บทที่ 6
บทที่ 6
แม่ของเขามีอาการป่วยที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดจากการที่เอาแต่ร้องไห้และอดอาหารทำให้คนในบ้านต่างพากันหวาดกลัวว่าแม่ของตัวเขาจะเป็นอะไรไปเหมือนธัญญ่าไปอีกคน ตัวของพ่อเขาเองก็มีสีหน้าวิตกกังวลเมื่อรู้ว่าภรรยาของตัวเองมีอาการป่วยเป็นโรคต่อมใจ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อถ้าภรรยาของเขาไม่หยุดคิดเรื่องนี้ภรรยาของเขาเองเขาเองก็ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากภรรยาของเขาไม่หยุดร้องไห้และอดอาหารแบบนี้
"คุณ วันนี้เป็นวันที่เราจะทำพิธีฝังศพของลูกเราแล้วนะ อย่าร้องไห้อีกเลยลูกจะได้ไปสบาย"
"ฉันทำใจไม่ได้ค่ะลูกของเราต้องมาตายไปแบบนี้ ฉันรับไม่ได้จริงๆ"
"แต่คุณต้องยอมรับเรื่องราวทั้งหมดให้ได้ถ้าคุณเป็นอะไรไปแล้วลูกของเราอีกคนจะอยู่ยังไงทะเลจะต้องเสียใจขนาดไหนที่ต้องสูญเสียน้องสาวและแม่ของตัวเองไปอย่าให้ลูกต้องเสียใจไปมากกว่านี้เลยนะทำใจซะบ้างเถอะ"
"ค่ะ ฉันจะพยายาม"
พิธีฝังศพแบบคริสต์ พวกเราได้เชิญบาทหลวงมาทำพิธีเพื่อนำร่างไปฝังที่สุสานบาทหลวงได้ทำพิธีส่งวิญญาณและอำลาผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับพรมน้ำมนต์และถวายกัมมะยานหลุมศพของธัญญ่า จากนั้นเขาก็นำศพของฉันยาลงหลุม ตัวของบาทหลวงเอง เป็นผู้กล่าวนำทางให้ผู้เสียชีวิตออกจากโรงศพไปหาพระเจ้า
พวกเขาวางพวงหรีดและก็พรมน้ำเสก 1 ครั้งกล่าวอธิษฐานขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติและกล่าวอโหสิกรรมและทำความเคารพด้วยการคำนับ ส่วนสุดท้ายบาทหลวงทำพิธีเสร็จแล้วก็วางก้อนห่อกระดาษและดอกไม้เอาไว้หลังจากพิธีฝังศพของธัญญ่าแล้ว ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันกลับบ้านโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่ามีอีกคนนึงที่ยืนมองอยู่ที่ไกลๆก่อนที่ทุกคนจะจากไปหมด เธอก็ได้เข้ามาทำความเคารพศพของธัญญ่า
"ขอโทษนะที่มาช้า ฉันเองก็อยากร่วมทำพิธีพร้อมกับทุกคนตั้งแต่เริ่มแรกแต่แม่ของเธอไม่อยากให้ฉันมาร่วมงานเพราะฉันคือต้นเหตุแต่ก็ไม่เป็นไร ฉันยังโอเค ฉันจะก้าวต่อไป"
"เธออยู่ที่นู่นก็ดูแลตัวเองดีๆอย่าทำให้ฉันเป็นห่วงฉันอยู่ที่นี่ฉันก็จะดูแลตัวเองเหมือนกันขอบคุณนะที่ไม่เคยทิ้งฉัน วันนั้นก็เหมือนกัน ที่เธอต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะมาหาฉันฉันรู้สึกผิด แต่ฉันขอสัญญาว่าฉันจะอยู่ต่อไปเพื่อเธอ"
