บท
ตั้งค่า

#8

ระหว่างเดินทาง ก่อนจะไปถึงตัวตำบลเปี่ยอั่น อยู่ๆ ก็มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ขี่ม้ามาขนาบข้าง

มู่หยุนจะเปิดม่านออกไปดูแต่เสียนอี่ห้ามเอาไว้ เพียงตั้งใจฟังสถานการณ์ข้างนอก รถม้าเริ่มวิ่งเร็วขึ้น ราวกับถูกบังคับ สถานการณ์ไม่ชอบมาพากล มู่หยุนกับอวี้เสวี่ยขยับเข้าไปนั่งเบียดกัน ทั้งสองนั่งอยู่ฝั่งหน้ารถม้า ส่วนเสียนอี่นั่งอยู่ฝั่งด้านหลัง

“ฮูหยินเกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ” สองพี่น้องเริ่มมีท่าทางหวาดกลัว

จังหวะที่เสียนอี่ตัดสินใจจะเลิกม่านแอบดู รถม้าพลันพุ่งตกลงไปในหน้าผา ห้องโดยสารที่พวกนางนั่งกระแทกเข้ากับโขดหินจนผนังด้านหลังเปิดออก แรงเหวี่ยงทำให้ร่างของเสียนอี่กลิ้งตกลงไปในซอกหิน ส่วนรถม้ายังคงร่วงลงไปต่อ

เสียนอี่มิได้หมดสติ ถึงร่างกายเจ็บระบมอยู่บ้าง แต่ไม่นับว่าหนักหนา เพียงแต่นางไม่กล้าขยับ เสียงไม้กระแทกหินดังขึ้นเป็นระยะๆ กระทั่งโครมสุดท้ายดังมาจากที่ไกลๆ นางรู้ดีว่ารถม้าตกสู่พื้นด้านล่างแล้ว

เสียงพวกมันกำลังทยอยลงจากหลังม้า เสียนอี่พยายามหายใจให้เบาที่สุด นางมิได้โง่จนไม่รู้ว่าเป้าหมายของคนพวกนี้คือตนเอง

“หัวหน้าจะลงไปดูหรือไม่”

“อืม... รอเดี๋ยว มีรถม้ากำลังมา พวกเจ้าอย่าได้เผยพิรุธ”

หลังจากที่พวกมันคุยกันไม่นาน เสียนอี่ได้ยินเสียงรถม้าคันหนึ่งคล้ายกำลังชะลอความเร็ว

“เห? ท่านพ่อหยุดก่อน”

เสียงฟังดูคุ้นหูเยี่ยงนี้ หากมิใช่บุตรชายท่านลุงสุ้ยแล้วจะเป็นผู้ใด เสียนอี่กลับไม่นึกดีใจเลยสักนิดที่เป็นพวกเขา เพราะเกรงว่าคนพวกนี้จะคิดฆ่าคนปิดปาก

สุ้ยหั่นหยุดม้าเลยไปราวห้าสิบก้าว หันมาถามบุตรชายอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือ”

“ท่านพ่อไม่เห็นรอยบนถนนหรือ”

สุ้ยหั่นชะโงกหน้าออกไปมอง เห็นลอยล้อรถเบนออกไปทางหน้าผาจริงๆ ความรู้สึกตระหนกผุดวาบขึ้นในใจสองพ่อลูกแทบจะพร้อมกัน เพราะที่พวกเขาออกมา เพื่อตามเอาของมาให้เสียนอี่ หากว่า....

สุ้ยหยวนหันไปถามบิดา “ท่านพ่อคงมิได้คิดเหมือนข้ากระมัง”

สุ้ยหั่นไม่สนใจจะตอบบุตรชาย รีบกระโดดลงจากรถม้า เดินเข้าไปหาชายหกคนที่ยืนอยู่ริมทาง

พวกชายฉกรรจ์ไม่ใช่ไม่รู้ว่าถูกสงสัย เพราะร่องรอยออกจะชัดแจ้งปานนั้น เพียงแต่พวกมันทำงานเพื่อเงิน การลงมือฆ่าโดยไม่ได้เงิน มันถือว่าขาดทุน คนเป็นหัวหน้าส่งสายตามิให้ลูกน้องทำสิ่งใด

