บทที่ 1-1
แอร์เก่ารุ่นพระเจ้าเหา
แสงแดดที่สาดเข้ามาทำให้ฉันต้องพลิกตัวหนี ก่อนจะรู้สึกว่าทั้งร่างปวดระบมไปหมด
เมื่อวานฉันโดนรถบรรทุกชนรึไงนะ... นั่นคือความคิดแรกที่โผล่เข้ามาในสมองอันแสนง่วงงุนก่อนจะถูกปัดตกไป เจ็บร้าวขนาดนี้ หากถูกรถชนฉันน่าจะตายคาที่
ถัดจากแสงแดดที่กำลังแผดเผาคือความเย็นจัดที่กำลังต้องผิวเหนือผ้านวมนุ่มผืนใหญ่ อากาศเย็นฉ่ำราวกับทั้งห้องเปิดแอร์ทำให้ฉันย่นคิ้วทั้งๆ ที่ยังหลับตา ไม่น่าเป็นไปได้ พัดลมฮาตาริ เอ๊ะ...หรือฮิตาชิ เออนั่นแหละ พัดลมคู่บุญสามปีของฉันไม่มีความสามารถผลิตไอเย็นได้ขนาดนี้ หรือตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ที่บ้านในวันอากาศหนาว?
ไม่สิ เมื่อคืนฉันยัง อ้า... ความคิดฉันสะดุดลงเมื่อรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวข้างๆ ตัว ดวงตาของฉันเบิกโพลงขึ้นทันที
“กะ...กรี๊ดดด”
“เงียบ!” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มไม่คุ้นหน้าดังขึ้น ดวงตาเข้มดุของเขาตวัดมองมาที่ฉัน ทำเอาทุกอย่างจุกตรงคอหอยทั้งเสียงกรี๊ดและน้ำลาย ฉันอ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลางับฟองอากาศ แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
“ฉัน...ฝัน” เอ่ยได้แค่นั้นฉันก็หลับตาปี๋ ท่องนะโมสามจบ ครบแล้วค่อยลืมตาใหม่
ร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์ปักหลั่นนั่นไม่ได้อยู่ตรงหน้าอีกแล้ว ขณะที่ฉันกำลังจะถอนหายใจ หางตากลับเหลือบไปเห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของผู้ชาย ใช่...หลังเปลือยเปล่าราวกับนายแบบถ่ายชุดชั้นใน
แล้วฉันก็ทะลึ่งตัวลุกตาม ผ้าห่มหนาร่วงลงมากองบนเอว เผยให้เห็นผิวขาวเนียน ทรวงอกสล้างที่บัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบ ฉันรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนทันที แต่ก่อนที่จะเป็นลมล้มพับ ผู้ชายบ้านั่นพลันชิงพูดขึ้นก่อน
“ถ้ากรี๊ดอีกที ฉันเชือดคอเธอทิ้งแน่” น้ำเสียงเย็นๆ ผสมกับดวงตาแข็งกร้าวนั้นทำเอาปากที่กำลังอ้ากว้างต้องหุบลงโดยพลัน ทั้งสมองยังเหมือนจะหยุดทำงานไปชั่วขณะ
สถานการณ์แบบนี้ แม้จะปวดหัว ง่วงงุน แต่อะไรหลายๆ อย่างก็ฟ้องจนขอบตาของฉันร้อนผ่าว หมดแล้วความสาวที่เฝ้ารักษา ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมอบให้เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน
ฉันหลับตาลง บ้าจริง ฉันไม่ได้ร้องไห้มานานแค่ไหนแล้วนะถึงได้รู้สึกว่ากระบอกตาที่คลอเคล้าด้วยหยาดน้ำอุ่นนี้กำลังทำให้หัวใจรวดร้าว ริมฝีปากสั่นระริก ได้แต่พยายามคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา
ฉันจำแค่ได้ว่าไปผับกับเพื่อนร่วมสาขา แล้วมันมาจบลงบนเตียงกับผู้ชายหน้าตาดีแต่ปากมอมคนนี้ได้ยังไง เหมือนภาพความทรงจำจะดับไปในตอนที่เพื่อนๆ คะยั้นคะยอให้ฉันดื่ม... ดื่มแล้วก็ดื่มอีก
ปกติฉันเป็นคนที่รู้ลิมิตตัวเองดี อีกทั้งยังต้องทำงานกลางคืนจึงทำให้ค่อนข้างระวังตัว และเหตุผลสำคัญคือถ้าฉันพาสังขารเมาเละกลับหอพักของมหาวิทยาลัย มีหวังพี่ยามได้ร่อนจดหมายหาผู้คุมหอแน่ๆ แต่เมื่อคืนมีหลายๆ เหตุการณ์ที่ทำให้ฉันสติแตกจนเผลอยกแก้วตามคำยุของเพื่อน ความทรงจำสุดท้ายคือฉันถูกใครบางคนลากออกไปเต้น แต่สภาพแออัดตรงกลางร้านทำให้ฉันร้อนจนเหงื่อซึมจึงตัดสินใจไปล้างหน้าให้หัวสมองโล่งสักหน่อย แม้ว่าฉันจะพยายามทบทวนความจำที่เกิดขึ้น ทว่าภาพทุกอย่างกลับถูกตัดฉับไป...