"ถ้าคนอื่นเห็นก็คงคิดว่าฉันเป็นป้าที่มานั่งพูดคุยกับเธอที่รู้สึกแบบนี้มันไม่มีอีกแล้วใช่ไหมที่เราจะได้คุยกันอีก ฉันอยากขอโทษและขอบคุณเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉันดอกไม้นี้เป็นดอกไม้ที่เธอชอบกุหลาบสีขาวที่เธอโปรดปรานฉันจัดเองกับมือเพื่อให้กับเธอ"
"เธอกับลูกในท้องต้องดูแลตัวเองให้ดีๆอย่าทำให้ตัวเองต้องเจ็บป่วยต้องดูแลตัวเอง ให้ดีๆนะฉันเป็นห่วงฉันจะมาเยี่ยมเธอทุกๆเดือนหากมีวาสนา เราอาจจะได้เกิดชาติหน้ามารู้จักกันอีกฉันอยู่ที่นี่นานไม่ได้ เพราะฉันกลัวว่าพ่อกับแม่ของเธอจะเห็นแต่ฉันก็มีเรื่องราวมากมายที่อยากจะบอกเธอมากๆแต่ก็ไม่อาจทำได้ขอโทษจริงๆ"
"ฉันพูดว่านานจนเกินไปแล้วฉันต้องกลับบ้านแล้ว ฉันขอบคุณเธอ ที่ตลอดเวลาเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉันฉันรักเธอนะธัญญ่า อยู่อย่างมีความสุขและไปอย่างสบายนะฉันจะก้าวเดินต่อไปเพื่อตัวของเธอเอง"
พายยังไม่ทันได้ก้าวเดินออกไปจากหลุมศพที่ถูกฝังใหม่ๆเลยก็พบเจอกับแม่ของธัญญ่าที่มาเจอพอดี ก่อนที่ตัวของเธอจะรีบวิ่งหนีออกมาเพราะไม่ต้องการที่จะพบเจอกับใครที่เป็นคนรู้จัก เพราะใจของเธอไม่อาจที่จะมองหน้าปกเขาได้อย่างสนิทใจอีกต่อไปเธอดูเหมือนกลายเป็นผู้หญิงซะเร็วคนนึงที่ทำให้ผู้มีพระคุณต้องเสียแก้วตาดวงใจ ไปแบบไม่มีวันได้กลับมาพบเจอกันอีกเธอรู้สึกผิดจึงรีบมีออกมา
เธอมองพวกเขาก่อนหน้านี้ที่พากันร้องไห้ตอนที่ฝังศพความเสียใจ ที่ไม่ได้มีแต่ตัวของเธอรับรู้และเป็นอยู่แต่ตัวเธอเอง ก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดของครอบครัวที่ต้องเสียใจต่อการจากไปของธัญญ่าและเธอเองก็รู้ว่าครอบครัวของธัญญ่าเองตามรับเรื่องนี้ไม่ได้ และไม่อาจจะรับมือกับเรื่องนี้ได้เช่นเดียวกัน
ตำรวจเร่งสืบหาคนร้ายที่ชนแล้วหนีคนนั้น ที่เป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นมาเพื่อต้องการให้คนผิดได้รับโทษเมื่อการค้นหาอย่างยากลำบากของตำรวจ ในที่สุด ตำรวจก็จับคนร้ายได้ และได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ละแวกนั้นตัวของเธอเองก็ไม่รู้ว่ากล้องวงจรปิดนี้ติดอยู่ที่นั่นด้วยเป็นบ้านของเศรษฐีคนหนึ่งที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้เขาติดกล้องวงจรปิดตั้งแต่เมื่อไหร่แต่เพราะมีใบไม้มาบังและอยู่ไกลทำให้เห็นภาพไม่ค่อยชัด แต่ตอนนั้นก็ 2:00 น เกือบ 3:00 น แล้วเพราะไม่มีไฟที่เข้าถึงตรงนั้นและ มันค่อนข้างที่จะมืดมาก จึงทำให้มองเห็นป้ายทะเบียนไม่ชัดตำรวจจึงค้นหาได้ยากแต่ความพยายามของตำรวจก็จับตัวคนร้ายได้จนผ่านมา 2 วัน การไต่สวนเรื่องราวทั้งหมดอยู่ในความดูแลและควบคุมของครอบครัวธัญญ่า
