บทที่ 4
บทที่ 4
(ทะเล)
ผมชื่อทะเลเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวพ่อและแม่ของผมเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้กับผมเลย จึงทำให้ตัวของผมไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นเท่าไหร่นัก คนแรกในชีวิตที่ผมยอมแตะเนื้อตัวของเธอก็คือ ธัญญ่าน้องสาวของผม เธอนั้นห่างจากผมถึงเจ็ดปี เธอน่ารักกว่าเด็กผู้หญิงทุกคนทำให้ในใจของผมรักน้องสาวคนนี้มากกว่าพ่อและแม่ซะอีก แต่พอผมอายุได้สิบขวบผมก็ไปอยู่ต่างประเทศเพราะครอบครัวของผมเขาอยากให้ผมได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของตัวเองผมไม่เคยต้องการที่จะไปจากบ้านเกิดเลยสักครั้งแต่เป็นเพราะครอบครัว ผมจึงต้องไปน้องสาววัยสามขวบของผมมองผมด้วยแววตากลมโตผมแอบใจหวิวขึ้นมาเพราะอยากอยู่กับน้องสาวที่น่ารักของผมสุดท้ายจำต้องปล่อยมือจากน้องสาวตัวน้อยของผมไป
"พี่คะ ธัญญ่ามีเพื่อนแล้วนะ"
"ใครหรอ"
"เขาชื่อพายน่ารักมากและน่าสงสารมากเลยค่ะ"
"ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ"
"แม่ของพายชอบทำร้ายร่างกายพาย ธัญญ่าก็อยากช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยยังไงดี"
"ธัญญ่า นั้นเป็นเรื่องของครอบครัวของพวกเขาเราคนนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้หรอกนะ"
"นั้นสินะคะ พี่ทะเลจะกลับมาที่ไทยตอนไหนคะธัญญ่าอยากเจอพี่"
"เราก็คุยกันเกือบทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับคนสวย"
"พี่ทะเลอย่ามีแฟนนะคะ เพราะธัญญ่าจะให้พี่ทะเลเป็นแฟนกับพายเพื่อนธัญญ่า"
"ครับๆเอางั้นก็ได้งั้นตอนนี้ธัญญ่านอนได้แล้วนะครับพี่จะต้องเข้าไปดูงานที่บริษัทของคุณพ่ออีก"
"ได้ค่ะ รักพี่ทะเลนะคะ"
"พี่ก็รักธัญญ่าค่ะคนสวยของพี่ฝันดีนะครับ"
"ฝันดีค่ะ"
การที่ผมกับน้องสาวห่างหายกันไปหลายปีจนถึงวันที่น้องสาวเรียนจนจบม.ปลายและน้องมาหาผมที่อยู่ต่างประเทศทำให้เราสองพี่น้องได้เจอกันแต่เพียงไม่นานน้องก็ต้องกลับไทยอีกครั้งผมอยากมีเวลาอยู่กับน้องให้มากกว่านี้แต่สุดท้ายภาระหน้าที่ก็ไม่อาจละทิ้งไปได้จนวันเวลาผ่านไปสามปีผมถูกย้ายมาทำงานที่ภูเก็ตดูแลธุรกิจที่นั้น อย่างน้อยตอนนี้ปมกับน้องก็อยู่ใกล้กันมากขึ้นแต่ผมคงคิดผิดเพราะน้องของผมบินไปต่างประเทศซะงั้นทำเอาผมไปไม่เป็นเลยเมื่อรู้ว่าน้องสาวบินไปอยู่กับแฟนที่เรียนหมออยู่ที่ต่างประเทศ เหอะ ผมกลายเป็นตัวตลกไปซะแล้ว
การอยู่ที่ภูเก็ตก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ปมอยู่มาเป็นเดือนกว่าแล้ว และอยากกลับบ้านไปหาคุณพ่อกับคุณแม่บ้างจึงเดินทางกลับบ้านที่อยู่กรุงเทพฯวันนั้นจำไม่ได้แล้วว่าวันไหนแต่ที่จำได้แม่นเลยก็คือผมปวดฉี่มากแถวที่ผมผ่านไม่มีห้องน้ำเลยผมจำเป็นที่ต้องเดินหลบไปฉี่ที่ป่าข้างทางแต่เสียงที่รบกวนการทำธุระของผมก็ดังขึ้น
"จะรีบไปไหนเห็นเดินคนเดียวให้พี่ไปส่งไหม"
เสียงอันน่ารำคาญของผู้ชายดูท่าทางเถื่อนๆเอ่ยขึ้นกับผู้หญิงตัวเล็กที่ถือกระเปล่าแนบอกของตัวเองอย่าบอกนะพวกเขาจะปล้นผู้หญิงคนนี้ ผมที่ทำธุระยังไม่เสร็จก็ยังไม่ออกไปช่วยเพราะตอนแรกคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองแต่พอทำธุระเสร็จเท่านั้นแหละก็ได้ยินเสียงผู้ชายอีกคนดังตามมา
"ไม่เป็นไรค่ะอยู่ใกล้แค่นี้ ไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว"
"จะพูดมากทำไมวะ เรามาปล้นมันนะเว้ย จับตัวมันสิวะตัวเล็กแค่นี้เอง!"
"พวกพี่จะทำอะไร! ปล่อยฉันนะ แถวนี้มีตำรวจมาตรวจบ่อยๆพี่ไม่กลัวโดนจับหรือไง"
"มั่วแต่กลัวตำรวจกูก็อดตายสิวะ เฮ้ยพวกมึงจับมันเอาไว้หุ่นก็ดีอยู่หรอกแต่หน้าตาไม่ค่อยถูกใจเลยว่ะ"
"ลูกพี่จะข่มขืนมันด้วยมั้ย"
"ไม่เอาหรอกว่ะ หน้าตาอย่างนี้ไม่มีอารามณ์ปล้นแค่เงินมันก็พอ"
"ครับลูกพี่"
"ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วยฉันโดนโจรปล้นค่ะ ช่วยฉันด้วยค่ะใครก็ได้ช่วยฉันที!"
"หุบปาก!!!"
"ช่วยด้วย! โอ๊ย!!"
ผมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผู้ชายคนนั้นลงมือทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นแทนที่จะรีบหนีกลับยอมโดนผู้ชายหลายคนรุมทำร้ายเพราะกระเป๋าเงินใบเดียวเนี่ยนะ ไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลยหรือไงกันผมพุ่งออกไปช่วยเธอในทันที ทำให้ผมประทะกับโจรดระจอกหน้าตัวเมียรังแกคนอ่อนแอไม่มีทางสู้เมื่อรู้ว่ามันสู้ผมไม่ได้มันก็รีบหนีไป
ผั๊วะๆ!!
ผั๊วะ!!!!!
ผมมองเธอนอนกอดกระเป๋าที่ทำเหมือนสิ่งนี้สำคัญกว่าตัวเองซะเหลือเกิน ผมไม่ชอบคนนิสัยแบบนี้เลยสักนิดดูอ่อนแอจนน่ารำคาญ เธอนอนอยู่นานจนผมถามเธอออกไปด้วยน้ำเสียงติดรำคาญใส่เธอ
"เธอจะนอนอีกนานไหม ลุกขึ้นมาสักทีจะรอให้มันกลับมาปล้นอีกหรือไง"
"ฉันเจ็บค่ะ จึงลุกไม่ไหวคุณจะมาปล้นฉันอีกคนใช่ไหมคะ"
"ใครจะปล้นเธอ ฉันแค่สงสารจึงเข้ามาช่วยเท่านั้นเอง"
"คุณช่วยฉันไว้ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ"
"สมัยนี้ใครเขาจะไปเบิกเงินที่ธนาคารถือเงินเป็นแสนแสนมาเดินแถวนี้ให้คนมาปล้นกัน"
"ไม่ทำไม่ได้หรอกค่ะเพราะถึงยังไงถ้าฉันโอนเงินให้กับพวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่พอใจฉัน"
"ไม่พอใจได้ยังไง การโอนเงินมันก็ยังมีสลิปเงินอีกอย่างเธอก็จะได้รู้อีกว่าใครที่เธอโอนไปให้แล้วบ้าง จะได้ไม่โดนโกง เธอเป็นเจ้านายหรือว่าเป็นลูกน้องกันแน่เนี่ยถึงได้โง่แบบนี้"
"ฉันเป็นแค่พนักงานในร้านที่เจ้านายให้ฉันเข้าไป เบิกเงินเท่านั้นเองค่ะ"
"เจ้านายของเธอนี่มันแย่จริงๆมาเดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่ร้านเอง"
"ไม่ต้องก็ได้ค่ะ"
"ยังจะทำอวดเก่งอีก อยากโดนมันฉุดไปอีกหรือไง ครั้งนี้มันอาจจะฆ่าเธอเพื่อปิดปากก็ได้โดนพวกนี้มันยิ่งชั่วๆกันอยู่ด้วย"
"คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งคะ"
"เธอนี่มันอ่อนต่อโลกจริงๆ เธอจะไปอยู่สังคมแบบพวกนี้ได้ยังไง หากเธอใจดีและคิดปัญญาอ่อนแบบนี้อีก เดินมาเดี๋ยวฉันไปส่งร้านเธออยู่ที่ไหน"
"อีก 200 เมตรก็ถึงแล้ว"
"ไกลขนาดนี้ไม่ขับรถมาล่ะ"
"ฉันขับรถไม่เป็นค่ะ อีกอย่างก็เกรงใจคนในร้านด้วย"
"เบื่อคนดีอย่างเธอจริงๆ"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ"
"ซื่อบื้อชมัด"
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยฉันเอาไว้"
"เลิกขอบคุณเถอะ ทำแผลด้วยแล้วกันโดนผู้ชายสามสี่คนรุมทำร้ายน่าจะช้ำในมากอยู่เอาเถอะอย่าลืมทำแผลก็แล้วกัน"
"ขอบคุณ..."
ผมเบื่อคำขอบคุณของเธอแล้วล่ะไปดีกว่าอยู่นานกว่านี้เธอคงจะขอบคุณผมอีกแน่ ช่างเถอะคนแบบนี้อย่าสนใจดีกว่า เมื่อคิดแบบนั้นผทก็เดินกลับไปทางเดิมที่ผ่านมาโทร.หาไม้เอกให้มารับ มันก็เอาแต่บ่นผมว่าชอบเดินไปทั่วจนหลงทางทั้งที่พึ่งกลับมาได้ไม่นาน บ่นจนผมรำคาญมันที่เอาแต่บ่นผมอยู่เกือบชั่วโมงจนมาถึงสถานที่ ที่เรานักดกันมาทานอาหารกันโดยมีเรียวเพื่อนสมัยเด็กก็มารออยู่ก่อนแล้ว
"ไปทำอะไรมาปากแตกแบบนี้"
"ยุ่ง"
"เรียวมันแค่สงสัย กูเองก็สงสัยว่ามึงไปทำอะไรมา"
"ช่วยคนแคระจากโจร"
"ห๊ะ!"
"ห๊ะ!"
"ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นว่ะ กูดูเป็นคนไม่ดีขนาดนั้นเลยหรือไง"
ผมถามเพื่ออย่างสงสัยไม่ใช่ว่าผมไม่เคยช่วยคนสักหน่อยทำไมทำหน้าเหมือนว่าผมทำแต่ความชั่วกันแบบนี้ เห็นอย่างนี้ผมก็คนดีนะ
"มึงนี้นะ ที่ช่วยเหลือคนอื่นอ่ะกูไม่เชื่อแล้วล่ะคนหนึ่ง"
"กูด้วยไม้เอก กูไม่เชื่อว่าไอ้ทะเลจะช่วยเหลือใครได้นอกจากน้องสาวมันคนเดียว"
"ไอ้พวกเหี้ย แม่งกูก็เคยทำความดีเหอะอย่ามองกูเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น กูมีเวลาที่อยู่เที่ยวกรุงเทพฯ แค่ 2-3 วันเท่านั้น"
"ทะเลมึงบ้าป่ะเนี่ย กรุงเทพฯมีอะไรน่าเที่ยวกัน"
"จริงของมึงไอ้เรียว กรุงเทพไม่ได้มีอะไรน่าเที่ยวหรอก..."
ตื๊ดดดดดดดด
ตื๊ดดดดดดด
"ว่าไง"
"เจ้านายครับแย่แล้วครับมีเรื่องใหญเกิดขึ้นครับเจ้านายกลับภูเก็ตด่วยนเลยครับ"
"อืม"
งานด่วน เรื่องด่วน อะไรจะชอบมาตอนที่ผมลาพักแค่ 2-3 วันกัน มารผจนสินะผมจองตั๋วกลับภูเก็ตด่วน เมื่อมาถึงก็เห็นว่าเป็นงานใหญ่จริงๆ โรงแรมของครอบครัวผมถูกวางเพลิงครับ ใช่คุณฟังไม่ผิดคือโรงแรมที่ผมดูแลอยู่ถูกวางเพลิงครับความเสียหายเยอะพอดู
"ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น"
"เรื่องนี้มีคนในของเราร่วมมือกับคู่แข่งของเราทำเรื่องนี้ครับ"
"ไปสืบมาว่าใครไปคนทำหาตัวให้ได้ อีก 2 วันฉันต้องรู้ตัวคนที่ทำ"
"ครับเจ้านาย"
"น่าเบื่อชมัด"
ผมพูดออกมาด้วยความหงุดหงิกดที่โรงแรมโดนคนไม่หวังดีทำลายขนาดนั้นก่อนจะมองผ่านไปยังนอกหน้าต่างที่ทำงานอย่างต้องการระบายอารมณ์ความเครียดความกดดันที่มีมานาน อยากอยู่อย่างสงบที่ไหนสักที่โดยไม่ต้องคิดอะไรเลย ผมเบื่อที่ต้องวิ่งทำนั้นนี้แบบนี้แล้วเบื่อเกินกว่าที่จะยอมรับการทำงานพวกนี้ผมอยากเป็นเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ทำอะไรตามแต่ใจตัวเองไม่ต้องห่วงว่าใครจะทำอะไรอยู่ข้างหลังบ้าง แต่สุดท้ายไม่อาจทำแบบนั้นได้ถ้าขอเลือกเกิดได้อยากเกิดเป็นลูกชาวไร่ชาวนาดีกว่าจะมาเกิดเป็นลูกคนรวยแบบนี้
การตามหาตัวคนร้ายก็สามารถตามจับตัวคนบงการเรื่องนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นเรามรหลักฐานเอาผิดคนๆนั้นได้อย่างง่ายดายและผมคิดว่ามันง่ายเกินไป เรื่องแบบนี้ไม่ควรจบง่ายๆแบบนี้สิ ทำไมมันดูง่ายจนผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น
"ฮโหล เรียว"
"ว่าไงมึงมีเรื่องอะไร"
"กูมีเรื่องให้ช่วย"
"ได้สิว่ามาเลย"
ผมคุยกับเรียวเสร็จก็วางสายและเคลียร์งานตรงหน้านี้ให้หมดจะได้พักผ่อนสักที ชีวิตประจำวันของผมวนเวียรกันอยู่แบบนี้จนกระทั่งพ่อของผมโทร.มาหาผมที่กำลังประชุมกับพนกงานอยู่วันนี้แปลกที่พ่อของผมโทร.มาหาผมแบบนี้
"ครับคุณพ่อ"
"แกรู้ข่าวน้องสาวแกหรือยัง"
"ข่าวอะไรครับ"
"แกเป็นพี่ประสาอะไรน้องแกท้องขนาดนี้แกยังไม่รู้เรื่องนี้อีก แกไม่เหมาะจะเป็นพี่คนจริงๆ!"
