ตอนที่ 4
ดิวนั่งเหม่อลอยอยู่ภายในบ้านระหว่างทางกลับบ้านป๊าเอาแต่ถามถึงเหตุผลที่เขาปฏิเสธ แน่นอนว่าเรื่องในวันวานคงมีแต่เขาที่รู้ ย้อนกลับไปในวันที่เขาไปรับจ๊อบเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านคาราโอเกะพีชและเพื่อน ๆ ได้เข้ามาดื่มอยู่ภายในโซน vip
“เฮ้ย! เป็นเด็กเสิร์ฟประสาอะไรวะ!!” พีชปัดกับแกล้มที่เขาเพิ่งจะยกมาวางจนแตกกระจายลงกับพื้น
“มีอะไรพีช”
“มึงแหกตาดูสิ กูแพ้ถั่วแม่งเสิร์ฟถั่วลิสงมาให้กู”
พีชชี้ถั่วที่ตกเรี่ยราดบนพื้นพร้อมกับโวยวายเสียงดังลั่น เหมือนว่าเขาจะดื่มหนักไปเสียด้วย ใบหน้าแดงก่ำนั้นมองดิวอย่างเอาเรื่อง
“แต่คุณลูกค้าไม่ได้แจ้งในเมนูนะครับ”
“มึงโทษว่าเป็นความผิดกูเหรอ ไอ้เบียร์มึงได้บอกเขาหรือเปล่าว่ากูแพ้ถั่ว”
“อะ…เออ บอกเว้ย!”
“ได้ยินชัดเจนแล้วหรือยัง?” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงมองเด็กเสิร์ฟอย่างเหยียดหยัน
“ได้ยินแล้วครับ ผมจะไปสอบถามที่ครัว…”
“ถามอะไร! ต้องเปลี่ยนมาให้ใหม่ทั้งหมด! ยำวุ้นเส้นก็ไม่ต้องใส่ถั่ว”
“สักครู่ครับ” ดิวไม่ได้เถียงอะไรไปอีกเขาก้มลงเก็บจานและถั่วที่พื้นแทน คนแบบนี้พูดด้วยก็ไม่เข้าหูหาเรื่องให้ปวดหัวเสียเปล่า ๆ
เขาชะงักไปสักพักเมื่อเม็ดถั่วที่กำลังจะเก็บนั้นถูกรองเท้าแบรนด์เนมบดขยี้ลงกับพื้นจนละเอียด ก่อนทุกคนจะหัวเราะชอบใจที่เห็นดิวยังกอบโกยเก็บขึ้นมาอีก
“ฮ่า ฮ่าฮ่า!”
“ฮ่า! ไปแกล้งเด็กมันทำไมวะ”
“เออ มึงนี่ดูท่าจะไม่มีอะไรทำว่ะ” เพื่อนพูดกันอย่างขำขันก่อนจะเลิกสนใจเขาและพีช
“ฮ่าฮ่าฮ่า เดี๋ยว! จะไปไหนยังไม่ได้ขอโทษกันเลยนะ” พีชเดินไปขวางหน้าเขาเอาไว้พร้อมกับทวงอย่างผู้ชนะ เขาไม่ได้เอ่ยอะไร ด้วยความโกรธจึงมองชายหนุ่มตาแข็งกร้าวมือกำถาดอาหารไว้แน่น!