เธอเองก็ได้ยินมาว่าตัวของพี่ชายธัญญ่าก็กลับมา แล้วเช่นเดียวกัน เธอไม่กล้าที่จะไปพบหน้าใครกลัวว่าตัวของเธอจะสร้างปัญหาให้กับใครอีกเธอก็เอาแต่ทำงานโดยไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรอีกนอกจากได้ยินข่าวลือแว่วๆมาเท่านั้น เพราะลุงสมเป็นคนมาหาเธอและเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟัง นานๆทีลุงสมจะมาสักครั้ง ลุงสมเองก็เข้าใจดีว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำร้ายธัญญ่าเพราะลุงสมรู้ว่าเธอกับฉันหญ้าเป็นเพื่อนสนิทกัน รุมโทรมจัดหนักเอาเรื่องดาวที่อยู่ในบ้านของธัญญ่ามาพูดกับเธอให้เธอรู้เรื่องอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายเพราะลุงสมเป็นห่วงเธอ
"ขอบคุณคุณลุงมากนะคะที่เป็นห่วงหนู"
"ลุงดีใจที่หนูไม่เป็นอะไรแต่ก็เสียใจที่คุณหนูธัญญ่าต้องเสียไปแบบนี้ แต่หนูอย่าโทษตัวเองเลยนะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว"
"ค่ะหนูก้าวเดินต่อมาได้และขนาดนี้ก็ไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงให้ใครต้องเสียใจอีก"
"เก็บชีวิตของตนเองให้ดีอย่าให้ใครได้พลาดไปอีกเข้าใจไหมลุงต้องกลับไปทำงานแล้วถ้ามีเรื่องอะไรลุงจะโทรมาบอก ลุงเห็นหนูเหมือนลูกลุงจึงอยากช่วยเหลือหนูให้ดีที่สุด"
"ขอบคุณนะคะ คุณลุงกลับไปทำงานเถอะค่ะ หนูไม่เป็นอะไรขอบคุณคุณลุงมากนะคะ"
"จำเอาไว้นะชีวิตของคนเรามีค่าในเมื่อมีโอกาสได้ใช้ชีวิตต่อไปก็เก็บชีวิตตัวเองให้ดีที่สุดอย่าทำให้มันเกิดอะไรขึ้นแบบนี้อีกนะ"
"ค่ะหนูจะจำเอาไว้"
ลุงสมขับรถออกไปแล้วตัวของเธอเองก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงาน เธอมีอาการเป็นโรคซึมเศร้าเพราะก่อนหน้านี้ตัวของเธอเฝ้าแต่โทษตัวเองเกี่ยวกับเรื่องราวการจากไปของเพื่อนรัก จึงทำให้มีอาการผิดปกติทางจิตใจเธอต้องรักษาสุขภาพจิตของตัวเองรักษาโรคซึมเศร้าของเธอ อยู่ตลอดเวลาเพราะเธอไม่ต้องการให้เธอในอนาคต ต้องกลายเป็นบ้าและฆ่าตัวตาย เหมือนในข่าวที่ออกมา
"รู้สึกว่าครั้งนี้เธอเปลี่ยนไปเยอะเลยนะมีอะไร ที่ทำให้มีความสุขแบบนี้ล่ะ"
"วันนี้พายได้ย้ายบ้าน ไปอยู่บ้านใหม่ที่พี่แนะนำแล้วนะคะ"
"เป็นไงที่นั่นน่ะที่พี่แนะนำโอเคไหม"
"สวยมากเลยค่ะเป็นห้องเช่าที่ดีมากเลย"