"ธัญญ่าท้อง เป็นพ่อเองไม่ใช่หรอครับที่อนุญาตให้ธัญญ่าไปต่างประเทศ"
"น้องสาวแกมันใจแตก ไม่ฟังคำพูดของฉันจนตอนนี้ท้องกลับบ้านมาแล้ว"
"พ่ออย่าพูดว่าน้องแบบนั้นนะครับผมไม่ชอบ"
"นัน้มันเรื่องของแกที่จะชอบหรือไม่ชอบแต่แกต้องทำยังไงก็ได้ให้น้องแกไปทำแท้งให้ได้"
"ทำไมต้องทำแท้งด้วยครับน้องตั้งท้องก็แค่เลี้ยงเท่านั้นอีกอย่างเด็กในท้องก็หลานของพ่อเองไม่ใช่หรอครับ"
"ไม่ว่ายังไงก็ตามแกต้องกล่อมให้น้องแกไปทำแท้งซะก่อนที่มันจะโตไม่มากกว่านี้"
"ไม่ ผมไม่ทำถ้าพ่อไม่เลี้ยงผมจะเลี้ยงเอง"
"นี้แกกล้าขัดคำสั่งฉันงั้นหรอห๊ะ!!"
"พ่อเลิกบังคับผมสักทีผมโตแล้วพ่อเองก็ควรลดอารมณ์ตอนนี้ของตัวเองบ้างนะครับแค่นี้นะครับ"
ผมกดตัดสายไปด้วยอารมณ์หลากหลายก่อนจะล้มตัวลงที่โซฟาที่อยู่ในห้องทำงานก่อนที่จะเผลอหลับไปด้วยความเพลียจากการทำงานไม่ได้พพักผ่อนมาหลายวัน
"ตื่นได้แล้ว ทำไมนอนนานขนาดนั้น"
"เธอเป็นใครกัน"
"ลืมฉันแล้วหรอฉันเป็นภรรยาของคุณไง..."
ตื๊ดดดดดดดดด!!!!!
ผมสะดุ้งขึ้นสุดตัวมองคนมากมายที่อยู่ในห้องของผมไม่สินี้ไม่ใช่ห้องของผม อาการเหม่อลอยของผมยังไม่หายไปแต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ดูเหมือนจะค่อยๆจางหายไปก่อนที่ผมจะถามผู้ชายที่ยืยนข้างเตียงผมทันที
"ผะ ผม แค่กๆ"
"หมอคะ คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ"
"คุณรู้สักยังไงคะตอนนี้"
"ผม...ไม่รู้..."
