บทที่ 3
อลิสาปล่อยให้น้ำตาของตัวเองไหลพรากออกมาอีกยกใหญ่ หลังจากที่เธอไล่สายตาอ่านข้อความในจดหมายจนครบทุกตัวอักษร
“เรากับแม่ไม่เคยมองว่าอลินจะเป็นภาระเลยนะ… จะทำอะไรทำไมไม่ปรึกษากันก่อน” หญิงสาวตะโกนถาม ทั้งที่เธอรู้ดีแล้วว่าไม่มีทางจะได้คำตอบ ทว่าก่อนที่เธอจะปล่อยให้ตัวเองด่ำดิ่งอยู่กับความโศกเศร้า เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขัดขึ้นซะก่อน
“ว่าไงคะแม่ เคลียร์งานเสร็จแล้วหรอ”
(เสร็จแล้วลูก ตอนนี้แม่กำลังจะกลับไปจัดกระเป๋าที่บ้าน แล้วลูกไปที่บ้านนั้นมาเป็นยังไงบ้าง ป้าเนตรเขาไม่ได้ทำอะไรลูกใช่ไหม)
น้ำเสียงของคนปลายสายเต็มไปด้วยความเป็นห่วง อรนภารู้จักนิสัยของพี่สาวอดีตสามีดีว่ารายนั้นร้ายกาจแค่ไหน แถมยังมีนิสัยหวงสมบัติเข้าเส้นพ่วงมาอีก และการที่ลูกสาวอีกคนของเธอไปปรากฎตัวที่นั่น ไม่มีทางเด็ดขาดที่บ้านนั้นจะยอมเปิดประตูต้อนรับง่ายๆ
“ก็ปะทะฝีปากกันพอหอมปากหอมคอค่ะแม่ หนูไม่ใช่อลินนี่คะที่จะยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ เขาทำได้มากสุดก็แค่ตะโกนด่าปาวๆให้รู้สึกรำคาญหูเท่านั้นแหละ เพราะว่าวันนี้มีทนายไปด้วยค่ะ ถึงจะช่วยได้ไม่มาก แต่หนูก็ตอกกลับป้าเนตรด้วยกฎหมายเชียวนะคะ” เธอโอ้อวดกลั้วหัวเราะ เพื่อให้มารดาคลายกังวล
(ตายล่ะ แล้วแบบนี้เขาไม่ด่ามาถึงแม่แล้วหรอนั่น)
“แล้วแม่แคร์ด้วยหรอคะ” สาวเจ้าถาม พลางหัวเราะคิกคัก ราวกับว่าเธอรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
(ไม่ล่ะ เรื่องอะไรจะต้องแคร์)
“โอ้โห… แบบนี้สิคะคุณแม่คนสวยของหนู เอ้อ! แม่ถึงบ้านหรือยังคะ มีจดหมายจากมหาวิทยาลัยส่งมาบ้างหรือเปล่า” อลิสาถามขึ้น เมื่อเธอพึ่งนึกได้ว่าทางมหาวิทยาลัยจะส่งจดหมายมาที่บ้านวันนี้
(ถึงแล้ว… เอ๊ะ! มีจริงๆด้วย จดหมายอะไรหรอ)
“หนูดรอปเรียนเทอมนึงน่ะค่ะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกแม่ก่อน หนูอยากมาจัดการเรื่องของอลินให้เรียบร้อย แล้วก็อยากพักใจอีกสักเดือนสองเดือน แม่ไม่โกรธใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามมารดาอย่างรู้สึกผิด และเกรงว่าท่านจะโกรธที่เธอทำอะไรลงไปโดยไม่ปรึกษา
(เฮ้อ… เอาเถอะ แม่รู้ว่าลูกรักอลินมากแค่ไหน อีกอย่างเรียนหมอก็ยากจะตายไป ถ้าลูกกลายเป็นบ้า เพราะต้องแบกรับทั้งเรื่องที่บ้านกับเรื่องเรียนพร้อมกัน เห็นทีแม่คงจะแย่)
อรนภาบอกกลั้วหัวเราะ ทั้งที่ใบหน้าของท่านยังมีแววความโศกเศร้าฉายชัดอยู่
“แม่คะ หนูได้อ่านจดหมายของอลินแล้วนะ”
(จ๊ะ วันนี้ลูกต้องไปเป็นเจ้าภาพที่งานศพของอลินด้วยนี่นา เตรียมตัวตามที่แม่สั่งแล้วหรือยัง ถ้าเจอพวกป้าเนตรอีกก็ทำหูทวนลมไปนะ อย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้ใหญ่กลางงานเชียว อันนี้แม่ขอสั่งห้าม)
“คงไม่หรอกค่ะ หนูให้คุณทนายเขาบอกป้าเนตรแล้วว่าต่อจากนี้หนูจะเป็นเจ้าภาพเอง แม่กับเคทจะขึ้นเครื่องมากี่ทุ้มคะ”
(สี่ทุ้มจ๊ะ ยัยเคทเก็บของไว้รอแล้วเนี่ย ไม่รู้ว่าอยากไปลาอลินครั้งสุดท้าย หรือว่าอยากไปเที่ยวกันแน่)
(หนูอยากไปลาพี่อลินจริงๆนะคะ แม่พาไปแค่สองวันก็กลับแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปเที่ยวล่ะ)
เสียงใสของเคท หรือ คริษฐา น้องสาวต่างบิดาของเธอตะโกนแก้ตัวให้ได้ยิน ทำให้คนฟังหัวเราะตามมารดา และถือโอกาสขอท่านวางสาย เพื่อไปจัดการธุระทางนี้ต่อ
“งั้นเจอกันที่สนามบินพรุ่งนี้นะคะ หนูขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน”
(จ๊ะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ)
“ค่ะ รักแม่นะคะ”