"เรียกซะน่าเกลียดเชียวเขาเรียกว่าอพาร์ทเม้นท์จ้ะ"
"โอเคค่ะ ว่าแต่วันนี้ทำไมถึงรีบมาล่ะคะ มีอะไรที่น่าตื่นเต้นมากเลยหรอ"
"ก็มีนะแต่ก็ไม่บอกหรอก บอกก็ได้ทำหน้าละห้อยเชี่ยววันนี้พี่จะมาบอกข่าวดีก็ได้ยิปซีลาออกไปแล้วนะจ๊ะ"
"อ้าวทำไมหรอคะ"
"ตอนที่เธอหยุดไปรักษาตัวพี่ก็ดูแลงานให้ใช่ไหมวันนั้นน่ะ ยัยยิปซีก็มาที่ร้าน มาขอลาออกท้องก็โต ตามเนื้อตัวก็มีแต่รอยถูกทำร้ายน่าจะเพราะความหึงหวงจากแฟนมันละมั้งจึงทำให้ต้องลาออกจากงาน"
"ถ้าท้องโตขนาดนั้นทำไมสามีถึงยอมให้ลาออกล่ะคะ จะมีเงินใช้ตอนคลอดหรอ"
"คงจะถูกบังคับนั่นแหละจะให้ทำยังไงได้ล่ะมันอยู่ที่นี่นะมันก็ไปนอนกับลูกค้าอยู่ไปบ่อยๆ ใครรวยมันก็ไปนอนด้วยแฟนของมันคงไม่พอใจนั่นแหละเลยให้มาลาออกมันลาออกไปก็ดีจะได้ไม่มีใครมาทำให้ปวดหัว"
"แต่เขาก็ร้องเพลงดีนะคะ จะหานักร้องที่ไหนมาร้องแทน"
"พี่หานักร้องมาแทนให้แล้ว ได้คนมาตั้งแต่เมื่อวาน"
"อย่างนี้นี่เองวางแผนเอาไว้แล้วเพิ่งมาบอกด้วย"
"ก็ไม่อยากให้เครียดเพราะ เธอเองก็ต้องไปรักษาตัวถูกกระทำมาเยอะดูแลตัวเองให้มันดีๆหน่อยนะ"
"ค่ะ ดีใจจังที่พี่แคทให้กำลังใจแบบนี้ชื่นใจยังไงไม่รู้"
"อย่านะจ๊ะเห็นฉันเหมือนทอมฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงนะฉันชอบผู้ชาย อย่ามาคิดชอบฉันนะ"
"ดูพูดเข้าจริตจะก้านนี่ดูตลกมากเลยนะเนี่ย"
"เดี๋ยวเถอะ ถ้าฉันมีสามีรวยนะฉันจะเอามาอวดเธอคนแรกเลย"
"ค่ะแล้วภายจะคอยดูอยากได้เมียก็แล้วกัน"
"พูดอะไรแบบนั้นน่าเกลียดใครจะเอาเมียไม่เอาหรอกจ้ะ"
"ไว้ผมยาวก็น่ารักนะทำไมไม่ไหวล่ะคะ"
"มันร้อนพี่รำคาญตัดผมสั้นนี่แหละอีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ตัดผมทรงที่ผู้หญิงที่เป็นทอมทำสักหน่อยพี่แค่ตัดสั้นกว่าผู้หญิงปกติเท่านั้นเองยังไงพี่ก็เป็นผู้หญิงยังชอบผู้ชายอยู่"
"งั้นขอตัวไปตรวจบัญชีก่อนนะคะแล้วก็ถ้าทุกคนมาถึงที่ทำงานแล้ว เรียกมาพบพายด้วยนะคะมีเรื่องจะแจ้งเขา"
"ได้เลยค่ะเจ้านาย"
"ค่ะคุณผู้จัดการ"
นี่เป็นรอยยิ้มแรกในรอบเดือนที่เธอยิ้มอย่างมีความสุขการกลับมาและก้าวเดินต่อไปของเธอนับว่าคุ้มค่าที่สุดแล้วเธอได้ยิ้มออกมาแล้วหัวเราะออกมาหลังจากที่ออกจากบ้านและใช้ชีวิตตามอิสระของตนเอง โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครทำร้ายอีก
หลังจากที่ลูกน้องของเธอมาที่ทำงานจนครบแล้วเธอก็เรียกลูกน้องของเธอเข้ามาในห้องทำงานมีอยู่ประมาณ 20 คนก่อนที่เธอจะบอกข่าวดีกับพวกเขา