"หมอคะ คนไข้มีการตอบสนองแล้วค่ะ"
"ผมจะอธิบายให้คุณฟังหลังจากตรวจคุณให้แน่ใจว่าคุณปลอดภัยจริงนะครับถ้าเข้าใจให้พยักหน้านะครับ"
ผมพยักหน้าตอบสนองเขาก่อนที่จะหลับไปอีกครั้งเมื่อรู้ตัวอีกครั้งก็นอนในห้องผู้ป่วยวีไอพีไปแล้ว เลขาผมก็มาอยู่ที่นี้ด้วยก่อนจะมองเห็นว่าผมฟื้นมาแล้วจึงรีบหาน้ำให้ผมดื่มทันที
"เกิดอะไรขึ้น"
"เจ้านายหลับไปในห้องทำงานและหยุดหายใจครับผมเลยรีบพาเจ้านายมาที่โรงพยาบาลครับ"
"อืม"
ไม่นานหมอก็เข้ามาในห้องพักก่อนจะมองผมที่มีสีหน้าดีขึ้นพยบาลก็มาวัดความดันของผมและขอเจาะเลือดเพื่อไปตรวจ
"อาการเป็นยังบ้างครับรู้สึกเพลียมากมั้ยเวลากลางวัน"
"มีครับอาจเพราะฤทธิ์ยา"
"อืม ช่วงดึกๆคนไข้นอนหลับสบายมั้ยครับ"
"นอนไม่ค่อยหลับครับมักสะดุ้งตื่นตอนกลางคืนบ่อยๆครับ"
"ตอนเช้าปวดหัวมั้ยครับ"
"นิดหน่อยครับ"
"อืม ตอนนนี้หมอสรุปอาการได้แล้วนะครับตอนนี้คนไข้มีอาการภาวะหยุดหายใจขณะหลับนะครับ อาการนี้จะเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายนะครับ ผู้ชายมี 25% ส่วนผู้หญิงมี 10% ที่จะสามารถเป็นได้แต่คนที่สามารถเป็นได้และพบได้บ่อยๆในคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปแต่คนไข้จากที่หมอดูประวัติมาแล้วนั้นคนไข้อายุเพียง 27 ปีเท่านั้น อาการทั้งหมดที่หมอถามบ่งบอกว่าคนไข้เป็นโรคนี้ หมอแนะนำเรื่องการนอนห้ามนอนพักในช่วงกลางวันนะครับ งดดื่มแอลกอฮอร์ คาเฟอีน ตอนสระผมให้ล้างให้สะอาดห้ามใช้ครีมนวดหรือสิ่งที่ใช้จัดแต่งผม นี้คือสิ่งห้ามแล้วอีกอย่างถ้าคุณมียาประจำตัวให้นำมาให้หมอดูด้วยนะครับและถ้ามียาที่หมอสั่งงดให้งดเอาไว้ก่อนก็ดีนะครับ"
"แล้วผมจะหายมั้ยครับ"
"หายครับแต่ต้องใช้เวลา คุณต้องปรับพฤติกรรมที่เสี่ยงได้แก่การลดหรือควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์พอเหมาะกับส่วนสูงของคนไข้ เลี่ยงการดื่มนะครับ เวลานอนให้นอนตะแคงและงดการอดนอนนะครับมันอันตราย คนไข้อายุยังน้อยอยู่แต่สภาพร่างกายเหมือนคน 40 แล้วปรับเปลี่ยนด้วยนะครับถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่นานๆถ้าทำตามที่หมอแนะนำแล้วดีขึ้นก็ต้องทำต่อไปถ้าไม่ดีขึ้นก็สามารถผ่าตัดได้เช่นกันแต่เรื่องนี้อยากให้ลงปรับเปลี่ยนเรื่องการใช้ชีวิตก่อนนะครับ"
"เอาตามนั้นครับ ผมไม่มีโรคประจำตัวเลยไม่ไม่ยาที่ต้องทานครับ"
"หมอคะ ผลตรวจเลือดได้แล้วค่ะ"
"ขอบคุณครับ เอ๊ะ!"
