#1
ตั้งแต่กลับจากอำเภอเมื่อหกเดือนก่อน โหยวกู่โหม่วเข้ามาหลับนอนกับนางเดือนละครั้ง ทุกครั้งเขาจะหลั่งข้างนอกเสมอ นางจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร มีแต่ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น และบุรุษเพียงคนเดียวที่นางสามารถเข้าใกล้ได้โดยที่กู่โหม่วและคนของเขาไม่สงสัยคือบิดาเขานั่นเอง
เขายังเกรงว่านางจะไปหลับนอนกับชายอื่นจนตั้งครรภ์ แล้วนำมาอ้างว่าเป็นลูกของเขา ส่งคนมาคอยเฝ้าดูนาง ครึ่งปีที่ผ่านมาเสียนอี่ไม่เคยออกไปไหน
ดี มีคนของเขาคอยจับตาดูนางอยู่เช่นนี้ก็ดี เมื่อใดที่นางตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ เขาจะได้พูดอะไรไม่ได้
สิบสองปีก่อน ตอนที่เสียนอี่อายุได้หกขวบ มารดาของโหยวกู่โหม่วนำเขามาฝากให้ครอบครัวของนางเลี้ยงเอาไว้จากนั้นก็หายสาบสูญไป ด้วยความที่ไม่มีบุตรชาย ซ้ำยังมีนางเป็นบุตรสาวคนเดียว ท่านพ่อกับท่านแม่ของนางจึงรักและเอ็นดูโหยวกู่โหม่วเสมือนบุตรชายแท้ๆ
กระทั่งเขาอายุได้สิบหก บิดาเขาถูกหามมาส่ง เวลานั้นสภาพของโหยวกู่เลี่ยวราวกับคนตาย ท่านพ่อท่านแม่ของนางต้องใช้เงินเก็บทั้งหมดไปกับการยื้อชีวิตเขา แม้แต่โหยวกู่โหม่วเองยังต้องออกไปหางานทำ
หลังจากนางครบวัยปักปิ่น โหยวกู่โหม่วขอนางกับท่านพ่อท่านแม่ นางแต่งเป็นภรรยาเขาตั้งแต่บัดนั้น หกเดือนต่อมา บิดามารดาของนางไปหาของป่าถูกเสือกัดตาย ครอบครัวของนางจึงไม่เหลือใครอีก
คิดแล้ว เสียนอี่พลันน้ำตาไหล ถึงนางจะแต่งกับเขามาแค่สามปี แต่เขากับนางโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์หลายปีที่ผ่านมา โหยวกู่โหม่วกลับลืมเลือนมันอย่างง่ายดาย แม้แต่หน้านางตอนนี้เขายังไม่อยากจะมอง ตั้งแต่ที่เขาหลงรักสตรีนางนั้น กระทั่งนอนร่วมเตียงกับนางเขายังรังเกียจ โหยวกู่โหม่วช่างเป็นบุรุษที่ใจร้ายใจดำสิ้นดี
“เจ้าควรมอบหน้าที่ดูแลเรือนให้ลุงจาง ไม่มีฮูหยินครอบครัวใหญ่ที่ไหนเขาดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง หากคนภายนอกรู้เข้า จะหาว่าข้าปกครองเรือนไม่เป็น”
หลายเดือนมาแล้ว ที่เสียนอี่ไม่เคยพบหน้าสามีในตอนเช้า ไม่นึกว่าพอโผล่หน้ามา เขาจะมาเอ่ยปากกับนางเรื่องนี้
เสียนอี่วางตะเกียบในมือลง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองบุรุษที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะมองเลยไปยังชายวัยกลางคนที่อยู่ยืนก้มหน้าอยู่เบื้องหลังของเขา
นึกหรือว่านางไม่รู้ว่าคนสกุลจางคิดทำอันใด จางเปี่ยวหลุนผู้นี้ คือญาติห่างๆ ของนายอำเภอจางเจาซื่อ พอเห็นว่าขับนางออกจากจวนมิได้ หาวิธีอื่นมาเล่นงานนางแล้ว? คิดว่านางอ่อนแอเพียงนั้นเชียวหรือ
“ตระกูลใหญ่ที่เจ้าพูดถึง คือตระกูลใด? ข้ายังไม่เคยเห็นมีตระกูลไหนเขามอบสมบัติให้บ่าวไพร่ดูแล ไหนเจ้าลองบอกข้ามาสักตระกูลหนึ่งเถิด เผื่อมีโอกาส ข้าจะได้ไปถามไถ่ดู เห? หรือว่าเป็นตระกูลจางของท่านนายอำเภอ หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะได้ช่วยป่าวประกาศออกไป” เสียนอี่เอ่ยแล้ว ดึงสายตากลับมามองสามี
กู่โหม่วพูดอันใดไม่ออก เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามีตระกูลใดบ้าง เรื่องในบ้านผู้อื่นใครจะกล้าไปถามไถ่ เขาแค่หาข้ออ้างเพื่อขอกุญแจห้องสมบัติคืนจากนางเท่านั้นเอง
“เสียนอี่! เจ้าอย่าได้บีบบังคับข้า!” ครั้นวาจาสู้มิได้ กู่โหม่วพลันมีโทสะ ลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดัง ชามช้อนตะเกียบกระเด้งกระดอนกระทบกันเกรียวกราว
จางเปี่ยวหลุนรีบขยับเข้ามายืนชิดเบื้องหลังเจ้านาย ท่าทางคล้ายจะเข้ามาห้ามปราม หากแต่วาจาที่เอ่ยออกมา ฟังอย่างไรก็คือการยั่วยุ “นายท่านโปรดระงับโทสะ ฮูหยินคงมิได้มีเจตนา เพียงแต่มิทราบวิถีของคนมีชาติตระกูลเขาทำกัน ถึงได้ถามออกมาเช่นนั้น นายท่านอย่าถือสาหาความฮูหยินเลยขอรับ”
เสียนอี่ยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย เอื้อมมือไปหยิบจอกน้ำที่คว่ำไปเพราะแรงตบโต๊ะเมื่อครู่ลุกขึ้นตั้ง มู่หยุนที่ยืนอยู่เบื้องหลังของนางกำหมัดจนเล็บแทบจะจิกเข้าไปในเนื้อ พยายามสกัดกั้นวาจาที่อยากจะด่าทอออกไป
“อาหยุน รินน้ำให้ข้าที” เสียนอี่หันมาสั่งสาวใช้
“เจ้าค่ะ”
หลังจากที่น้ำเต็มจอกแล้ว เสียนอี่พลันสาดน้ำในจอกนั้นใส่หน้ากู่โหม่วทันที
“อ๊ะ! นายท่าน” จางเปี่ยวหลุนร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“สารเลวเอ๊ย!” เสียงสบถด่าของกู่โหม่วดังตามมาราวกับฟ้าผ่า สาวเท้าอ้อมโต๊ะ ปรี่เข้ามาจะตบนาง มู่หยุนรีบถลันกายเข้ามาขวาง ถูกตบกระเด็นไป
แววตาของเสียนอี่พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ดึงปิ่นออกมาจากมวยผมบนศีรษะ ยกขึ้นมาจ่อคอหอยกู่โหม่ว “เจ้ากล้าก็ลองดู พวกเรามาตายด้วยกัน!” สีหน้าของนางบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้ล้อเล่น
พอเอาเข้าจริง กลับเป็นกู่โหม่วที่มิกล้า เขาสะบัดมือที่ยกค้างไว้ลง ก่อนจะชี้หน้านางมือไม้สั่น “เจ้า! หึ่ม!” ดูก็รู้ว่ากู่โหม่วมีโทสะมากเพียงใด
“คราวหน้า อย่าได้เข้ามาพูดเรื่องสมบัติกับข้าอีก สมบัติของข้า ข้าเป็นคนหามา หากข้ายังเป็นฮูหยินอยู่ ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้อง!”
หลังจากโหยวกู่โหม่วกลับออกไปแล้ว เสียนอี่พลันทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ยกสองมือปิดหน้าร้องไห้
“ฮูหยิน” มู่หยุนไม่รู้จะกล่าวปลอบเช่นไร ทำได้เพียงแต่ยืนร้องไห้เป็นเพื่อนเจ้านายเงียบๆ
หากเขาไม่เคยดีกับนางเลย นางคงไม่เสียใจเท่านี้ ก่อนหน้านั้น โหยวกู่โหม่วเคยรักนางจริงๆ เสียนอี่รับรู้ได้ ไม่นึกเลยว่าเขาจะหมดเยื่อใยกับนางรวดเร็วเพียงนี้
“เรียกคนมาเก็บสำรับ แล้วเตรียมสำรับของท่านพ่อตามมา”
“เจ้าค่ะ”