บท
ตั้งค่า

13 ลูกล่อลูกชน

เริ่มต้นการทำงานร่วมกันในสัปดาห์ที่สอง เอลินอร์เริ่มเรียนรู้ได้มากขึ้น เธอศึกษาเอกสารที่ปฐพีเตรียมไว้ได้เกินครึ่ง บ่ายนี้เขาเลยบรีฟรายละเอียดเครื่องบริษัทกำลังวางแผนผลิตในเดือนหน้าให้เธอฟังอีกครั้งหลังจากที่ส่งรายละเอียดทุกอย่างให้เธอทางเมลตั้งแต่บ่ายวันเสาร์

“นายดิน ฉันออกแบบหลายชิ้นได้ไหม”

“แล้วแต่คุณหนูเลยครับ”

“ฉันอยากให้ทุกอย่างมันเข้าชุดกัน เน้นชิ้นเล็กๆ เวลาใส่จะได้น่ารักๆ จะดูไม่เวอร์ด้วยนายคิดว่าไง”

“ครับ เอาแบบที่คุณหนูคิดว่าเหมาะสมเพราะครั้งนี้เราจะเน้นไปที่ผู้หญิงวัยเริ่มต้นทำงาน ราคาแต่ละชิ้นก็ไม่แพงมากคุณหนูอย่าลืมใส่รายละเอียดด้วยนะครับว่าชิ้นไหนใช้เพชรแท้หรือเพชรสังเคราะห์ด้วยนะครับ”

“ฉันอยากใช้เพชรแท้ทุกชิ้น แต่ราคามันก็จะสูงเกินไปหรือจะใช้ทั้งสองแบบแต่ต่างราคากัน นายคิดว่าไง” เอลินอร์ถามคนที่มีประสบการณ์มากกว่า

“เราทำแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ผมว่าคนซื้อคงคิดหนักเพราะถ้าเขาซื้อราคาหนึ่งแต่อีกคนซื้อราคาหนึ่งทั้งๆ ที่แบบมันเหมือนกันเขาคงรู้สึกไม่ดี ถึงแม้จะต่างกับที่เพชรแต่คนมองเขาไม่รู้หรอกนะครับว่าใครใส่เพชรแท้ ใครใส่เพชรสังเคราะห์”

“ฉันเข้าใจแล้ว ครั้งนี้ฉันจะใช้เพชรเทียมทั้งหมด จะเน้นไปที่การใส่ได้ทุกโอกาส แบบเก๋ๆ” เมื่อนึกถึงงานออกแบบที่ตัวเองชอบเอลินอร์ก็ยิ้มอย่างมีความสุข

“ถ้าคุณหนูไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามผมได้ตลอด”

“แล้วถ้าฉันไม่เข้าใจหลังเลิกงานล่ะถามได้ไหม”

“ก็แล้วแต่ว่าคุณหนูจะตีความหมายของคำว่าตลอดยังไง”

“แล้วอย่าโวยวายเวลาที่ฉันโทรไปกวนก็แล้วกัน”

“ใครจะกล้าโวยวายใส่คุณหนูล่ะครับ”

“ให้มันแน่เถอะ” เอลินอร์พูดอย่างเอาแต่ใจ

หญิงสาวตั้งใจจะออกแบบเครื่องประดับออกมาให้ดีที่สุด แต่เพราะเพิ่งเกิดเรื่องร้ายกับตนเองไปเมื่อสองวันก่อนสมองของเธอก็เลยตื้อจนคิดอะไรไม่ออก

“ผมว่าถ้าคิดไม่ออกก็อย่าเพิ่งคิดเลยครับ” เพราะสังเกตว่าเอลินอร์นั่งหน้ามุ่ยหน้าจอ macbook มานานเป็นชั่วโมงแล้ว

“ฉันกลัวงานเสร็จไม่ทันนี่”

“งานศิลปะแบบนี้มันต้องใช้เวลา ถ้าเราไปเร่งมากงานก็จะออกมาไม่ดี ผมว่าถ้าคุณหนูยังคิดอะไรไม่ออกก็อ่านงานตรงหน้าฆ่าเวลาไปก่อน”

