บทที่ 7 จูบแรก
จิรเมธมองตามหลังครองขวัญที่วิ่งขึ้นไปบนห้องนอนอย่างรู้สึกหดหู่ สิ่งที่ครองขวัญกำลังทำอยู่ตอนนี้ เธอจะรู้บ้างไหมว่าคนเป็นพ่อจะเสียใจมากขนาดไหน แม้จะรู้ว่าการหมั้นหมายในครั้งนี้จะเป็นการคลุมถุงชนก็เถอะ แต่คนเป็นพ่อก็ทำเพื่อลูกสาวทั้งนั้น ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจ
ตอนที่ครองขวัญอายุ 10 ขวบ เธอเคยบอกกับเดชาว่าเมื่อเธอโตแล้วเธอจะแต่งงานกับจิรเมธ ในตอนนั้นทั้งสองคนนี้ก็รักและสนิทสนมกันมาก แต่ก็ไม่รู้เป็นอะไร ตั้งแต่ที่จิรเมธกลับมาจากต่างประเทศ ครองขวัญก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ดูไม่อยากจะสนิทสนมกับจิรเมธอีก แถมยังแสดงความเกลียดชังใส่เขาอีกด้วยซ้ำ
เดชาถอนหายใจก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม และบอกให้สาวใช้เติมน้ำเพิ่ม ลูกสาวของเขาช่างเอาแต่ใจจริง ๆ แล้วยังหยาบคายอีก เขาต้องอธิบายแบบไหนให้เธอเข้าใจว่าที่เขาทำไปทุกอย่างนี้ก็เพื่อเธอ
“ลุงสอนลูกสาวได้ไม่ดีเอง เมฆก็อย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ” เดชาถอนหายใจ “พรุ่งนี้ที่โรงเรียนจะจัดกิจกรรมทัศนศึกษา น้องขออนุญาตลุงไปทัศนศึกษานี้ด้วยแต่ลุงปฏิเสธ น้องเลยไม่พอใจ” เขาอธิบาย “เมฆก็รู้ใช่ไหมว่าการไปทัศนศึกษาภายนอกพื้นที่นั้นมันอันตราย จะให้บอดี้การ์ดไปคุมก็ไม่ได้ มันก็จะดูเอิกเกริกไปอีก”
จิรเมธคิดว่าเดชาก็เป็นห่วงลูกสาวมากจนเกินไป ก็นั่นแหละ เดชามีลูกสาวเพียงคนเดียวที่เป็นหัวแก้วหัวแหวน หากลูกสาวเป็นอะไรไป เดชาก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ทุกอย่างที่เขาทำทุกวันนี้ก็เพื่อลูกสาวทั้งนั้น หากไม่มีลูกสาวแล้วเขาก็ไม่อยากทำอะไรอีก
จิรเมธกลับคิดว่าการไปทัศนศึกษาในครั้งนี้ไม่ได้มีอันตรายอะไร ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีเสียอีก ครองขวัญจะได้เปิดประสบการณ์การใหม่ ๆ โลกภายนอกไม่ได้อันตรายเสมอไป
“คุณลุงให้ผมจัดการเรื่องนี้เถอะครับ ผมจะไปคุยกับน้องเอง” เขาบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน อะไรที่ทำให้น้องมีความสุข เขาก็จะทำ
เดชาเงยหน้ามอง ก่อนจะตอบ “ได้ งั้นลุงก็ฝากเมฆด้วยนะ” มุมปากมีรอยยิ้มเล็กน้อย เป็นไปตามแผนการ หากลูกสาวพึ่งพาจิรเมธให้มากกว่านี้ได้ อีกไม่นานก็คงจะมีความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นเอง
จิรเมธเดินขึ้นไปยังห้องนอนของน้อง เดชากับธิดามองหน้ากันแล้วยิ้ม ให้ทั้งสองคนได้คุยด้วยกันบ่อย ๆ ก็จะดีขึ้นเอง เดชาอยากให้ลูกสาวพึ่งพาการช่วยเหลือจากจิรเมธให้มากขึ้นนั่นเอง ไม่อยากให้ลูกสาวหวังพึ่งพาแค่พ่อเพียงคนเดียวเท่านั้น
ยิ่งครองขวัญพึ่งพาจิรเมธมากขึ้นเท่าไหร่ ทั้งสองก็จะสนิทสนมกันมากขึ้นเท่านั้น ครองขวัญจะได้มีที่พึ่งพาเพิ่มขึ้นอีกคน แม้อนาคตทั้งสองคนจะไม่ได้แต่งงานกันก็ตาม
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ของขวัญ! พี่เอง” จิรเมธเรียกอยู่หน้าประตู ก่อนจะเปิดเข้าไปเพราะประตูห้องไม่ได้ล็อก ถ้าจะรอให้น้องตอบ เขาคงไม่ได้เข้าไปหรอก
ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ห้องก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าประตูหน้าต่างถูกเปิดอ้าไว้อยู่ แล้วยังมีผ้าปูที่นอนผูกไว้อีกด้วย ครองขวัญแอบหนีไปแล้ว