"หลังจากที่ทุกคนเหนื่อยมามากแล้วและยอดขายของเดือนนี้พุ่งสูงขึ้นมากกว่าปกติอยู่ 60% จึงมีการเพิ่มเงินเดือนให้กับทุกคนที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งเดือนโดยจะมีการโอนเงินให้กับทุกคนนะคะที่เปิดบัญชีกับทางร้านของเรา โดยไม่มีการให้เงินสดอีกเพราะครั้งก่อนเกือบไม่ได้เงินมาและหลังจากที่มอบเงินเดือนให้กับทุกคนแล้วจะมีงานเลี้ยงให้กับทุกคนค่ะ"
"เย้เจ้านายใจดีที่สุดเลย"
"เจ้านายคะเจ้านายอยากจะเลี้ยงอะไรพวกเราคะ"
"ชาบูหมูกะทะไหม"
"นั่นมันของนิยมของพวกอะไรค่ะขอบคุณมากนะคะเจ้านาย"
เสียงโห่ร้องดีใจของพวกเขา ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากขึ้นไปอีกครั้ง หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้รับเงินเดือนวันนี้ยังไม่ได้เปิดร้านและพาทุกคนไปที่ร้านชาบูหมูกระทะเลี้ยงพวกเขาให้เต็มอิ่มหลังจากที่โหมงานหนักมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาจนยอดขายในร้านและลูกค้าเพิ่มมากขึ้นทำให้ร้านขอองเธอ มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ
"เอาล่ะขอบคุณทุกคนที่ทำงานหนักนะคะทั้งนี้ภายขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงทุกคนเชิญกินให้ตามสบายอย่าได้เกรงใจกันนะคะ"
"ขอบคุณมากนะคะเจ้านายที่มาเลี้ยงพวกเราแบบนี้"
"ต้องขอบคุณทุกคนนะคะที่ทำงานเพื่อร้านของพวกเรา ใครเดือดร้อนเรื่องอะไรให้ปรึกษาพี่แคปได้ตลอดเวลาเพราะพี่แคทชื่อผู้จัดการของร้านและเป็นบาร์เทนเดอร์ของพวกเรามีอะไรปรึกษาเขาได้เลยค่ะ"
"ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นเจ้านายมาที่ทำงานเลยเจ้านายไปไหนหรอคะ"
"อ๋อ พายไม่ค่อยสบายค่ะพายายไปโรงพยาบาลมา"
"ช่วงนี้อากาศแย่นิดหน่อยนะคะดูแลตัวเองด้วยเป็นห่วงนะคะ"
"ใช่ครับพวกเราเป็นห่วงเจ้านายมากไม่อย่างนั้นนะเราไม่มีกะจิตกะใจทำงานแน่นอนเลย"
"ได้เลยค่ะ พายจะตั้งใจดูแลตัวเองให้ดีที่สุดค่ะทุกคนเรามากินชาบูและหมูกะทะกันเถอะค่ะ"
คล้อยหลังพวกเขาไปตัวของเธอกับแคทผู้จัดการร้านก็มานั่งที่โต๊ะของพวกเธอทั้งสองคนเองพวกเธอแยกจากทุกคนเขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวนการทานอาหารของพวกเธอ ก่อนที่แคทผู้จัดการร้านจะพูดขึ้น
"เห็นไหมยังมีคนเป็นกังวลเรื่องเธอเป็นไงรู้สึกสบายใจขึ้นไว้"
"สบายใจมากเลยค่ะ ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะมีความสุขอะไรอีกแต่พอได้เห็นพวกเขายิ้มอย่างมีความสุขรู้สึกสบายใจยังไงไม่รู้ค่ะ"
