บทที่ 2 หนี้
ประตูรั้วไม้เปิดออก ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวก้าวออกมาแล้วหันไปปิดประตูไว้เช่นเดิม ผมยาวถูกรวบไว้ด้านหลังเปิดใบหน้ามนให้กระจ่างขึ้น กระเป๋าสีขาวนวล สะพายอยู่บนไหล่ เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินแขนสั้นขับผิวน้ำผึ้งให้ผ่องน่ามอง กางเกงยีนสีซีด รองเท้าสวมปิดส้นเท้าสีน้ำตาล ทำให้เจ้าตัวดูคล่องแคล่วเวลาก้าวเดิน
ปรายชลยกมือเมื่อเห็นรถแท็กซี่แล่นมาแต่ไกล หมู่บ้านที่หล่อนอยู่ไม่ใช่ทางผ่านของรถแท็กซี่ยกเว้นว่าจะโทรศัพท์เรียกมารับถึงหน้าบ้านหรือรถมาส่งคนในหมู่บ้านแล้วแวะรับคนที่กำลังจะออกจากบ้านไปด้วย ปรายชลก้าวขึ้นรถ ครู่เดียวรถก็แล่นผ่านพ้นหน้าบ้าน
ภูชิสส์นั่งมองรถแท็กซี่แล่นไกลออกไป ดวงตาไหวระริก เขายอมรับว่าเห็นหน้าปรายชลแล้วพอใจ เขาชอบตั้งแต่เห็นรูปหล่อนแล้ว ยิ่งมาเห็นตัวจริง เขายิ่งชอบ แผนการบางอย่างผุดขึ้นในใจ เขาเคลื่อนรถซึ่งจอดเยื้องจากหน้าบ้านของปรายฟ้า มาจอดหน้าประตูรั้ว นักสืบขับตามมาจอดแล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถเดินมาหาภูชิสส์
“คุณจะเข้าไปพบคุณปรายฟ้ามั้ยครับ ผมจะกดกริ่งให้”
“ครับ ขอบคุณมาก”
นักสืบเดินไปกดกริ่ง 3 ครั้งแล้วถอยออกมาเมื่อภูชิสส์เดินไปยืนหน้าประตูรั้วไม้
“ผมกลับก่อนนะครับ”
“ขอบคุณมาก เงินที่เหลือ ผมจะโอนเข้าวันนี้”
“ครับ ขอบคุณครับ ถ้ามีอะไรจะให้ผมรับใช้ก็ติดต่อที่สำนักงานนะครับ สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ”
ภูชิสส์รับไหว้นักสืบและมองตามนักสืบเดินไปขึ้นรถ ขับออกไป ชายวัยกลางคนเดินมาเปิดประตูรั้วโผล่หน้ามามองชายหนุ่มหน้าตาหมดจด
“มาหาใครครับ”
“คุณปรายฟ้า อยู่มั้ยครับลุง”
“อยู่ครับ เชิญข้างในครับ”
อรุณเปิดประตูกว้างออก เลี่ยงไปยืนข้างหนึ่งให้ภูชิสส์ก้าวเข้ามาแล้วปิดประตูตามเดิม ชายหนุ่มเดินไปตามถนนจนถึงหน้าบ้าน บานประตูไม้แกะสลักลวดลายไทยงดงามทั้งด้านในและด้านนอกเปิดอยู่ อรุณมองด้านหลังชายหนุ่มแล้วเอ่ยเสียงเบา
“เชิญข้างในครับ”
ลุงคนสวนเดินเร็วๆ เข้าไปในบ้านก่อนแขกแปลกหน้า อรุณเดินหายไปทางห้องครัว สำอางกำลังเช็ดถูพื้นห้องครัวอยู่ หันมามองสามี
“เข้ามาทำไมตารุณ”
“คุณฟ้าอยู่ไหนยายอาง มีคนมาหา” อรุณไม่ตอบคำของภรรยาแต่ถามหานายหญิง
“คุยโทรศัพท์อยู่ระเบียงหลังบ้านโน่นแน่ะ”
“แกเตรียมน้ำไปให้แขกที ฉันจะไปบอกคุณฟ้าก่อน” อรุณเดินออกไปเงียบๆ สำอางวางมือจากไม้ถูพื้น เตรียมน้ำเปล่าให้แขกตามที่อรุณบอก