จิรเมธมองไปยังข้างล่างและยังเห็นหลังไว ๆ ของน้อง เขารีบตามลงไปทันที ต้องขอบคุณขายาว ๆ ของเขาที่วิ่งไปไม่กี่ก้าวก็ตามน้องได้ทัน
“ของขวัญ! หยุดวิ่งเดี่ยวนี้นะ!” จิรเมธร้องเรียกตามหลัง รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แล้วยังปวดหัวจนแทบไม่สามารถวิ่งตามต่อได้
“ไม่! อย่าตามฉันมานะ!” ครองขวัญตะโกนแล้ววิ่งให้เร็วขึ้น
จิรเมธเริ่มหายใจถี่และมีอาการปวดหัว เหตุใดน้องต้องทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายขนาดนี้ด้วย สาเหตุเป็นเพราะเขางั้นเหรอ? การที่เขาทำดีกับน้องมันก็ไม่ได้ช่วยทำให้น้องเกลียดเขาน้อยลงเลยเหรอ? จิรเมธคิดแล้ววิ่งตามต่อไป แม้ว่าร่างกายจะประท้วงว่าไม่ไหวแล้วก็ตาม
จิรเมธไม่คิดล้มเลิกที่จะวิ่งตามน้องต่อ อาจเป็นเพราะอาการเหนื่อยของน้องจึงทำให้เธอวิ่งได้ช้าลง พี่จึงตามน้องได้ทันและคว้าแขนน้องเอาไว้
“ปล่อยฉันนะ!” ครองขวัญพูดด้วยความโกรธขณะที่หายใจหอบ
“กลับเข้าบ้านกับพี่เถอะ” เขาพูดเสียงสั่นแล้วหายใจหอบ อาการปวดหัวและเจ็บหน้าอกก็มากขึ้น ใบหน้าซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันไม่กลับไปหรอก ฉันไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้แล้ว ที่นี่ไม่มีใครต้องการฉันแล้ว ไม่มีใครรักฉันอีกแล้ว” น้องสะบัดแขนเขาออก
“ทำไมจะไม่มีใครรักเธอ อย่าพูดจาเหลวไหล” พี่ตอบพร้อมกับจับแขนน้องอีกครั้ง “ไปเถอะ กลับเข้าบ้านกับพี่ อย่าทำให้พ่อของเธอเป็นห่วง” เขาตกใจแทบแย่ตอนที่รู้ว่าน้องแอบปีนหน้าต่างจากชั้นสองลงมา
“ฉันไม่กลับ นายจะตามฉันมาทำไม?” ครองขวัญโมโห “ทุกอย่างก็เป็นเพราะนาย หากไม่มีนายสักคนคุณพ่อก็คงไม่ทำกับฉันแบบนี้ ตอนนี้ฉันไม่เหลือใครแล้ว แม้แต่คุณพ่อที่เคยรักฉันมาก ฉันเกลียดนาย! รู้ไหมว่าฉันเกลียด-”
ครองขวัญเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากหนาทาบทับลงมาที่ริมฝีปากของเธอ จิรเมธดึงร่างน้องเข้ามาไว้ในอ้อมแขน มือข้างหนึ่งก็สอดเข้าไปที่ท้ายทอยของน้องเพื่อให้จูบได้สะดวกขึ้น ยัยน้องยืนนิ่งเพราะตกใจ หัวใจทั้งสองดวงเต้นรัวแข่งกัน
ชั่วเวลานี้เหมือนโลกทั้งใบมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น การจูบครั้งนี้มันทำให้หัวใจของทั้งสองคนหวั่นไหวมากจนไม่สามารถอธิบายได้ จิรเมธไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้ หรือเพราะว่าเขาไม่อยากได้ยินคำที่น้องกำลังจะพูดออกมากันแน่?
ทั้งสองคนเหมือนอยู่ในโลกแห่งเวทมนตร์ ครองขวัญไม่สามารถอธิบายได้ว่าอาการใจสั่นที่ตัวเองเป็นตอนนี้เกิดจากอาการเหนื่อยเพราะวิ่งหนีหรือเป็นเพราะอะไร ส่วนจิรเมธก็เหมือนคนที่พึ่งตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เขาคงกำลังฝันแน่นอน
จูบครั้งนี้เป็นสิ่งที่จิรเมธไม่เคยคิด แต่ว่าเขาก็ทำไปแล้ว เขาไม่เคยมีความคิดที่จะล่วงเกินน้อง อนาคตยังไม่แน่ว่าพวกเขาจะได้แต่งงานกันไหม แต่เมื่อเขาได้ล่วงเกินน้องไปแล้ว หัวใจก็ไม่อาจปล่อยน้องไปได้อีกต่อไป เขาต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น แม้ว่าตอนนี้น้องจะเกลียดเขา แต่เขาจะต้องทำให้น้องอยู่ในโอวาทเขาให้ได้