"แต่ก่อนตอนที่เธอทำงานเป็นลูกจ้างทำงานไม่ค่อยมีเวลาให้กับทุกคน จึงทำให้พวกเธอพวกเธอไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ แต่ในครั้งนี้มีโอกาสก็เป็นเพื่อนที่ดีก็เป็นเถอะดีไหม"
"ดีค่ะ อย่างน้อยจะได้ไม่เหงาด้วย"
"ใช่ไหมล่ะมีเพื่อนน่ะจะได้ไม่เหงา ไม่ต้องเศร้าใจเวลาคิดอะไรไม่ออกก็ยังมีเพื่อนอยู่"
"ก็จริงนะคะอย่างน้อยก็มีที่ปรึกษาไว้คุยไว้ระบายความในใจที่อึดอัด"
เธอนั่งกินหมูกะทะกับเพื่อนคนอื่นๆในร้านกันอย่างมีความสุขจนกระทั่งแคทได้พูดขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องตอนที่เธอไปรักษาตัว แคทเป็นคนบอกว่าแม่ของเธอมาหาฉันที่ทำงาน เพื่อที่จะขอเงินเธอแต่แคทก็รู้ว่าขอไปภายจะไม่ได้เงินแน่นอนจึงบอกว่าขายไม่ได้มาทำงานเดือนนี้ไม่มีเงินก็ไม่มีใครรู้นอกจากพวกเขาที่รู้ว่าพายเป็นเจ้าของร้านแทนพัตเตอร์ที่เสียชีวิตไป
"แม่ของพายมาหาที่ร้านเพื่อมาขอเงิน แต่พี่ก็บอกกับแม่ของเธอไปแล้วนะว่าเธอไม่ได้มาทำงานเลยเดือนนี้ทำให้เธอไม่มีเงินเดือน"
"ดีแล้วล่ะค่ะ แม่จะได้เลิกสร้างปัญหาให้ภายตามไปใช้หนี้ให้เขาครั้งก่อนก็เป็นหนี้อยู่ที่บ่อนเสียเงินไป 200,000 บาทเพื่อที่จะใช้หนี้ให้กับแม่ ทั้งนี้ภายไม่อยากให้แม่ต้องใช้เงินเปลืองอีกฝ่ายจะดัดนิสัยพวกเขาให้ใช้เงินพอประมาณ"
"แม่ของเธออ้างเรื่องของพ่อเธอที่จะผ่าตัด"
"พายติดต่อหมอไว้แล้วค่ะ ทางโรงพยาบาลถ้ามีการผ่าตัดพ่อของพายก็จะถูกแจ้งยอดหนี้จากทางโรงพยาบาลแล้วส่งให้พายเองและพายจะเป็นคนไปจ่ายเงินเองค่ะ"
"ที่แท้ก็ดีลกับโรงพยาบาลไว้เรียบร้อยแล้ว"
"ใช่ค่ะเพราะไม่อยาก ให้เกิดเรื่องราวเหมือนครั้งที่แล้วที่บอกว่าจะเอาเงินไปให้พ่อผ่าตัดแต่แม่ก็เอาไปเล่นไพ่เล่นการพนันจนหมดพายจึงวางแผนเอาไว้"
"แม่ของเธอนี่ฉลาดจริงๆเลยนะ หลอกลูกเพื่อจะเอาเงินอยู่ตลอดเวลา"
"ใช่เลยค่ะแม่ของใครฉลาดมากแต่คนที่ฉลาดกว่าแม่ของพายก็แพมน้องของพายนี่แหละ"
"เด็กคนนั้นอายุน้อยกว่าเธอ 2 ปีแต่ไม่เห็นทำงานทำการเหมือนเธอเลย"
"นางฟ้าตัวน้อยของคุณแม่แล้วค่ะทำงานไม่เป็นหรอก"
"แรงมากเอาดีๆนี่พี่ก็งงนะว่าให้พายทำงานหาเลี้ยงครอบครัวทั้ง 3 ชีวิตพ่อกับแม่ก็ว่าไปอย่างแต่ต้องเลี้ยงน้องที่โตแล้วแบบนี้น่าปวดหัวจริงๆด้วย"
"เวลาพายถูกแม่ตีก็เกิดจากน้องนี่แหละ ที่เป็นคนยุยงให้ตัวของพายถูกตี"
"แต่ฉันว่าเธอไม่ยอมก็ว่าไปอย่างที่หลังก็อย่ายอมเขามาก"
"ไม่ยอมแล้วค่ะ หมดเวลาขูดเลือดเนื้อกันแล้ว"
"อยากให้น้องโตขึ้นมาแล้วมีประสิทธิภาพในการทำงาน มากกว่ามาขอเงินใช้โดยที่ไม่เคยทำอะไรเลยแบบนี้"
