อวาน ฤดูนี้เป็นฤดูฝน ฝนตกเกือบทุกวัน ทำให้การหางานทำของเธอมีอุปสรรคมากยิ่งขึ้นไปอีก
นี่เธอเตะฝุ่นมากี่เดือนแล้วนะ สายน้ำผึ้งยิ้มอย่างระโหย พร้อมกับยกมือลูบหน้าอย่างเหนื่อยล้า การที่ต้องแข่งขันและต่อสู้กับคนอื่นๆ เพื่อแย่งตำแหน่งงาน มันทำให้เธอเหนื่อยนัก สายน้ำผึ้งไม่ใช่คนเรียนเก่งนัก เพราะบางทีเธอก็ต้องใช้เวลาไปทำงานหาเงินมาเพื่อช่วยเหลือครอบครัว เธอจึงมีผลการเรียนปานกลาง จบมาจากวิทยาลัยพาณิชภาคค่ำ มันยิ่งทำให้ภาษีของเธอมีน้อยกว่าคนอื่น และหางานยากกว่าคนที่เรียนจบมาจากที่ดีๆ และมีผลการเรียนดีเยี่ยม
เธอมองเหม่อไปยังท้องฟ้าเบื้องบน วันนี้ท้องฟ้าสดใสนัก ไม่เหมือนกับตัวเธอเลย ที่นับวันจะยิ่งมืดมน ยิ่งได้ฟังลุงกับป้าซึ่งเธอรักเหมือนบิดามารดาแท้ๆ สนทนากันเมื่อคืน ก็ยิ่งทำให้สายน้ำผึ้งรู้สึกมืดหม่นมากยิ่งขึ้น เธอหวังว่าไตรภพคงจะไม่ทำอย่างที่ตนเองพูดไว้จริงๆ เธอจึงต้องรีบหางานทำให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ สายน้ำผึ้งคิดว่าอย่างน้อยๆ เงินจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ จะทำให้เขาพอใจได้บ้าง และคงจะไม่บังคับให้เธอทำในสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดในความคิดของสายน้ำผึ้ง ให้ไปทำงานกับแพรไหม เธอคงทนไม่ได้แน่ๆ
คิดแล้วเธอก็กัดริมฝีปาก พลางล้วงเอาหนังสือหางานซึ่งอยู่ในกระเป๋าใบใหญ่ของตนเองขึ้นมา มองหา ว่ามีที่ไหนอีกที่เธอยังไม่ได้ไปสมัครงาน สายน้ำผึ้งเรียนจบด้วยวุฒิอนุปริญญา สายการบัญชี เธอตั้งใจจะหางานบริษัททำก่อน ถ้าจนแต้มจริงๆ อาจจะข้ามไปจังหวัดระยอง ซึ่งมีนิคมอุตสาหกรรมมากมาย เธอคงจะไม่ตกงาน แต่ที่ยังคงหางานทำที่นี่ เพราะเป็นห่วงกัญญา เธอคงจะปล่อยผู้มีพระคุณของเธอให้ลำบากตามลำพังไม่ได้แน่ๆ
งานโรงแรมก็น่าสนใจ สายน้ำผึ้งวงปากกาไว้ตรงประกาศรับสมัครงานที่อ่านเจอ จะทำตำแหน่งไหนเธอก็ยอม พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยว มีโรงแรมมากมายนัก อาจจะต้องไปแย่งงานกับคนจบสายตรง เสียเปรียบเขาบ้าง แต่เธอก็อยากจะลองทำดู
ลมเย็นๆ พัดมาทำให้รู้สึกสบายขึ้นบ้าง และนั่งพักจนค่อยคลายความเหนื่อยแล้ว หญิงสาวจึงยกกระจกบานเล็กที่พกมาในกระเป๋าขึ้นมาสำรวจดูตนเอง เธอตั้งใจจะไปสมัครงานอีกสักแห่งก่อนจะกลับไปช่วยกัญญาที่ร้านขายอาหารเล็กๆ ของนาง
ภาพสะท้อนของหญิงสาวหน้าเรียว นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตส่งประกายเจิดจรัสงดงามราวกับตากวาง คิ้วโก่งเรียวได้รูป จมูกโด่งปลายรั้นเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มสีเรื่อ สะท้อนมองตอบกลับเธอมา สีหน้านั้นดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย ทำให้เธอยิ้มให้กับตนเองผ่านเงาสะท้อนนั้น ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน ราวกับจะให้กำลังใจตนเอง
“สู้ๆ นะน้ำผึ้ง ยังไงเราก็ต้องหางานทำให้ได้ ไม่ตรงตามวุฒิก็ต้องลองไปสมัครดู ป้ากัญเหนื่อยมามากแล้ว”
“อุ๊ย! หนูน้ำผึ้งหรือเปล่าจ๊ะนี่”
เสียงแหลมๆ เอ่ยทักทายขึ้นทางเบื้องหลัง ทำให้สายน้ำผึ้งสะดุ้งเพราะกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง เธอหันขวับไปมองเจ้าของเสียง ที่กำลังนั่งข้างเธออย่างถือวิสาสะ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงโชยฟุ้งมาจากร่างอวบอิ่มนั่น นัยน์ตาคมวาวเหมือนนางแมว มองมายังใบหน้างดงามจิ้มลิ้มของสายน้ำผึ้งอย่างหมายมาด
“สวัสดีค่ะคุณแพร”
สายน้ำผึ้งจำต้องยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ พร้อมกับฝืนยิ้มให้ หญิงสาววัยสี่สิบปลาย หากแต่ยังคงรักษาความงามไว้อย่างเหนียวแน่น ใบหน้าเรียวนั้นแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางไว้อย่างประณีต ค่อนข้างจัด เพื่อกลบเกลื่อนริ้วรอยแห่งวัย เธอสวมชุดเดรสสีแดงกุหลาบ เน้นรูปร่างอันงดงามด้วยความภูมิใจในตนเอง เธอปรายตามองหญิงสาวข้างๆ ตัว ด้วยสายตาวิเคราะห์ในใจ
สายน้ำผึ้ง หลานสาวของนายไตรภพนี่สวยมาก หน้าตาหวานน่ารักราวกับตุ๊กตา ปากคอคิ้วคางรับกันเหมาะเจาะไปหมด ยิ่งนัยน์ตาหวานใสสีน้ำตาลเข้ม เหมือนกับตานางกวางนั่น ยิ่งดึงดูดให้มองแล้วไม่อาจจะถอนสายตาได้ง่ายดายนัก หน้าตาแบบนี้ อายุเท่านี้ คงจะทำให้เธอได้เงินอีกโขเลยทีเดียว ถ้าเจ้าหล่อนยอมมาทำงานด้วย
“ไหว้พระเถอะจ้ะหนู มาทำอะไรแถวนี้ล่ะเนี่ย?”
“น้ำผึ้งมาสมัครงานน่ะค่ะ”
สายน้ำผึ้งตอบยิ้มๆ ใจอยากจะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีสตรีคนข้าง ให้เร็วที่สุด คำพูดของไตรภพเมื่อคืนแว่วเข้ามาในห้วงความทรงจำ เนื่องจากเธอรู้ดีว่า แพรไหมทำธุรกิจอะไร ดังนั้นเธอจึงกลัวนัก ว่าผู้เป็นลุงจะตัดสินใจ ฝากเธอให้ทำงานกับแพรไหม
“แหม...สวยๆ อย่างน้ำผึ้ง จะมาเดินหางานทำไมให้เหนื่อยล่ะจ๊ะ สนใจอยากไปทำงานกับฉันไหมล่ะ”
แพรไหมเริ่มเทียบเคียง ทาบทามทันที สายน้ำผึ้งรีบสั่นหน้า ก่อนจะตอบเสียงสุภาพ
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำผึ้งอยากจะทำงานตามสายที่เรียนมาน่ะค่ะ”
“ตอนนี้ปฏิเสธ แต่ถ้าต่อไปอยากจะทำ ฉันก็ยังยินดีต้อนรับเสมอนะ นี่นามบัตรจ้ะ”
แพรไหมล้วงเอานามบัตรออกมาจากกระเป๋าของเธอ พร้อมกับยัดเยียดมันให้สายน้ำผึ้ง ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีแดงสดยิ้มเยือน เมื่อเอ่ยประโยคต่อไป
“บางทีคนเราก็มีทางเลือกไม่มากนักหรอกนะหนู แต่ฉันก็เห็นว่าหนูจะสบายและจะเจริญก้าวหน้า ทำให้ลุงกับป้าสบายได้ ถึงได้มาเสนอ จะยังไงฉันก็อยากจะได้ยินหนูโทรศัพท์ไปหาฉันนะจ๊ะ”
ร่างอิ่มลุกขึ้นไปจากเก้าอี้ช้าๆ พลางย่างกรายด้วยท่วงท่าของนางพญา เดินจากสายน้ำผึ้งที่ได้แต่ก้มลงมองนามบัตรของแพรไหม ด้วยสายตานิ่งสงบ เมื่อคล้อยหลังอีกฝ่าย สายน้ำผึ้งก็ขยำนามบัตรนั้นจนเป็นก้อนกลม แล้วโยนทิ้งลงข้างตัวอย่างไม่ไยดี
แม้จะอับจนหนทางอย่างไร คนอย่างสายน้ำผึ้ง ก็ไม่มีวันจะขายตัว!