

ตอนที่ 3 สงสัยมาตลอดแต่ก็หาสาเหตุไม่ได้ / ปฐพี
ตอนที่ 3 สงสัยมาตลอดแต่ก็หาสาเหตุไม่ได้ / ปฐพี
เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี
ตอนนี้หนูนาเรียนอยู่ที่กรุงเทพใกล้จะจบแล้ว แล้วตลอดเวลาที่ผ่านๆมา หนูนาก็รู้สึกถึงความผิดปกติของชีวิตตัวเองมาโดยตลอด และตอนนี้เธอก็กำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆของเธอเรื่องนี้พอดี...
“นี่ๆพวกมึง ช่วยกูคิดหน่อยสิว่าทำไมผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตของกู อยู่ได้นานสุดก็ไม่เกินอาทิตย์” แล้วทุกครั้งที่ผ่านๆมามันก็เป็นแบบที่เธอพูดจริงๆ บางคนไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ
“นี่อย่าบอกนะว่าโดนเทอีกแล้ว” อยู่ๆผู้ชายพวกนั้น ที่เขามาจีบหนูนา ก็มักจะเลิกคุยกับหนูนาไปเอง โดยที่หนูนาไม่เคยรู้สาเหตุของผู้ชายพวกนั้นเลย แล้วเธอก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะถามได้ด้วย เธอก็เลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอถึงได้โดนเทเป็นประจำอยู่แบบนี้
“ก็เออดิ...มึง…มึงว่ายังไงกูไม่สวยเหรอ” หนูนาเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนนึงเลยก็ว่าได้ ถึงตัวเธอจะเล็กแต่เธอก็มีสัดส่วนที่สมส่วน ส่วนหน้าอกของเธอดูมันจะใหญ่เกินตัวไปหน่อยซะด้วยซ้ำ เธอมีส่วนสูงอยู่แค่ หนึ่งร้อยห้าสิบห้าเท่านั้น ก็ประมาณว่าตัวเล็กน่ารักนั่นแหละ หรือถ้าใครจะมองว่าเธอเตี้ยมันก็ไม่ได้แปลกอะไร
“ถ้ามึงไม่สวยกูก็คงต้องไปตายแล้วเกิดใหม่แล้ว” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น
“หรือว่ากูดำ” หนูนาเป็นคนขาวตามแบบฉบับคนเหนือนั่นแหละ ไม่ได้ดำอยากที่เธอพูดเลยสักนิด ผิวของเธอขาวแถมยังมีสุขภาพดีมากๆ อีกด้วย
“ถ้ามึงดำกูก็คงจะเขียว” เพื่อนอีกคนในกลุ่มพูดขึ้น ประมาณว่าถ้าหนูนาดำ โลกใบนี้ก็คงไม่มีคนขาวแล้ว เพราะที่นั่งๆกันอยู่ ก็มีผิวของหนูนาคนเดียวที่ขาวกว่าเพื่อน
“หรือว่ากูเตี้ย” หนูนาพยายามคิดหาสาเหตุ ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้โดนเททุกครั้งแบบนี้ แล้วเธอก็ไม่เคยได้คำตอบจากผู้ชายพวกนั้นเลยสักคน
“แหม...คนที่เตี้ยกว่ามึงก็มีเยอะแยะหรือเปล่า” ถึงหนูนาจะมีส่วนสูงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบห้า แต่ด้วยความที่ตัวของเธอก็เล็กตามส่วนสูงไปด้วย มองรวมๆแล้วเธอก็ดูสมส่วนกำลังดี
“แล้วมันเป็นเพราะอะไรวะ กูไม่เข้าใจ” ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีใครเข้าใจ ยกเว้นต่อ ที่นั่งเงียบๆทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น แต่ที่จริงแล้ว มีแค่ต่อคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ดีอยู่คนเดียว
“หรือจะเป็นเพราะมึง...ไอ้ต่อ” ต่อรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะวกเข้ามาหา