พีชหัวเราะเยาะก่อนจะคลี่ยิ้มร้าย มือหนากอดอกอย่างผู้มีอำนาจเหนือกว่า เพื่อน ๆ ทุกคนไม่ได้สนใจว่าเขากำลังจะแกล้งอะไรเด็กเสิร์ฟชวนกันร้องเพลงตามใจชอบ ดิวกัดฟันแน่นมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงยิ้มยั่วโมโหเขาอยู่
“หึ… ไปเรียกผู้จัดการมาดิ ทำไมถึงปล่อยเด็กเสิร์ฟไม่ได้เรื่องมาทำนิสัยก้าวร้าวแบบนี้กับลูกค้า”
“ขอโทษ…ครับ คุณลูกค้า อย่าให้เรื่องต้องถึงผู้จัดการเลยครับ” เขาพูดผ่านไรฟันซึ่งพีชก็ดูออกว่าเขาไม่ได้เต็มใจ
“งั้นเหรอ ถือว่าทำบุญให้คนยากไร้ก็แล้วกัน” คำพูดของพีชยังคงทิ่มแทงใจเขาอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ชายหนุ่มกำกำปั้นแน่นเมื่อคิดถึงอดีตที่เลวร้ายในวันนั้น เขาจะต้องจ่ายค่าอาหารใหม่ให้กับพวกนั้น ในบิลไม่ได้แจ้งรายละเอียดอะไรไว้เลยด้วยซ้ำไป
ดิวเป็นคนขยันและสู้ชีวิตมากตั้งแต่วันที่แม่ได้จากไป วันนั้นแม่เกิดอุบัติเหตุถูกรถชนจนเสียชีวิตแต่ข่าวกลับถูกปิดเงียบ ครอบครัวของเขาได้รับเงินชดเชยเพียงแค่สามหมื่นบาทเท่านั้น ตอนนั้นเขาพยายามที่จะฟ้องต่อศาลแต่สมคิดขอให้ดิวจบเพียงเท่านี้เพราะไม่อยากให้มีปัญหากันไปมากกว่านั้น
สมคิดเสียใจมากและตัดสินใจบวชให้เธอ ระหว่างนั้นดิวใช้ชีวิตอยู่ทีืบ้านตามลำพัง เขารู้สึกเคว้งคว้าง เหงามากราวกับว่ามีบางอย่างขาดหายไป กว่าจะผ่านคืนวันโหดร้ายนั้นได้ดิวก็ร้องไห้อยู่ในความมืดทุกวันจนแทบจะขาดใจ ทั้ง ๆ ที่แม่เป็นเสาหลักของครอบครัวแท้ ๆ ทำไมต้องมาสังเวยชีวิตให้กับคนเมาคนหนึ่งด้วย
โลกนี้มันใจร้ายกับเขามากจริง ๆ หลังจากนั้นมาดิวก็เริ่มหางานทำและอยู่คนเดียวได้เก่งขณะรอพ่อกลับมา
“ถ้าป๊ารู้ว่าพีชเป็นคนยังไง ป๊าจะไม่พูดกับผมแบบนี้หรอก”
คืนนั้นในร้านคาราโอเกะ
“มึงให้คนขับรถมารับเหอะว่ะ เมาหัวทิ่มขนาดนี้” ชายหนุ่มเอ่ยเตือนพีชที่จะขึ้นรถตัวเองท่าเดียว
“เฮ้ยยย~ กลับได้” พีชตอบอู้อี้
ใบหน้าแดงก่ำด้วยพิษแอลกอฮอล์ก่อนจะพยายามปิดประตูรถหรู ทว่าเพื่อนที่เมาพอกันก็พยายามห้ามไว้
“กูวว~ ไม..ไม่ให้มึงกลับ!”
“เออแม่ง! อันตรายเชี่ย ๆ เลย”
“พวกมึงไม่ต้องห่วง มาดิมา! กูไปส่ง” พีชยังคงชวนเพื่อนอีกสองคนขึ้นรถด้วย
“ไม่ไปเว้ย พวกกูจะนั่งแท็กซี่กลับ”
“เออ มาเหอะน่า จะโชว์เทพให้ดูเอง”
เพื่อนส่ายหน้ากันพัลวันยังไงก็ไม่ยอมขึ้นและไม่ให้เขาขับรถเด็ดขาดก่อนที่พีชจะขมวดคิ้วด้วยความจริงจัง มองเพื่อนตาขวาง
“กูเริ่มง่วงละพวกมึงจะไปไม่ไป”
“….”
“ถ้าแม่งไม่ไปก็ปล่อย กูจะกลับบ้านแล้วหรือพวกมึงจะไปต่อ?” พีชชี้หน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่องทำให้ทั้งสองเลิ่กลั่กและปล่อยมือออกจากรถ
บรื๋นนนนน!
“เชี่ยพีช! / ไอ้พีชชช!”
เพื่อนทั้งสองตะโกนไล่หลังรถหรูที่เพิ่งเหยียบคันเร่งสวนออกไปทันที ดิวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่หลังเลิกงานถึงกับหน้าเสียรีบหลบรถคันหรูที่ขับยังไม่ตรงออกจากโรงรถ เขากลับบ้านทั้งที่ยังไม่ลืมเรื่องของพีชกลัวว่าจะขับรถไปชนใครเขาเข้าจนถึงขนาดนอนไม่หลับทั้งคืน ได้แต่เอามือทาบอกปลอบใจตัวเอง
เช้าวันนั้นดิวรีบค้นหาข่าวเกี่ยวกับลูกชายคุณชัชวาล ทั้งหนังสือพิมพ์ โลกออนไลน์ ตามแฟนเพจ แต่ก็ไม่พบข่าวอะไรเลยสักอย่าง ชายหนุ่มลำได้เพียงลอบถอนหายใจและภาวนาว่าขอให้คืนนั้น ไม่มีใครเป็นเหยื่อ…ของคนเมา