“พวกท่านเห็นรถม้าตกลงไปหรือไม่” สุ้ยหั่นมาถึงก็ถามทันที ท่าทางดูจะร้อนใจอยู่บ้าง ได้แต่ภาวนาให้คนพวกนี้ตอบว่าไม่ใช่ เพราะเขามั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าถ้ามีรถม้าตกลงไปจริง ต้องเป็นรถม้าของเสียนอี่แน่

แต่คนพวกนั้นทำให้สุ้ยหั่นต้องผิดหวังเสียแล้ว

คนเป็นหัวหน้าตอบกลับด้วยท่าทางกังวลว่า “ก็เพราะเห็น พวกข้าถึงได้รีบหยุดดู”

สุ้ยหั่นได้ยินแล้วเข่าแทบทรุด หันไปเรียกบุตรชาย “อาหยวนเอาเชือกมาเร็ว!”

สุ้ยหยวนรีบคว้าม้วนเชือกวิ่งเข้ามาบิดา สองพ่อลูกไม่ได้ให้ความสนใจชายฉกรรจ์ทั้งหก

“เจ้าปีนลงไปดูที”

ตอนนี้กลุ่มชายฉกรรจ์นับว่าไม่ต้องทำอันใดแล้ว เพราะมีคนปีนลงไปดูให้เสร็จสรรพ พวกมันจึงทำเหมือนคนผ่านทางมาเจอเหตุการณ์

ซอกหินที่เสียนอี่ตกลงไป ถ้ามองจากด้านบนจะไม่เห็น แต่หากว่าไต่เชือกลงมาหน่อยจะเห็นทันที

เมื่อสุ้ยหยวนปีนลงมาถึง เสียนอี่รีบอังนิ้วลงบนริมฝีปาก ทำท่าปาดคอ กรอกตามองไปข้างบน สุ้ยหยวนมิใช่คนโง่ คราแรกเขาคิดว่าชายฉกรรจ์พวกนั้นน่าสงสัยอยู่แล้ว พอมาเห็นเสียนอี่ทำท่าทางเช่นนี้ ย่อมกระจ่างแจ้ง เขาจึงมิได้เผยพิรุธ ไต่ลงไปต่อราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น

เบื้องล่างมีทั้งม้าตาย มีทั้งคนตาย รถม้าเหลือเพียงเศษซาก ศพของอาไค่แขนขาดขาขาด ร่างของมู่หยุนดูแทบไม่ได้ แต่ที่หนักสุดเห็นจะเป็นไป๋อวี้เสวี่ย ส่วนหัวถูกทับจนเละเทะ อย่าว่าแต่ใบหน้าเลย แค่จะมองให้เป็นหน้าคนยังยาก สุ้ยหยวนเห็นแล้วถึงกับอาเจียนอยู่พักหนึ่ง

ครั้นตั้งสติได้ เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา อาศัยว่าอวี้เสวี่ยสวมอาภรณ์ของเสียนอี่ พลันรีบค้นหาเครื่องประดับ พอได้ปิ่นมาอันหนึ่งก็ละเลงมันกับกองเลือดโยนไปใกล้ร่างของไป๋อวี้เสวี่ย จากนั้นล้วงเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากถุงเงินที่หล่นอยู่ เขาไม่เอามาหมดเพราะไม่อยากให้คนสงสัย ถึงจะสะเทือนใจ แต่อย่างไรเขายังห่วงเสียนอี่มากกว่า

“ต้องขออภัยพวกเจ้าด้วย ไว้ข้าจะเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้”

หลังจากคำนับศพของทุกคนแล้ว สุ้ยหยวนปีนกลับขึ้นไปด้านบน พอมาถึงก็ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง นัยน์ตาแดงก่ำ “ท่านพ่อ เป็นเสียนอี่ขอรับ นางตายอยู่ข้างล่างนั่น”

ชายฉกรรจ์ได้ยินเช่นนั้นก็พากันโล่งอก คนเป็นหัวหน้ากล่าวว่า “เดี๋ยวพวกข้าจะไปตามมือปราบที่ตำบล พวกเจ้าเฝ้าที่นี่เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน”

พูดจบพวกมันก็พากันควบม้าจากไป สุ้ยหั่นเลี้ยงลูกมากับมือ ไฉนจะไม่รู้ว่าบุตรชายโกหก “เจ้าบอกมา ใครตายกันแน่!” เขาตะคอกถามอย่างมีโทสะ การตายของเสียนอี่เอามาพูดเล่นได้หรือ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel