29
บ่ายวันนั้น คู่สามีภรรยาพากันเดินทางมาถึงบ้านของท่านนายพล กับคุณหญิงหลังจากแวะไปเอารถยนต์ที่เพนท์เฮาส์มาขับ คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นเมียตัวยุ่ง ทันที่มาถึง หล่อนวิ่งปร๋อเข้าไปหาคุณหญิง ทิ้งให้สามีคุยกับท่านนายพล จนป่านนี้ยังไม่เยี่ยมหน้ากลับมามอง
“พ่อขอแค่เลโอ ยอมมาเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทของเราได้ไหมลูก” ท่านนายพลผู้เคยองอาจ บัดนี้แลดูเหมือนชายชราที่ไม่มีพิษสงคนหนึ่ง ลงทุนขอร้องลูกชายหลังจากเคยทำมาแล้วแต่ไม่สำเร็จ เพราะไม่อยากให้ธุรกิจที่สืบทอดกันมาของตระกูลต้องมาพังลงง่าย ๆ
“ผมไม่อยากเข้าไปก้าวก่าย ปล่อยให้คนที่เขาทำอยู่ทำต่อไปเถอะครับ” เลโอคิดแบบนั้นจริง ๆ ถึงแม้ไม่ชอบหน้านายสุดเขต แต่ก็ไม่ได้อยากหักหน้า ทางที่ดีต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า
“หรือว่าเลโอยังไม่หายโกรธพ่อ”
“เปล่าครับ....ถ้าบริษัทมันไปไม่รอดก็ปล่อยไปเถอะครับ คุณพ่อไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องห่วงผม บางทีที่เป็นแบบนี้อาจจะเป็นเพราะว่าคนที่บริหารอยู่ เขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเจ้าของ หรือเปล่าครับ” เลโอพูดกลาง ๆ แต่ดันไปกระทบใจท่านนายพลอย่างจัง เพราะท่านคิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องนี้
“พ่อ....” ชายสูงวัยพูดค้างไว้แค่นั้น ......นอกจากจะไม่ได้เลี้ยงดูอุ้มชูแล้ว ธุรกิจที่เป็นมรดกสืบทอดกันมาที่ควรจะต้องยกให้ลูกชายคนเดียว แต่กลับทำท่าว่าจะต้องยกให้ลูกบุญธรรมแทน.....ถ้าหากเลโอจะโกรธพ่ออย่างเขา มันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือ
“คุณพ่อมีธุระกับผมแค่นี้ใช่ไหมครับ งั้นผมขอตัวก่อนครับ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาราบเรียบ ไม่มีอาการโกรธขึ้งเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ชายหนุ่มเปิดประตูออกมา หวังจะไปตามยัยตัวยุ่งให้กลับเพนท์เฮ้าส์ด้วยกัน แต่กลับเจอคนที่ไม่อยากเห็นหน้า อย่างนายสุดเขต ที่ไม่รู้ว่ามายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไง.......คราวที่แล้ว...เอา...สาวบ้านนี้ไป คราวนี้จะมาเอาอะไรอีก” เมื่ออยู่กันสองคน สุดเขตไม่จำเป็นต้องสงวนท่าที หมั่นไส้มาดหยิ่งยโสของไอ้นี่มานานแล้วจึงได้ทักทายอย่างหยาบคาย
“มึงเดือดร้อนอะไรด้วย” นายหัวหนุ่มพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ที่อีกฝ่ายตั้งใจดูถูกเหยียดหยามแก้มใส
“ก็ไม่นี่....ถ้าเป็นแค่เด็กในบ้านอย่างยัยแก้ม แต่ถ้าเป็นอย่างอื่น....”
เลโอ ชกเปรี้ยงเข้าที่ใบหน้าของคนปากหมา หมัดเดียวถึงกับเซไปชนประตูห้องทำงาน ก่อนจะรูดกองกับพื้น
“อะไรกัน !” ท่านนายพลเปิดประตูออกมาเห็นสุดเขตนอนกองอยู่บนพื้น ใขขณะที่เลโอยืนกำหมัดแน่น ในตาวาวโรจน์
“ถามลูกชายคุณพ่อสิครับ” สุดเขตตอบ พร้อมกับมองเลโอด้วยสายตากล่าวหา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ถึงกับลงไม้ลงมือเชียวหรือ” ท่านนายพลหันมามองทางลูกชายสุดที่รัก
“แค่ทักทายกันครับคุณพ่อ” นายหัวหนุ่มตอบก่อนจะตวัดสายตามองคนที่กองอยู่กับพื้นแล้วเดินสะบัดออกจากตรงนั้นไป
สุดเขตมองตามหลังด้วยสายตาชิงชัง ก่อนจะปรับเปลี่ยนให้เป็นปกติ เมื่อท่านนายพล เข้ามาพยุงให้ลุกขึ้น และไถ่ถามด้วยความห่วงใย
นายหัวหนุ่มส่งข้อความบอกกับแก้มใส ว่าเสร็จธุระแล้วจะกลับมารับ ก่อนจะขับรถออกไปอย่างหัวเสีย ตั้งใจจะไปหาที่เงียบ ๆ ผ่อนคลายดับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน...ด้วยสภาพการจราจรของกรุงเทพฯ ไม่เอื้ออำนวยให้เขาขับรถได้เร็วนัก...ชายหนุ่มคิดทบทวนถึงเรื่องที่บิดาขอร้อง คิดถึงหน้านายสุดเขต ที่ดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจรวมทั้งคำพูดที่แสดงธาตุแท้ของมันอีก....หรือเขาจะต้องทบทวนเรื่องนี้เสียใหม่ …เลโอชั่งใจระหว่างจะยื่นมือเข้าไปจัดการหรือจะปล่อยไปแล้วไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก
ชายหนุ่มขับรถออกมาไกลพอที่จะหลุดพ้นจากสภาพการจราจรที่แออัด จึงได้เร่งความเร็วรถขึ้น แต่แล้ว เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เลโอพยายามประคองสติ บังคับรถลงข้างทาง เพื่อให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด
โครม.....เสียงรถยนต์คันหรู ชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง เสียงดังสนั่นหวั่นไหว....
บทที่ 8
“พี่เลโอขา เมื่อไหร่จะตื่นซะทีนะ” แก้มใสยืนเกาะอยู่ข้างเตียงคนเจ็บ หน้าตาเลอะมอมแมมไปด้วยคราบน้ำตาร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ
ก่อนหน้านี้แก้มใสตกใจแทบตายที่ได้รับข่าวร้ายว่า สามีประสบอุบัติเหตุรีบมาเฝ้ารออยู่หน้าห้องฉุกเฉินถึงแม้หมอจะบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ที่หลับอยู่นี่ก็เพราะฤทธิ์ยา แต่หล่อนก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ตราบใดที่เขายังไม่ลืมตาขึ้นมาคุยด้วย
“ยัยแก้ม พี่เลโอเขาไม่เป็นอะไรหรอก หมอก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ” คุณหญิงไม่รู้จะปลอบยังไงแล้ว จึงเปลี่ยนมาดุแทน
“แต่พี่เลโอยังไม่ฟื้นนี่คะ” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย ๆ เพราะรู้ว่าคุณหญิงเริ่มไม่พอใจ....โธ่ก็คนมันเสียใจนี่นา สามีทั้งคน
“เดี๋ยวหมดฤทธิ์ยา ก็ตื่นขึ้นมาเองแหละ”
“ค่ะ” แก้มใสรับคำอย่างเงื่องหงอย
“เรากลับกันก่อนไหมคะ คุณพี่จะได้พักผ่อน เดี๋ยวความดันขึ้นอีกนะคะ” คุณหญิงพูดกับสามีด้วยความเป็นห่วง เพราะคงอีกหลายชั่วโมงกว่าลูกชายของเขาจะตื่นขึ้นมา อย่างที่คุณหมอบอกเอาไว้
“อืม...เอาอย่างนั้นก็ได้...เดี๋ยวฉันให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้นะ” ท่านนายพลหันไปบอกกับแก้มใสเด็กที่เคยอุปการะ
“ขอบคุณค่ะ คุณท่าน”
“เรียกพ่อได้แล้ว เราน่ะเป็นลูกสะใภ้ของฉันแล้วนะ” ผู้สูงวัยบอกอย่างเอ็นดู
แก้มใสหันไปหาคุณหญิงที่พยักหน้าให้เชิงอนุญาต พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ”
“แล้วอย่าลืมเช็ดหน้า เช็ดตาด้วยล่ะ เดี๋ยวพี่เขาตื่นมาเห็นจะตกใจ ไม่รู้ว่าเมียหรือแมวกันแน่”
“คุณหญิงล้อแก้ม”
“ยังไม่เรียกแม่อีก เด็กคนนี้”
“ค่ะ คุณแม่”