"อีกอย่างหนึ่งนิสัยพวกนี้เป็นเพราะถูกปลูกฝังมาจึงมีนิสัยแบบนี้เป็นเรื่องปกติแล้วธรรมดาค่ะ"
"เธอก็ระวังน้องสาวของเธอดีๆก็แล้วกันอย่าให้มันป่วนมากนัก"
"ทราบแล้วค่ะ"
"รีบกินเถอะ กระทะจะไหม้ไปหมดแล้วมั้งเนี่ย"
"พี่แคทขี้บ่นจริงๆ"
"เพราะใครล่ะที่โยนงานให้ทำแบบนี้"
"โอ้ๆไม่โกรธนะคะ เดี๋ยวจะเพิ่มเงินเดือนให้นะดีไหมเอ่ย"
"ทำตัวเป็นเด็กไปได้"
"ก็พายยังเป็นเด็กอยู่นะคะ"
2 วันต่อมา
อีกด้านหนึ่งที่ภูเก็ตตัวของทะเลก็มุ่งมั่นหาหลักฐานจนกระทั่งเขาได้รับหลักฐานชั้นดี ที่จะเอาผิดไม่สิต้องบอกว่าเขาได้หลักฐานคนกระทำผิดและเขาก็มีโอกาสได้ทรมานคนคนนั้นก่อนที่จะส่งตัวให้กับตำรวจ เลขาของเขาระดมสมองมากมายเพื่อตามหาคนร้ายในครั้งนี้ และในที่สุดเขาก็ได้หลักฐานชิ้นสำคัญก็คือกล้องวงจรปิด ที่อยู่หน้าบ้านของเศรษฐีคนหนึ่งอยู่ในละแวกนั้นแม้ว่าจะมีใบไม้ปกคลุม แต่ก็ไม่อาจที่จะปิดบังเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้
"รูปภาพบ่งชี้ว่าคนที่ทำร้ายคุณหนูธัญญ่า ก็คือเพื่อนของเธอแต่เราไม่มีหลักฐานเพราะบนตัวของคุณหนูธัญญ่าไม่มีรอยนิ้วมืออะไรเลยนอกจากรอยที่ถูกจับลักษณะเหมือถูกแบก"
"แค่นี้ก็พอหลักฐานพวกนี้จะมีความสำคัญอะไรนอกเสียจากเรารู้ว่าใครเป็นคนทำและเป็นต้นเหตุ"
"เจ้านายจะจัดการกับเธอยังไงครับ"
"ที่แท้ผู้หญิงในบาร์คนนั้น ก็คือเพื่อนของธัญญ่าเสียดายจริงๆ ตอนนั้นฉันไม่น่าปล่อยเธอไปเลยจริงๆ"
"เจ้านายครับ ผมว่าเรื่องนี้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการ..."
"ไม่ต้อง! เรื่องนี้นายเก็บเงียบเอาไว้ห้ามบอกใครเป็นอันขาดไม่อย่างนั้นนายจะเป็นคนแรกที่ถูกไล่ออก!"
"ผมทราบแล้วครับเจ้านาย"
"สิ่งที่นายทำได้ก็คือเฝ้าจับตาดูผู้หญิงคนนี้เอาไว้อย่าให้ผู้หญิงคนนี้รู้ตัวว่าฉันจะทำอะไรเธอ"
"เจ้านายครับ ผมไม่คิดว่าเจ้านายจะทำ..."
"เรื่องทรมานผู้หญิงเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวในเมื่อฉันต้องเสียหลานของฉันไปฉันก็จะทำให้ผู้หญิงคนนี้ท้องกับฉันและก็ต้องเสีย ลูกของเธอไปให้กับฉัน"
"เจ้านายคิดว่าเรื่องนี้มันดีแล้วหรอครับ"
"ดีสิ อย่างน้อยก็ให้มันดูถึงความทรมานการที่มันติดคุกมันเป็นเรื่องง่าย แต่การที่มันเจ็บปวดเสียใจตลอดชีวิตเป็นเรื่องแค่ทรมานยิ่งกว่า"
"..."
"ส่วนนายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพียงแค่จับตาดูเธอเท่านั้นเองส่วนฉันจะลงมือเอง"
"ครับผมทราบแล้ว"