“อ๊า... เธอยังซิง แม่งแน่นฉิบ...” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ฉันเริ่มคุ้นกับภาพเลือนรางแวบเข้ามาในหัว ภาพสองร่างที่กอดกระหวัด ร่างสูงกำลังขยับ...
“จะนั่งบื้ออีกนานไหม” น้ำเสียงห้วนติดตะคอกของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นกระแทกภาพความทรงจำอันน่าละอายให้กระจัดกระจาย ฉันหันขวับไปมองอีกฝ่ายพลางเชิดหน้า แม้ว่าน้ำตาบ้านี่จวนเจียนจะไหล
“ฉัน...” พูดไปได้แค่นั้นก็พลันรู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่กำลังตีตื้นขึ้นมา จำต้องเม้มริมฝีปากกักเสียงไว้ สูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเมื่อคืนเรา...” แค่นั้น… ฉันพูดได้แค่นั้นจริงๆ เพราะหากมากกว่านี้น้ำตาที่ฉันกักไว้ต้องไหลอาบสองแก้มแน่ๆ
“ไปอาบน้ำแล้วค่อยกลับมาคุย” เขาว่าง่ายๆ
“แต่ฉัน...”
“รีบไปอาบ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เขาโยนผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งร่อนลงข้างๆ ตัวฉัน “ไปอาบห้องข้างๆ ไป มีเสื้อผ้าอยู่ในตู้ อยากได้ตัวไหนก็หยิบใส่ได้เลย คิดจะนั่งแก้ผ้ายั่วกันอีกนานไหมแม่คุณ” ว่าพลางขยับเข้ามาใกล้แล้วไหวไหล่ “แต่ถ้าอยากต่อรอบเช้าก่อนก็ได้นะ” คำพูดและสายตาจาบจ้วงของเขาทำเอาฉันเพิ่งรู้ตัวว่านั่งโป๊ให้สายตาหื่นกระหายโลมเลียมาเกือบห้านาทีแล้ว
บ้าฉิบ...
ฉันรีบตะครุบผ้านวมขึ้นปิดหน้าอกทันทีพร้อมขยับหนีไปติดหัวเตียงมองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง สลับกับสอดส่ายสายตาหาสิ่งของใกล้มือที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้ เผื่อไอ้บ้าหน้าดุนี่มุทะลุกระโดดเข้ามาปล้ำ
ความคิดของฉันสับสน แต่คนต้นเรื่องกลับยกมุมปากยิ้มเยาะแล้วหมุนตัวไปทางห้องน้ำ
รอจนกระทั่งประตูปิด ได้ยินเสียงน้ำไหลจึงได้พยุงตัวลุกหมายลงจากเตียง
“โอ๊ย...”
ฉันข่มกลั้นความปวดแปลบแม้สองขาจะสั่นระริกขณะหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ถูกโยนไว้มาพันตัว แล้วจึงย้ายร่างออกจากห้องนอนมาพบกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะสำรวจโดยรอบ พอเห็นประตูอีกห้องที่อยู่ซ้ายมือก็ถือวิสาสะเปิดเข้าไป มันเป็นห้องนอนขนาดเล็กกว่าห้องข้างๆ ที่เพิ่งจากมา เมื่อเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าก็เห็นชุดผู้หญิงหลายชุด แต่จู่ๆ ฉันกลับรู้สึกจุกจนเจ็บ
เมื่อคืนฉันคงเมามากจนถูกผู้ชายลากเข้าห้อง และผู้ชายคนนั้นคงขยันพาผู้หญิงมานอนค้างถึงได้มีเสื้อผ้ามากมายขนาดนี้
เขาสำส่อน... แค่คิดฉันก็รู้สึกพะอืดพะอมจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออยู่หน้าชักโครก หลับหูหลับตาอาเจียนเอาทุกอย่างออกมาก่อนจะก้าวเข้าไปยืนท่ามกลางสายน้ำเพื่อชะล้างทุกอย่าง ทั้งอาการเมาค้าง ความสับสนหมดหนทางที่ถาโถมประเดประดังเข้าใส่ สองมือขัดถูแรงๆ ขจัดคราบคาวที่มันติดอยู่ตามตัวจนผิวแทบถลอก แต่มันคงไม่อาจลบรอยราคีที่เขาตีตราไว้ ฉันเกลียดมัน แต่มากกว่านั้นคือเกลียดตัวเองที่ไม่รู้จักระมัดระวัง ปล่อยให้เกิดเรื่องบ้าๆ นี้ขึ้นมา
กระทั่งผิวเนื้อขึ้นสีแดงพร้อมกับความรู้สึกแสบร้อน ฉันรู้ดีว่าไม่อาจซ่อนตัวอยู่ในนี้ได้ตลอดไป สติที่ค่อยๆ กลับคืนมาร้องเตือนให้รีบหาทางหนีออกไป ฉันเช็ดตัวลวกๆ แล้วตรงไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง
ปัง!
มือมันไปไวกว่าความคิด ฉันปิดตู้ ก้าวฉับๆ กลับห้องเมื่อครู่ ควานหาเสื้อผ้าของตัวเองที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้อง จนได้แพนตีชิ้นน้อยมาอยู่ในมือ น้ำแอร์ก็ดันหยดลงพื้น
แหมะๆ
เอ่อหนอ... ห้องออกจะใหม่ทันสมัย แต่แอร์ดันเก่ารุ่นพระเจ้าเหา ฉันค่อนขอดอีกฝ่ายในใจ แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมองแอร์เจ้าปัญหา
ไม่มี!?
แอร์ไม่ได้อยู่ตรงนี้ แล้วนี่มันน้ำอะไร ไวเท่าความคิด หลังมือฉันปาดข้างแก้ม สัมผัสกับความชื้นและรอยยิ้มขื่นๆ ของตัวเอง
ให้ตายเถอะ ร้องจนได้...
ฉันก้าวออกจากห้องนั้นอีกครั้งพร้อมชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนของตัวเอง พลันหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมแก้วกาแฟในมือ เขาเหลือบตามองแล้วยกแก้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“จะเอาสักแก้วไหม”
ฉันส่ายหน้ารัว กลัวเขาจะใส่อะไรในนั้น สุดท้ายฉันยังช้ากว่าอีกฝ่ายอยู่ดี
“นั่งสิ” เขาไม่ได้สนใจฉันไปมากกว่ากวาดสายตาขึ้นลงมองชุดที่ฉันใส่ แม้มันจะเน่าแต่ก็ยังดีกว่าใส่ชุดของใครก็ไม่รู้
ฉันเม้มริมฝีปาก ขยับไปหย่อนตัวลงบนโซฟา... โดยทิ้งระยะห่างจากเขามากที่สุด แล้วเราก็เล่นเกมจ้องตากัน
ใบหน้าคมของเขาละม้ายคล้ายคนที่ฉันรู้จัก ผมสีดำสนิทชื้นเล็กน้อย เจ้าตัวเสยลวกๆ ไม่เป็นทรง แต่มันกลับส่งให้ใบหน้าคมหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ คิ้วเข้มพาดเฉียง ไม่ได้ขมวดมุ่นเหมือนเมื่อตอนเช้านั้นพอดีกับจมูกโด่งสัน รับกับริมฝีปากหยักสีแดงระเรื่อ ผิวของเขาคร้ามแดด แต่ก็ยังพอมองออกว่าเจ้าตัวเป็นคนขาวจัด เขาดูดีขนาดนี้ ไม่น่าจะสนใจหิ้วฉันที่หน้าตาธรรมดาขึ้นห้องได้เลย