บทที่ 8 เคยจูบกับใคร?
“พูดมากเกินไปแล้ว” จิรเมธเอ่ยหลังจากปล่อยริมฝีปากออก แต่ใบหน้าของทั้งสองยังคงใกล้ชิดกันมาก
“นาย-นายกล้าจูบฉัน” ครองขวัญพูดสะดุด ใบหน้าเห่อแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ
จิรเมธอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าของน้องแดงระเรื่อเพราะเขินอาย แม้จะรู้สึกแปลก ๆ ที่ล่วงเกินไป แต่เขาก็รู้สึกดีมาก
“เพราะเธอพูดมากไปแล้ว พี่เป็นว่าที่สามีในอนาคตของเธอ แต่เธอไม่ให้ความเคารพพี่เลย” เขาบอกอย่างเฉไฉ
“สามีอะไร! นายมันโรคจิต” ยัยน้องตะคอกพร้อมกับเอามือมาเช็ดปากตัวเอง
“ทำไม? เขินเหรอ?” เขาหยอกน้องเล่น
“เขินอะไร ทำไมฉันต้องเขินด้วย ก็แค่จูบเท่านั้น ฉันเคยทำออกจะบ่อย” ยัยน้องเฉไฉตอบกลับ
จิรเมธโน้มหน้าเข้ามาใกล้อย่างไม่พอใจ “กับใคร?”
ครองขวัญตกใจจนเอนตัวไปข้างหลัง “นาย-นายจะทำอะไรอีก” น้องเอามือปิดปากไว้
“พี่ถามว่าเคยจูบกับใคร?” เขาทำหน้าจริงจัง ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกตอนนี้มันคืออะไร หึง? หวง? แต่เมื่อรู้ว่าน้องเคยจูบกับคนอื่นเขาก็รู้สึกไม่พอใจแล้ว
“นายจะสนใจทำไม ฉันจะจูบกับใครมันก็เรื่องของฉัน ไม่ได้เกี่ยวกับนาย” น้องตอบแล้วผลักเขาออก
เมื่อรู้ว่าตัวเองจะล่วงเกินน้องมากเกินไป จิรเมธเลยควบคุมอารมณ์และปล่อยน้องออกจากอ้อมแขน
“ช่างมันเถอะ แต่หลังจากนี้ไปเธอห้ามไปจูบกับใครอีก” คำพูดนี้มันคือคำสั่งชัด ๆ
“มัน-”
“พี่จะขอคุณลุงให้อนุญาตให้เธอไปทัศนศึกษาได้”
จิรเมธพูดดักคอน้องก่อน เขารู้ว่าน้องต้องโวยวายใส่เขาแน่หลังถูกเขาห้ามเรื่องจูบ ครองขวัญเงียบทันทีเมื่อพี่บอกว่าเธอจะได้ไปทัศนศึกษา เธอกำลังจะอ้าปากด่าเขาว่าเขาไม่มีสิทธิ์มาห้ามเธอให้จูบกับใคร แต่เมื่อเขาจะช่วยพูดเรื่องไปทัศนศึกษา เรื่องนี้ก็ปล่อยมันไปก่อนแล้วกัน
“นายห้ามโกหกฉันนะ” ยัยน้องต้องการคำยืนยัน
“อยากไปทริปนี้จริง ๆ เหรอ?” จิรเมธเอ่ยถาม เขาแค่อยากพูดคุยกับน้องให้มากขึ้น
“ใช่ เพราะมันเป็นการทัศนศึกษาของนักเรียนชั้นปีสุดท้ายก่อนจะจบการศึกษา เพื่อน ๆ ในชั้นเรียนทุกคนก็ไปกัน พวกเราวางแผนกันแล้วว่าจะจัดกิจกรรมอะไรบ้าง แล้วฉันก็เป็นคนต้นคิดด้วย แบบนี้แล้วฉันจะไม่ไปได้ยังไง” น้องเล่าอย่างตั้งใจ
“แล้วถ้าคุณพ่อไม่อนุญาตล่ะ” พี่บอก เพราะอยากรู้ว่าน้องจะแสดงสีหน้ายังไง
“งั้นก็ช่างเถอะ นายไม่ต้องมาพูดให้ความหวังฉันหรอก ฉันรู้ว่ายังไงคุณพ่อก็ไม่อนุญาต” ครองขวัญมีสีหน้าเศร้า
“ถ้างั้นพี่จะอนุญาตให้เธอไปเอง” จิรเมธบอกอย่างใจเย็น
“นายจะจัดการอะไรได้ ขนาดคุณพ่อยังไม่อนุญาตให้ฉันไปเลย” ครองขวัญเริ่มโกรธที่เขายังพูดให้ความหวังเธออยู่
“ถ้าพี่จะบอกว่า พ่อของเธอให้พี่จัดการเรื่องของเธอทุกอย่างล่ะ” พี่บอกพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
ครองขวัญจ้องหน้าเขาอย่างไม่เชื่อ “แม้แต่เรื่องไปทัศนศึกษาในครั้งนี้เหรอ?”
