บทที่ 6 ไม่ทำตามสัญญา
ครองขวัญอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินลงมาที่ห้องรับแขก จิรเมธกำลังพูดคุยถึงเรื่องการออกแบบงานหมั้นกับดีไซเนอร์สาว เขากำลังเลือกว่าจะจัดเป็นรูปแบบไหนดี เมื่อครองขวัญมาที่ห้องรับแขกเธอก็ไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามจิรเมธ
เธอเห็นโบชัวร์ที่มีรูปแบบของธีมงานหมั้นอยู่หลายฉบับ แต่เธอไม่คิดที่จะหยิบขึ้นมาดู จิรเมธเลยหยิบโบชัวร์ส่งให้ “ลองดูหน่อยว่าชอบแบบไหน”
ยัยน้องนั่งกอดอก และไม่อยากจะรับเอกสารในมือพี่ “ฉันไม่ดู” แล้วก็เอนตัวนั่งพิงโซฟา
สุดท้ายแล้วพี่ก็เลยต้องเลือกรูปแบบงานหมั้นเอง เขารู้ว่าน้องชอบสีชมพูและสีฟ้า ดังนั้นจึงเลือกรูปแบบในพิธีงานหมั้นเป็นธีมสีชมพูและสีฟ้าก็แล้วกัน
จิรเมธกลับไปที่คอนโดของเขา วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เขาอยากจะนอนพักผ่อนให้สบาย จิรเมธเป็นคนที่ตรงต่อเวลา เวลาทุกวินาทีของเขาจะจัดสรรไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเวลากิน เวลาทำงาน หรือแม้แต่เวลานอน
การนอนของเขาถือว่าเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด จิรเมธทำงานตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืน วันวันได้นอนแค่ 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น แต่..ตอนนี้การใช้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ตั้งแต่ที่เขายอมรับการหมั้นหมายกับลูกสาวของผู้มีพระคุณ
เวลา 04.30 น.
เสียงมือถือของจิรเมธดังขึ้นในตอนที่เขากำลังนอนหลับฝันดี เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูก็เห็นว่าหน้าจอโชว์เป็นชื่อของครองขวัญ จิรเมธยกมือขึ้นนวดขมับก่อนจะกดรับสาย
“อื่ม” เขาตอบรับสั้น ๆ
“อื่ม! งั้นเหรอ? หากนายไม่พอใจที่ฉันโทรมาก็พูดออกมาเลย ไม่ต้องมาใช้น้ำเสียงที่เย็นชาแบบนี้ก็ได้” น้องโวยวายเป็นชุด
จิรเมธถอนหายใจก่อนจะตอบ “ของขวัญ! เธอโทรมาหาพี่ตอนตีสี่ครึ่ง และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่พี่กำลังพักผ่อนอยู่ ดังนั้น เธอควรให้เหตุผลที่สำคัญหน่อยแล้วกัน ไม่งั้น-”
“มาวิ่งเป็นเพื่อนