ตอนที่ 6 คุณเลขาเริ่มงาน
"นี่ครับ น้องตา"
"ขอบคุณค่ะ" กล่าวขอบคุณเจษช่วยยกแฟ้มงานกองใหญ่วางบนโต๊ะหน้าห้องของบอสชนิน งานทุกอย่างที่พี่สาวเมฑญาทำไว้ให้เรียบร้อย ทั้งยังใจดีหากตาหวานไม่เข้าใจจุดไหนจะเขียนชื่อและเบอร์โทรของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ตาหวานได้โทรปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือ
"ไม่ยาก" อะไรก็ดูง่ายไปหมด ที่นี่มีแต่เพื่อนๆพี่ๆร่วมงานที่ใจดี ยกเว้นก็แต่เจ้านายอย่างชนินธรที่ตาหวานไม่ชอบสักเท่าไหร่อาจเป็นเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวในอดีตของคนสองคน ทุกนานทีที่ตาหวานนั่งอยู่บนโต๊ะตำแหน่งเลขาประธานบริษัทไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกจ้องจากสายตารัตติกาลมองผ่านกล้องวงจรปิดประจำตัวที่สามารถเปิดดูในคอมพิวเตอร์สเปคแรงตั้งแต่ช่วงเวลาตั้ง 10 โมงเช้าไปถึง 11.30 นาที ในช่วงเวลาดังกล่าวชนินธรเดินเข้าออกห้องทำงานเป็นสิบๆรอบ ไม่ว่าจะเป็นเดินไปหยิบน้ำหยิบขนมชากาแฟหรือแฟ้มจากแผนกอื่นเป็นผลให้เลขาอย่างตาหวานเริ่มไม่มีสมาธิการทำแผนงานที่ต้องประสานต่อพี่สาวคนสนิท
"จะเดินอะไรหนักหนา" พูดคนเดียวแม้เสียงจะดังในลำคอแต่อีกฝ่ายกลับหูดี ชนินธรชะงักฝีก้าวหันมองต้นเสียงที่แว่วได้ยิน
"ว่าอะไร" หันกลับมาถามในขณะที่จะเลยผ่านเพื่อนำแก้วกาแฟไปเก็บ ทั้งที่จริงมีแม่บ้านประจำบริษัทเรียกมาจัดการก็ได้แต่ชนินธรกลับไม่เรียกใช้งาน ซ้ำยังเดินไปเดินมาพาลทำให้อีกฝ่ายตาลายและไม่มีสมาธิ
"รบกวนบอสกลับเข้าไปนั่งที่เดิมเถอะค่ะ แก้วกาแฟฉันจะเอาไปเก็บให้เอง" ชนินธรวางแก้วบนโต๊ะของเลขา ใช้มือค้ำยันเป็นการทรงตัวจ้องมายังตาหวานราวกับว่าเธอทำอะไรผิด ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกประหม่ากับสถานการณ์ตรงหน้า
"บอส" เลิกคิ้วเป็นคำถาม เธอเรียเขาว่าบอส
ตาหวานพยักหน้าเมื่อแทนตัวเองคล้ายคนไม่รู้จักกัน ผู้ชายตรงหน้าในขณะนี้คือเจ้านายจะไปเรียกเหมือนแต่ก่อนก็คงไม่สมควร ชนินธรยกแขนข้างซ้ายขึ้นมองนาฬิกาโรแลกซ์เรือนสวยในยามปลายเข็มชี้ไปยังตัวเลขอีก 8 นาทีถึงเวลาพักเที่ยง
"ไปกินข้าว" เหยียดตัวเต็มความสูงรอเลขาหน้าห้องลุกจากเก้าอี้ ตาหวานมองชนินธรที่ยืนกอดอกด้วยความไม่เข้าใจ หัวหน้ากับเลขาที่ไหนไปกินข้าวด้วยกัน
"...."
"มองทำไม ลุกสิ" เสียงดังขึ้น คนผ่านไปมากำลังคิดว่าเลขาคนใหม่ต้องโดนบอสชนินดุแน่ๆ
"...."