"มีอะไรคะคุณหมอ"
"เปล่าครับคุณออกไปก่อนนะครับผมยังตรวจคนไข้ไม่เสร็จ"
"ค่ะ คุณหมอ"
สีหน้าหมอไม่ดีเลยสักนิดก่อนจะดูผลตรวจเลือดของผมและประวัติของผมสลับไปมา ทำให้ผมสงสัยไปด้วยเช่นกัน
"มีอะไรครับหมอ"
"ผลการตรวจเลือดของคนไข้ไม่ตรงกับในประวัติครับ"
"ไม่ตรงกับในประวัติของผมงั้นหรอครับ"
"ใช่ครับ ในประวัติกรุ๊ปเลือดของคุณตรงกับพ่อและแม่ของคุณแต่เราทำการตรวจเลือดของคุณเพื่อตรวจร่างกายให้ระเอียดยิ่งขึ้นกลับผมว่ากรุ๊บเลือดไม่ตรงกัน"
"ทำไมถึงเป็นแบบนั้นครับ"
"หมอเองก็พึ่งได้รับเคสของคนไข้ปกติคนไข้จะทำการรักษาที่กรุงเทพฯใช่มั้ยครับ แต่ประวัตินี้มันหลายปีแล้ว"
"ผมจะตรวจดีเอ็นเอครับพอมีวิธีที่จะให้ครอบครัวผมามาตรวจเลือดที่นี้มั้ยครับ"
"แล้วครับครัวคนไข้ตรวจสุขภาพประจำปีหรือยังครับ"
"ยังครับ"
"งั้นก็ต้องอาศัยการตรวจสุขภาพประจำปีนี้ตรวจดีเอ็นเอ แต่ว่ามันผิดกับอาชีพของหมอครับหมอไม่สามารถทำได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากคยนไข้"
"ผมจะให้คุณมาเป็นหมอประจำตัวผมครับโดยต้องมาอยู่รักษาผมคนเดียว"
"คงจะไม่ได้ครับ"
"หมอครับตอนนี้มีเพียงหมอเท่านั้นที่ช่วยผมได้"
ครั้งนี้ผมอยากรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ของครอบครัวผมจริงๆว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไงกันแน่ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องนี้ที่ผมสงสัยแต่มันสงสัยเรื่องนี้มานานมากแล้วแต่ไม่มีโอกาสที่จะได้ทำในสิ่งที่คิดเลยโอกาสมาถึงต้องรีบคว้าเอาไว้ไม่อย่างนั้นก็จะหมดโอกาส ผมหลอกครอบครัวมาเที่ยวที่ภูเก็ตและชวนมาตรวจสุขภาพจนได้และพวกเขาก็ยอมแต่โดยดีหรืออาจจะไม่คิดอะไรด้วยซ้ำมีเพียงคุณพ่อที่ไม่ค่อยจะยอมเท่าไหร่เอาแต่บอกว่าเรามีหมอที่ดูแลเราอยู่กลับกรุงเทพฯค่อยไปตรวจก็ได้แต่เพราะธัญญ่าอยากตรวจทุกคนเลยไม่ขัดใจ
จากวันนั้นก็ผ่านมาหลายอาทิตย์ผลตรวจก็ออกมาแล้วสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้นมา หัวใจของผมหยุดเต้นไปชั่วขณะก่อนที่ผมจะร้องไห้ออกมา ผมรีบฉีกผลตรวจดีเอ็นเอทิ้งทันทีผมไม่แข็งแกร่งพอที่จะเก็บสิ่งนี้เอาไว้กับตัวผมเองแบบนี้ ผมน้ำตายังคงใหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่จนเผลอหลับไปจนตื่นขึ้นมามองทุกสิ่งทุกอย่างรอบห้องตัวเองอยู่แบบนั้น ไม่นานเพื่อนผมก็ชวนมาที่กรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมงานวันเกิดที่ผมมาร่วมแค่ไม่กี่ครั้งพวกเพื่อนผมก็บอกว่านี้เป็นโอกาสดีที่จะได้พบกันระหว่างเพื่อนจะให้พูดยังไงดี มันมีเพื่อนมาร่วมงานล้วนเป็นคนที่มันรู้จักส่วนผมรู้จักแค่พวกมันสองคนเท่านั้น เมื่อมาถึงก็เจอกับพวกมันที่มารออยู่ที่สนามบินอยู่ก่อนแล้วพรุ่งนี้วันเกิดมันผมเลยต้อง หาเวลาไปซื้อของให้กับมันอีก
เมื่อถึงวันเกิดของไม้เอกผมก็มาตามนัดก่อนจะพบผู้หญิงคนหนึ่งยืนมองผมอยู่ตอนแรกผมก็ไม่สนใจเธอเท่าไหร่นักแต่พอมองนานๆก็เพลินดี
"เธออยากทำความรู้จักกับฉันมั้ย"
"ทำไมหรอคะ"
"เธอรู้จักฉันหรอเห็นเธอมองฉันมานานแล้ว"
"ไม่รู้จักค่ะ"
"ชอบฉัน?"
"คุณคิดว่ายังไงคะ"
"คืนนี้อยากไปต่อกับฉันมั้ย"
"ฉันต้องทำงานค่ะ"
"เธอชื่ออะไร"
"พาย แล้วคุณล่ะ"
"ทะเล"
"อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยคะ"
"ไม่ เอาเบอร์เธอมาสิจะได้รู้จักกัน"
"ฉันไม่มีมือถือ"
"หืม งั้นหรอโอเคเอาแบบนั้นก็ได้"
ผมเดินกลับมาที่เดิมของตัวเอง ก่อนจะยกแอลกอฮอร์ดื่มอย่างนิ่งเฉยและเผลอมองเธอบ่อยกว่าเดิมซะอีก
"มองอะไรขนาดนั้นว่ะทะเล"
"เห็นผู้หญิงที่เคาท์เตอร์นั้นมั้ย"
"เห็น มีอะไรหรอหรือว่าอยากจะได้ผู้หญิงคนนั้น"
"พูดมากไอ้เรียว ดื่มเหล้าของมึงต่อไปเถอะอย่ามาพูดมาก"
"นั้นชื่อพาย เป็นเด็กในร้านนี้ทำงานมาสามปีกว่าแล้ว แต่ตอนนี้เป็นเจ้าของร้านคนใหม่เจ้าของคนเก่าเหมือนจะเสียไปเมื่อสี่เดือนก่อน"
"บอกกูทำไมกัน ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย"
"สายตามึงมันบ่งบอกเว้ย"
"ไม้เอกมึงก็เอากับเขาด้วยหรอว่ะ"
"วันนี้วันเกิดกูจะทำอะไรก็ได้เว้ย แต่มึงคงจะชอบเขานิดๆใช่มั้ย"
"บ้าใครจะไปชอบไม่เห็นจะสวยเลย"
"ปากแข็งมากไอ้ทะเลอย่ามาปากแข็งเลยชอบก็บอกชอบสิวะนี้คือครั้งแรกของมึงเลยนะที่ชอบผู้หญิงน่ะ"
"ไอ้เรียวอย่าพูดมากจะชอบไม่ชอบมันก็เรื่องของกูมึงอย่ายุ่ง"
"ถ้ามึงนอนกับเขาได้ภายในคืนนี้มึงอยากได้อะไรก็บอกกูได้เลย"
"กูไม่เอาด้วยหรอก"
"ไม่กล้าอะดิ ป๊อดว่ะ"
"เออก็ได้ กูจะฟาดผู้หญิงคนนี้ก็ได้ขออะไรก็ได้ใช่มั้ย"
"เออ"
"ดีล ตามนั้น"
"มึงมันแน่ว่ะ"
ผมมองเพื่อนๆที่กำลังพูดเรื่องอื่นย่างนิ่งๆคนแบบพวกมึงสักวันจะโดนคนเลวๆแบบเดียวกันทำร้ายจิตใจแต่จะด่าพวกมันไม่ได้หรอกผมเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกมันหรอก
"ฉันช่วย"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองได้"
"สูงแค่นี้ยังจะอวดเก่งอีกมาฉันจะช่วยปิดร้านเอง"
"ฉันสูงถึง 158 เชียวนะ"
"มีอะไรน่าอวด ฉันสูง 195 ยังไม่อวดเลย"
"เหอะ แค่สูงเท่านั้นเอง"
"พูดมากน่ารำคาญ"
ผมช่วยเธอปิดร้านช่วยเธอเสร็จผมก็ชวนเธอไปกับผมต่อเลยพูดกับเธออีกครั้ง
"คืนนี้นอนกับฉันมั้ย"
สีหน้าของเธอดูนิ่งสงบกว่าเดิมก่อนจะตอบผมอย่างเย็นชา
"ไม่ค่ะ"