ปรายฟ้าถอนหายใจเฮือกขณะลดมือกำโทรศัพท์ลงข้างตัว ผู้จัดการธนาคารโทรศัพท์มาหาหล่อนด้วยตัวเอง ถึงเวลาต้องชำระดอกเบี้ยแต่หล่อนไม่มีเงินไปจ่าย หากไม่จ่ายตามกำหนดเวลาที่ทางธนาคารผ่อนผันให้ หล่อนจะกลายเป็นบุคคลล้มละลาย บ้านที่อยู่ทุกวันนี้ รถที่ขับไปไหนต่อไหน สปาที่หล่อนรักและทุ่มแรงกายแรงใจให้ทั้งหมดนั้น จะถูกยึดทันที
หล่อนจะหาเงินที่ไหนมาปลดหนี้ครั้งนี้ เพื่อนเคยให้หยิบยืมก็ไม่ให้ยืมอีกต่อไปแล้ว หล่อนโทรศัพท์ไปหาโชติรส ผู้จัดการโรงแรมภูดาวแอนด์รีสอร์ท โชติรสปฏิเสธความช่วยเหลือโดยสิ้นเชิงและกล่าวหาว่าหล่อนยั่วยวนเดชาจึงทำให้เขาไม่มีสมาธิขับรถและเกิดอุบัติเหตุจนเขาเสียชีวิต
แม้ว่าหล่อนจะอธิบายอย่างไร โชติรสกับภูชิสส์ก็ไม่รับฟัง พวกเขายังคงกล่าวหาว่าเป็นเพราะหล่อนเดชาจึงตาย หล่อนเสียใจ นอนร้องไห้เกือบทุกคืน หล่อนกลายเป็นผู้หญิงน่าไม่อาย ใช้ตัวเองแลกกับเงินของเดชา ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น หล่อนไม่เคยคิดยั่วเดชา เขาต่างหากเป็นคนเอ่ยปากขอให้หล่อนเป็นของเขาและพยายามลวนลามหล่อนแม้ขณะขับรถ
“คุณฟ้า คุณน่ารักมากรู้มั้ยครับ ผมชอบคุณ ถ้าคุณเป็นของผมเมื่อไหร่ ผมจะโอนเงินใช้หนี้ให้คุณทั้งหมด ตกลงมั้ย”
“ไม่ค่ะ ถ้าคุณไม่ให้ฉันกู้เงิน ฉันก็จะกลับ ไปส่งฉันที่บ้านคุณรสด้วยค่ะ”
“คุณจะใจแข็งไปถึงไหนคุณฟ้า ผมชอบคุณจริงๆ นะ ไปพักผ่อนกับผมสักสองสามวันแล้วผมจะไปส่งถึงกรุงเทพฯเลย นะครับ ไปนะครับ”
เขาจับมือหล่อนดึงไปจูบโดยใช้มือข้างขวาควบคุมพวงมาลัยรถเพียงมือเดียวและเพราะสายตาของเขาไม่ได้อยู่ที่ถนนจึงทำให้รถแล่นไม่ตรงทางเอียงเข้าข้างถนนและพุ่งตรงไปข้างหน้า ปรายฟ้ากรีดร้องด้วยความตกใจ เดชาหมุนพวงมาลัยรถกลับทางเดิมไม่ได้ หากเขาทำเช่นนั้น รถจะพลิกคว่ำทันทีเขาจึงแตะเบรกเป็นสิ่งแรกแต่..
“เฮ้ยยย...”
“ตึง!”
เสียงเดชาเงียบหายไปพร้อมกับเสียงรถกระแทกกับต้นไม้ขณะที่ปรายฟ้าช็อคหมดสติก่อนรถจะหยุดนิ่งอยู่กับโคนต้นไม้เสียอีก
“คุณฟ้าครับ มีคนมาหาครับ” อรุณเดินเข้ามายืนด้านหลังเจ้านายสาว
“ใครเหรอลุง ผู้หญิงหรือผู้ชาย” ปรายฟ้าหันมามองลุงคนสวนและดูแลทุกอย่างในบ้านให้หล่อน
“ไม่ทราบครับ ผมไม่เคยเห็นหน้า เป็นผู้ชายครับ”
“ผู้ชายเหรอ..ขอบใจจ้ะลุง”
หล่อนเดินเข้าตัวบ้าน ตรงไปห้องรับแขก ภูชิสส์ยิ้มกับสำอางและเอ่ยขอบใจเบาๆ เมื่อสำอางยกแก้วน้ำวางบนโต๊ะกระจกสีชา เขากวาดสายตาไปรอบๆ ห้องโถงซึ่งจัดแต่งเป็นห้องรับแขกได้น่านั่งทีเดียว เก้าอี้หนังสีดำราคาค่อนข้างแพง หากเขามองไม่ผิดนักต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์นำเข้า
“รสนิยมนอกทั้งนั้น มิน่าถึงเป็นหนี้เกือบร้อยล้าน” เขายิ้มหยันไหวไหล่เล็กน้อย
“สวัสดีค่ะคุณภูชิสส์” เสียงทักทายมาจากประตูด้านใน ทำให้แขกหนุ่มหันไปมอง
“สวัสดีคุณปรายฟ้า”