"หรือจะให้อุ้มอย่างที่เคยทำ"
"ฉันจะกินข้าวโรงอาหาร" อยากประหยัดค่าใช้จ่าย การออกไปกินข้างนอกแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายมันต้องมากกว่าการกินในโรงอาหารที่เป็นสวัสดิการของบริษัทซื้อแค่กับแต่ข้าวฟรีเติมไม่อั้น
"ไปกินข้างนอก"
"ไม่ไป" ยืนยันเสียงแข็งไม่อยากออกไปเปลืองเงินและอยากประหยัดให้มากที่สุด
"เอาแฟ้มนี้ไปด้วย" ตัดปัญหาเมื่ออีกฝ่ายไม่สบายใจ รู้ว่าตาหวานคงไม่อยากไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง
"เอาไปทำไม"
"กินไปด้วยทำงานไปด้วย" จากนั้นชนินธรเดินเข้าห้องทำงานไปหยิบเสื้อสูทและกุญแจ
"พักเที่ยงยังต้องทำงานอีกเหรอ มิน่าล่ะถึงจ้างแพง" ยังคิดว่าเป็นการทำงานจริงๆ แต่อีกฝ่ายแค่อยากดื้อพาตาหวานออกไปด้วยเท่านั้น
บนรถคันหรูคันเดิมที่เคยเกือบโดนชนินธรขับชน มันเป็นจุดเกิดเหตุทำให้ได้มาเจอกันอีกครั้ง ตาหวานเกร็งอย่างมากขบริมฝีปากน้อยๆเข้าออกเป็นจังหวะเมื่อต้องนั่งรถมาด้วยกันสองต่อสองจนชายหนุ่มสังเกตได้
"อ่านเอกสารในแฟ้มให้ฟังหน่อย"
"ห๊ะ"
"อ่านให้ฟังหน่อย" เขาย้ำว่าต้องการฟังรายละเอียดในแฟ้มหนาใบนั้น
ตาหวานเปิดแฟ้มที่นั่งกอดแล้วอ้าปากอ่านมันแบบงงๆ ข้อความเป็นการร่างงบประมานต่างๆ ระบุชื่อเจ้าของโปรเจคผู้รับเหมางบลงทุน มันไม่ได้เหมาะแก่การอ่านออกเสียงเลยสักนิดแต่เมื่อเจ้านายสั่งเธอก็ต้องทำและยิ่งอ่านราวกับเป็นตัวตลกชนินธรหลุดหัวเราะคำโตแม้จะกลั้นมันไว้ก็ทนไม่ได้
"อึก" มือปิดปากในขณะที่อีกข้างยังจับพวงมาลัยดวงตาจ้องถนนจ้าไปด้วยแดด แต่ก็ยังหัวเราะจนตัวสั่น
"...."