“ใช่” จิรเมธพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์
ครองขวัญขมวดคิ้วพร้อมกับครุ่นคิดว่าเขาจะอนุญาตให้เธอไปทัศนศึกษาได้จริง ๆ เหรอ? ความเกลียดชังที่มีอยู่ภายในใจก็เริ่มสับสน ตอนนี้เธออยากด่าว่าเขาเหมือนเดิมแต่อีกใจก็กลัวว่าเขาจะรู้สึกเสียใจกับคำพูดของเธอ เธอกลัวว่าคำพูดของเธอจะทำร้ายจิตใจของพี่แล้ว
เมื่อเห็นว่าน้องเงียบ จิรเมธจึงพูดต่ออย่างจริงจัง “งั้นบอกพี่หน่อยได้ไหม ว่าทำไมเธอถึงเกลียด-” เขาถามและอยากรู้จริง ๆ แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็หมดสติและล้มลงบนพื้นหญ้าไปแล้ว
ครองขวัญตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น น้องรีบเข้าไปประคองศีรษะพี่ขึ้นมาพิงตัวเองอย่างเป็นห่วงและเริ่มเขย่าร่างของพี่ไปมา
“จิรเมธ! นายเป็นอะไร? นายอย่ามาแกล้งฉันเล่นแบบนี้นะ” ยัยน้องรู้สึกกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
เมื่อเห็นพี่นอนแน่นิ่ง และใบหน้าซีดขาว น้องจึงเขย่าพี่แรงขึ้น “พี่เมฆ! พี่เป็นอะไรเนี่ย! พี่ตื่นสิ พี่เป็นสุนัขพิบูลไม่ใช่เหรอ? ร่างกายของพี่ออกจะแข็งแรงไม่ใช่เหรอ?” คำพูดเดิม ๆ ของน้องออกมาจากปากแล้ว นานมากแล้วที่น้องไม่ได้เรียกเขาว่าพี่
“ช่วยด้วย! มีใครอยู่แถวนี้ไหม?” ยัยน้องตะโกนเรียกคนที่อยู่แถวนั้น
“พี่เมฆ! พี่อย่าเป็นอะไรนะ ฉันยังเกลียดพี่ไม่พอเลยนะ!” น้องร้องไห้เพราะกลัว กลัวว่าพี่จะเป็นอะไร
มิน่าล่ะ ตอนที่เขาวิ่งตามเธอมา เธอเห็นใบหน้าของเขานั้นเหมือนกำลังเจ็บปวดจากอะไรบางอย่าง และสีหน้าของเขาก็ซีดเซียวด้วย
เมื่อกลัวว่าพี่จะเป็นอะไรร้ายแรง น้องจึงตะโกนเรียกให้คนช่วยอีกครั้ง “ช่วยด้วย! มีใครอยู่แถวนี้ไหม? ช่วยพี่เมฆด้วย! คุณพ่อคะ! ช่วยพี่เมฆด้วย! ช่วยด้วย! มีใครได้ยินไหม!” ยัยน้องตะโกนขอความช่วยเหลือให้ดังขึ้น
เนื่องจากว่าน้องอยู่ในสวนใกล้กับประตูหน้าบ้าน ดังนั้นยามที่เฝ้าหน้าประตูจึงได้ยินเสียงและรีบวิ่งเข้ามาดู คนในบ้านรวมถึงเดชาที่ได้ยินเสียงตะโกนก็รีบวิ่งมาดูด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่บนห้องนอนของครองขวัญไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่ในสวนหน้าบ้านได้ล่ะ แล้วจิรเมธเป็นอะไร? เดชาตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
จิรเมธมีร่างกายที่แข็งแรงมาตลอด เขาไม่เคยป่วยเลยด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้เขาเป็นอะไร? หรือว่าลูกสาวของเขาจะทำร้ายว่าที่ลูกเขยของเขาเสียแล้ว? เดชาคิดอย่างหนัก แล้วรีบให้คนเรียกรถพยาบาล
…..
ครองขวัญนั่งอยู่บนเตียงด้วยสภาพผมที่ยุ่งเหยิง อีกอย่างเธอก็สวมชุดนอนสีขาว ซึ่งทำให้สภาพของเธอในตอนนี้เหมือนผีไม่มีผิด หากมีใครมาเจอเข้า ก็คงคิดว่าเธอเป็นผีหรือไม่ก็เป็นผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต
ธิดาเปิดประตูห้องนอนของครองขวัญเข้ามาก็ต้องตกใจ “ว้ายยยยย! น้องครองขวัญ! ทำไมถึงนั่งทำหน้าแบบนั้นคะ พี่ธิดาตกใจหมดเลย” ธิดาเอามือลูบหน้าอกตัวเอง ‘ใจหายใจคว่ำหมด’ “พี่เตรียมของจำเป็นที่ต้องใช้ในการไปทัศนศึกษาไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ ตอนนี้ก็จะ 4 ทุ่มแล้วทำไมถึงยังไม่นอนล่ะ”
ธิดาถอนหายใจ เพราะรู้ว่าสภาพและอาการที่ครองขวัญเป็นอยู่ในตอนนี้คืออะไร ธิดาแอบยิ้มก่อนจะเดินไปปิดม่านหน้าต่างให้
“พี่ธิดาคะ พี่เคยถูกจูบมาก่อนมั้ยคะ? แล้วพี่รู้สึกยังไงบ้าง?” จู่ ๆ ครองขวัญก็ถามขึ้น ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องของจิรเมธเต็มไปหมด
“น้องของขวัญว่ายังไงนะคะ? จูบงั้นเหรอ? หรือว่าน้องของขวัญถูกคุณเมฆจูบแล้ว?” ธิดายิ้มอย่างแปลกใจ ในที่สุดจิรเมธก็เป็นฝ่ายรุกเสียที
“ไม่ใช่เสียหน่อย! คือว่า-คือ-หนูได้ยินเพื่อน ๆ คุยกันน่ะ” ครองขวัญรีบปฏิเสธ
“อ้อ..เพื่อนน้องของขวัญเองเหรอ? พี่ก็นึกว่าเป็นน้องของขวัญเสียอีก” ธิดาแกล้งทำเป็นเข้าใจ “พี่ยังไม่เคยถูกจูบหรอกค่ะ พี่ยังไม่มีแฟนเลย แล้วน้องของขวัญถามทำไมเหรอคะ” ธิดาแกล้งถามต่อ อยากรู้ว่าเธอจะตอบยังไง
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีเพื่อหนูมันเล่าให้ฟังว่ามันถูกแฟนจูบ หนูเลยอยากรู้ว่าการถูกจูบมันเป็นยังไง ตอนเพื่อนหนูเล่าให้ฟังนั้นดูมีความสุขมาก”