“อะไร...อะไร อย่ามาพาดพิงนะ นั่งเฉยๆเลยเนี่ย” ต่อออกตัวแรง เพราะกลัวว่าเพื่อนจะจับได้ว่าทุกครั้งที่หนูนามีผู้ชายเข้ามาหา ก็เป็นต่อนี่แหละที่ทำให้ผู้ชายพวกนั้นอยู่ได้แค่แป๊บเดียว ก็ต้องเดินออกจากชีวิตของหนูนาไป
“ก็มึงเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม ผู้ชายพวกนั้นอาจจะคิดว่ามึงสองคนเป็นแฟนกันก็ได้ ก็สนิทกันนี่” ที่ทั้งสองดูสนิทกันนั่นก็เป็นเพราะหนูนากับต่อเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นอนุบาลต่างหาก แล้วถ้าจะให้คิดเป็นมากกว่าเพื่อนก็ไม่มีใครโอเค เห็นหน้ากันตั้งแต่สามขวบจนถึงป่านนี้ใครจะไปเอากันลง
“แต่กูว่าไม่น่าจะใช่นะ” ต่อเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าหนูนา แล้วหนูนาก็รู้ดีว่า เธอกับต่อเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล ถ้าไม่สนิทกันสิถึงจะแปลก
“หรือว่ากูจะโดนอาถรรพ์”
“ไร้สาระ อีเพ้อเจ้อ”
“เฮ้ยๆ แบบโดนสาปอะไรแบบนี้หรือเปล่าวะมึง” เพื่อนอีกคนพูดขึ้นอย่างนึกสนุก
“ฮ่าๆๆ คิดได้เนอะ ถ้าอย่างนั้นมึงก็ต้องหาใครสักคนมาแก้คำสาปให้แล้วแหละ”
“แล้ววิธีแก้คืออะไรวะ” เพื่อนแต่ละคนหันมองหน้ากัน และก็ขำกันออกมากับคำถามของหนูนา ทุกคนสนุก แต่หนูนาไม่ได้สนุกด้วย แต่แล้วเพื่อนอีกคนก็พูดขัดขึ้น
“นี่ๆสงสัยพวกมึงจะเรียนหนัก จะเป็นเพราะอะไรก็ช่างเถอะ เข้าเรียนได้แล้ว ไปช้าอาจารย์ไม่เช็คชื่อให้ กูไม่รู้ด้วยนะ” เพื่อนอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น ทำให้การสนทนาในครั้งนี้จบลง และทุกครั้งที่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อีก ก็ไม่เคยหาสาเหตุของเรื่องนี้ได้เหมือนเดิม
กลับมาที่ปัจจุบัน
ปัจจุบันหนูนาเรียนจบแล้ว เธอกลับมาหางานชั่วคราวที่บ้านทำ ที่แรกที่เธอจะไปสมัครงานก็คือ โรงแรมในตัวจังหวัด ตอนนี้เธอกำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก เตรียมที่จะไปสมัครงาน
“แม่นะแม่ ไม่รู้จะให้มาทำไมเยอะแยะ ดูสิใส่อะไรก็ดูโป๊ไปหมด” หนูนายืนบ่นหน้าอกตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ภายในห้องนอนของตัวเอง
หนูนาเธอเป็นคนตัวเล็กสมชื่อ แต่เธอก็มีสัดส่วนที่สมส่วนไปหมด ยกเว้นหน้าอกที่มันใหญ่เกินตัว แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นของเธอก็คือหน้าตา หนูนาเธอมีหน้าตาสวยหวาน ผมดกดำยาวตรงสวย ทำให้ใบหน้าของเธอดูขาวผ่องขึ้นไปอีก บวกกับดวงตากลมโตและจมูกที่รับกับใบหน้าได้ลงตัวพอดิบพอดี
วันนี้หนูนาแต่งตัวสวยแต่เช้า เพราะเธอกำลังจะไปสมัครงานที่โรงแรม ของพี่ชายที่เธอเคยรู้จักและสนิทกันพอสมควร แต่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงเธอจะมีส่วนสูงที่ไม่ถึงเกณฑ์ แต่เธอก็ขอทำงานตรงตำแหน่งอื่นที่ไม่ต้องใช้ส่วนสูงก็ได้ เพราะเธอแค่อยากจะทำงานนี้แค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากที่หนูนาแต่งตัวเสร็จแล้ว เธอเดินลงมาชั้นล่างของบ้านทานอาหารเช้า อยู่ๆแม่ของเธอก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า...
“หนูนาเมื่อไหร่ลูกจะมีแฟนกับเขาสักทีล่ะลูก” หนูนารู้สึกเบื่อกับคำถามนี้สุดๆ เพราะแม่ของเธอถามเธอบ่อยมาก ท่านคงจะเห็นว่าหนูนาไม่เคยมีแฟน ไม่รู้ว่ากลัวลูกสาวจะชอบเพศเดียวกันหรือยังไง
“ทำไมแม่ถามบ่อยจังคะ”
“อ้าวก็แม่อยากมีหลานเหมือนบ้านอื่นเขาบ้างน่ะสิ แฟนก็ไม่เคยมี แกไม่สนใจผู้ชายหรือเปล่า” นี่แม่ของเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ หนูนาชอบมองผู้ชายหล่อๆ ผิวขาวๆ หน้าตาดีๆ หนูนาชอบทุกคนที่หล่อๆนั่นแหละ แต่ทำไมไม่มีผู้ชายคนไหนเดินเข้ามาในชีวิตของหนูนาเลย พูดไปแม่ก็คงจะไม่เชื่อ เฮ้อ...เรื่องมันเศร้า
“ผู้ชายหายากจ๊ะแม่ ก็เมื่อก่อนหนูนาจะมีแฟน แม่ก็ห้ามบอกว่าให้หนูนาเรียนให้จบก่อน แล้วไงล่ะทีนี้ เรียนจบแล้วมันก็หาไม่ได้แล้วไง” ก็เมื่อก่อนแม่ของเธอก็ห้ามเธอจริงๆนั่นแหละ แต่หนูนาก็ไม่เคยฟังหรอก เธอพยายามมีมาตลอดนั่นแหละ แต่อย่างที่บอก ก็ไม่มีไง แต่ก็แค่อยากพูดกับแม่แบบนี้เฉยๆ จะได้เลิกถามเธอถึงเรื่องนี้สักที
“แม่ว่าแกไม่หาเองมากกว่า” อ้าวทำไมแม่ถึงได้มาโยนให้เธอเป็นคนผิดแบบนี้นะ
“แม่ไม่รู้อะไร สมัยนี้ผู้ชายเขากินกันเองแล้ว เขาไม่หันมาสนใจผู้หญิงแล้วจ๊ะแม่” เธอก็พูดของเธอไป อย่างคนอารมณ์ดีขี้เล่น พูดไปเรื่อยหาสาระไม่ค่อยจะได้
“แกก็พูดเว่อไป เอากินๆเข้าไปวันนี้จะไปสมัครงานไม่ใช่เหรอ” บนโต๊ะอาหารเช้า วิชิตพ่อของหนูนาก็พูดขึ้นมาว่า...
“ให้พ่อไปบอกคุณดินให้เอาไหม” วิชิตทำงานอยู่ที่รีสอร์ทของปฐพี ส่วนงานที่หนูนากำลังจะไปสมัครวันนี้ก็เป็นโรงแรมของเขาเช่นกัน เพียงแต่ว่าโรงแรมนั้นตั้งอยู่กลางใจเมือง ส่วนรีสอร์ทนั้น ตั้งอยู่บนเขาในหมู่บ้าน ใกล้ๆกับหมู่บ้านที่หนูนาอยู่นั่นเอง
“ไม่เอาๆ หนูนาไม่อยากให้ใครมาเรียกหนูนาว่าเป็นเด็กเส้น อีกอย่างหนูนาทำงานนี้แค่แก้เบื่อเฉยๆ” เพราะเธอรู้ว่า ถ้าพี่ดินรู้ว่าหนูนามาสมัครงาน พี่ดินจะต้องรับเธอเข้าทำงานอย่างไม่มีข้อแม้แน่นอน แต่เธอแค่ทำงานรอเวลาเท่านั้น เลยไม่อยากรบกวนพี่เขา ได้ก็ทำ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
“เด็กเส้นก็ดีกว่าตกงานหรือเปล่า สมัยนี้งานหายากจะตาย” ถึงพวกท่านอยากจะให้ลูกสาวได้งานทำก็จริง แต่ทุกอย่างที่หนูนาเลือก พวกท่านก็พร้อมที่จะให้ลูกเป็นคนตัดสินใจ เพราะพวกท่านถือว่าหนูนาโตแล้ว
“เอาน่าพ่อ พ่อก็รู้ว่าหนูนาทำงานนี้แค่สามเดือน อย่าไปรบกวนพี่เขาเลย”
“แล้วแต่แกก็แล้วกัน งั้นพ่อไปทำงานก่อนนะ ช่วงนี้ลูกค้าเยอะเลยที่รีสอร์ท” วิชิตพูดเหมือนบ่นๆ แต่สิ่งที่วิชิตทำอยู่ ท่านก็มีความสุขที่ได้ทำ เพราะท่านทำอาหารให้ลูกค้าที่มาพักที่รีสอร์ททาน เวลามีคนมาชมรสชาติอาหารที่ท่านทำว่าอร่อย ท่านก็จะมีความสุขทุกครั้งที่ได้ฟัง ท่านคิดเสมอว่าอาชีพที่เรารักจะทำให้เรามีความสุขและสนุกไปกับงาน ท่านก็เลยไม่อยากบังคับลูกสาว อยากทำอะไรก็ทำ อีกอย่างท่านก็เลี้ยงหนูนามาแบบอิสระอยู่แล้ว