ตาหวานอ่านต่อแล้วรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเราะเย้ย หรือเธอออกเสียงภาษาอังกฤษเพี้ยนไป
"อึก"
"อย่าหัวเราะ" ปิดแฟ้มทำใบหน้างอง้ำคล้ายเป็นตัวตลก ชนินธรฮึบต่อสู้กับอารมณ์ที่กำลังตีเป็นเสียงขำ นั่งเงียบเมื่อไม่พอใจอีกฝ่ายกระนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อชนินธรในปัจจุบันคือเจ้านายของเธอ
"ถึงแล้ว" มองไปด้านหน้าเป็นร้านอาหารที่เคยมาทานบ่อยๆ ทว่ามันก็นานผ่านมาหลายปีตั้งแต่นั้นตาหวานก็ไม่มีโอกาสมาอีกเลย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองชนินธรเหมือนอยากมีคำถามแต่ก็ไม่กล้าถาม ครั้นเดินเข้ามาด้านในหัวใจดวงน้อยกลับเต้นผิดจังหวะคล้ายจะกระโจนออกมาด้านนอก ตรงหน้าคือบรรยากาศเก่าที่มันปนทั้งความสุขและความเสียใจ
"สวัสดีครับคุณลูกค้า"
"ผมชนินธร จองโต๊ะไว้แล้ว" หมายความว่าบอสของเธอตั้งใจจะพาตาหวานมาที่นี่ตั้งแต่แรก ทำงานไปด้วยกินไปด้วยก็แค่ข้ออ้างของชนินธร โต๊ะหมายเลย 4 มุมเดิมติดหน้าต่างวิวแม่น้ำยิ่งทำให้หัวใจเต้นระส่ำหนักไปใหญ่
"นั่งสิ" ดันคนตัวเล็กลงเก้าอี้แล้วก็มานั่งฝั่งตรงข้าม เมนูด้านหน้ากำลังถูกเลือกเป็นอาหารมื้อเที่ยง
"สั่งไหม"
"ไม่เป็นไร"
เมื่อคนตัวเล็กไม่สั่งอาหาร ก็เป็นหน้าที่ของคนพามาต้องจัดการ
"เอาซี่โครงหมูอบซอส ซุปมันเทศ ปีกไก่อบเกลือ" เมนูทั้งหมดที่พูดออกมาคือของชอบตาหวาน
"รับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ"
"สเต็กเนื้อ 1 ทีและผัดหน่อไม้ฝรั่ง" นี่ก็เป็นของชอบของตาหวานเช่นเคย
"ยังชอบอยู่ไหม" ชนินธรเอ่ยถามขึ้นแต่สายตายังมองเมนูอาหาร เขาอยากรู้ว่าคนตรงหน้าเปลี่ยนใจเลิกกินเหมือนเปลี่ยนใจเลิกรักเขาหรือยัง
"ไม่" ตอบเป็นการหักน้ำใจชนินธรจนหน้ายับเลี้ยวกลับไม่ทัน คนตัวโตกว่าเพ่งมองผู้หญิงตรงหน้าดูไร้ความรู้สึกไปอย่างสิ้นเชิง
"แต่เผอิญฉันดันชอบกิน" ยื่นเมนูส่งให้พนักงาน ในขณะที่นั่งรอต่างคนก็ต่างไถ่มือถือของตัวเอง ชนินธรยังคงเหล่ตามองเป็นระยะเพื่อดูปฏิกิริยาว่าอีกฝ่ายแอบมองเขาบ้างหรือบ้าง ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดตาหวานจดจ่อกับมือถือตัวเองไม่ละสายตา
Rrrrrrr
"ค่ะแม่" ปลายสายคือคนเดิม สายรุ้งโทรมาทวงเงินตาหวานอีกไม่กี่วันจะสิ้นเดือน
[ ไม่ได้โทรมาทวง โทรมาเตือนเดี๋ยวแกจะลืม ]
"ตาไม่ลืมหรอกค่ะ มีแล้วจะรีบโอนไป" วางสายแล้วหันหน้าเหม่อออกไปทางวิวแม่น้ำ แม้จะได้ทำงานแต่การทำไม่เต็มเดือนก็คงได้เงินไม่กี่บาท แค่ใช้จ่ายในตอนนี้ก็คงไม่พอ ก่อนจะเปิดแอปธนาคารเช็คดูยอดเงิน คำนวนดูว่ามันต้องหาอีกเท่าไหร่
"มาแล้วครับ" อาหารที่สั่งไว้ก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ตาหวานวางมือถือที่ยังเปิดหน้าแอปธนาคารโชว์ตัวเลขหลักพันแล้วรับจานอาหารจากพนักงานเป็นมารยาทการช่วยเหลือ
อาหารมื้อเที่ยงถูกตักเข้าปาก รสชาติมันยังอร่อยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เป็นการรับประทานที่ไร้บทสนทนาแม้จะตักอาหารฝั่งที่ใกล้ตัวเองให้ตาหวานชนินธรกลับไม่กล้าเหมือนครั้งก่อนๆ ทำได้แค่เพียงตั้งหน้าตั้งตากินอาหารให้อิ่มท้องใครท้องมัน