“นายจะหลอกให้ฉันอ่านเอกสารพวกนั้นให้หมดล่ะสิ ฉันรู้ทันหรอกน่า”

“ผมจะหลอกคุณทำไม ผมก็แค่เสนอข้อคิดเห็นเองนะ”

“มันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ”

“คุณอยากออกไปหาแรงบันดาลใจไหมล่ะ”

“ดีเหมือนกันนะ ไปกันเลยไหม”

“ใจเย็นครับคุณหนู ผมไม่ได้หมายถึงตอนนี้”

“แล้วมันตอนไหนล่ะ”

“ก็หยุดยาวสามวันไงครับ คุณหนูออกไปเที่ยวไปหาแรงบันดาลใจได้สบายเลย”

“ใช้สิ ขอบใจนะที่บอก ว่าแต่ฉันจะไปเที่ยวไหนดีล่ะ แล้วจะไปกับใครละ ฉันเพิ่งกลับมาไม่ถึงเดือนเลย”

“อยากไปภูเก็ตไหมล่ะ”

“นายจะพาฉันไปเหรอ”

“ผมต้องไปเป็นตัวแทนคุณลุงในงานประชุมผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ เลยอยากจะชวนคุณไปด้วย

“ไม่ล่ะ งานประชุมน่าเบื่อจะตาย”

“แต่ประชุมแค่วันเดียวนี่ครับ คุณจะได้แลกเปลี่ยนความคิดและได้เห็นวิสัยทัศน์ของบริษัทอื่นๆ ด้วย เวลาที่เหลือเราก็เที่ยวกัน”

“เที่ยวอย่างเดียวไม่ได้เหรอนายดิน” เอลินอร์ต่อรองเพราะเธอไม่อยากเข้าประชุมที่เขาพูดเลย

“อีกหน่อยงานพวกนี้คุณหนูก็ต้องไปเองนะครับ ครั้งนี้ผมจะไปแนะนำให้คุณหนูรู้จักกับคนอื่นๆ ไว้ เพราะทำธุรกิจเหมือนกันบางอย่างก็ต้องพึ่งพากันบ้าง”

“ก็คู่แข่งกันทั้งนั้นจะปั้นหน้าเข้าหากันทำไม”

“เขาเป็นคู่แข่งก็จริงแต่ถ้าเราไม่รู้จักคู่แข่งแล้วเราจะวางแผนรับมือยังไงล่ะ หรือที่ไม่อยากไปเพราะกลัวว่าจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าคุณหนูเรียนจบมาจริงๆ หรือเปล่า”

“นายกล้าว่าฉันเหรอนายดิน”

“ผมก็แค่สงสัยเองนะครับ คุณหนูจะร้อนตัวไปทำไมกัน”

“ฉันรู้นายกำลังบังคับฉันทางอ้อม เอาล่ะฉันยอมไปกับนายก็ได้แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”

“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร”

“นายต้องลงไปซื้อกาแฟร้านข้างล่างตึกให้ฉันทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือน”

“ไม่ตกลงครับ”

“งั้นครึ่งเดือน”

“ไม่ครับ”

“อาทิตย์เดียวก็ได้”

“เต็มที่แค่สามวันครับถ้าไม่ตกลงคุณหนูก็ไปบอกพ่อกับแม่ของคุณหนูเองว่าเพราะอะไรถึงไม่ไปกับผม”

“นายเอาพ่อกับแม่มาขู่ตลอด”

“ไม่ได้ขู่ครับ เรื่องนี้พ่อของคุณหนูบอกให้ผมพาคุณหนูไปด้วย แต่ถ้าคุณหนูไม่อยากไปก็บอกท่านไปตรงๆ ว่าไม่อยากไป ท่านก็คงไม่ว่าอะไรหรอกก็แค่ผิดหวังนิดหน่อยที่ลูกสาวไม่ให้ความสำคัญกับบริษัทเท่าไหร่”

“ผู้ชายอะไรประชดเก่งชะมัด เอาล่ะ ฉันไปก็ได้ขอข้อแม้เพิ่มอีกอย่างได้ไหม”

“อะไรอีกละครับ ทำไมข้อแม้ถึงเยอะจัง”

“เย็นนี้นายต้องไปซื้อของเป็นเพื่อนฉัน”

“ไม่ครับผมไม่ถนัดซื้อของเลย”

“นั่นไง นายก็ไม่ให้ความสำคัญกับบริษัท”

“มันเกี่ยวกันตรงไหน”

“ก็ฉันจะไปซื้อชุดเตรียมเข้าร่วมประชุมไง หรือนายจะให้ฉันใส่ชุดแบบนี้เข้าประชุมล่ะ” เอลินอร์ลุกยืนแล้วหมุนตัวให้เขาดูว่าชุดที่เธอใส่มาวันนี้นั้นมันไม่เหมาะกับการเข้าร่วมประชุมเลย เพราะถึงแม้ท่อนบนจะเป็นเบลเซอร์แขนยาวแต่ท่อนล่างเป็นกางเกงผ้าสีเดียวกันแต่มันสั้นจนเห็นไปถึงขาอ่อน

ปฐพีมองแล้วก็ต้องรีบไปทางอื่น ใจเขาเต้นแรงเมื่อสมองมันคิดไปถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านในซึ่งเขาได้สัมผัสมาแล้วและยังรู้สึกติดอยู่ในความทรงจำอย่างไม่มีทางลืม

“งั้นเลิกงานผมจะไปด้วยแล้วกัน คุณโทรไปบอกที่บ้านด้วยนะ แม่คุณจะได้ไม่เป็นห่วง”

“เย็นนี้แม่ไปงานเลี้ยงกับเพื่อน”

“แล้วพ่อคุณล่ะไปด้วยไหม” เขาเป็นห่วงถ้าคุณเอกภพต้องอยู่บ้านคนเดียว

“ก็ไปด้วยกันทั้งสองคนนั่นแหละ ดีเหมือนกันฉันจะได้ไม่ต้องกินข้าวคนเดียว”

ปฐพีได้ยินแบบนั้นก็เบาใจ ชายหนุ่มเริ่มต้นทำงานของตนเองอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็แอบมองหน้าเอลินอร์ไปด้วย ตั้งแต่มีหญิงสาวเข้ามานั่งในห้องทำงานด้วย เขาก็ไม่ค่อยมีสมาธิกับงานเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เลือกก็จะให้เธอนั่งอยู่กับเขาในห้องนี้ไปเรื่อยๆ การได้เห็นเธออยู่ในสายตามันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง

ตอนนี้เขาไม่ต้องคอยแอบมองคุณหนูอยู่ห่างๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะเธอนั่งอยู่ตรงหน้าเขา นั่งอยู่ในห้องเดียวกับเขาทุกวัน

ปฐพีเคยคิดว่าสักวันหนึ่งเขาคงจะมีแฟนและเธอคนนั้นจะทำให้เขาลืมคุณหนูได้ แต่ไม่ว่าจะมีแฟนกี่คนต่อกี่คนเขาก็ยังไม่เคยลืมเธอได้เลย มันทำให้เขารู้สึกผิดกับผู้หญิงเหล่า นั้นจนในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะไม่คบใครอีกเพราะไม่อยากใครมาเป็นตัวแทนของคุณหนูเอลินอร์อีกต่อไปถึงตอนนี้ก็เกือบสามปีแล้วที่เขาครองตัวเป็นโสดและใช้ชีวิตแบบอิสระ

แต่พอได้กลับมาเจอคุณหนูอีกครั้งหัวใจของเขามันก็เต้นแรงขึ้น ในทุกเช้าที่ตื่นปฐพีมีความสุขมากที่รู้ว่าจะได้เจอกับเธอและได้นั่งมองเธออยู่แบบนี้ ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะมีโอกาสได้มองและได้ใกล้ชิดเอลินอร์ไปอีกนานแค่ไหน เพราะถ้าเธอมีคนรักเขาก็คงมองเธอแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel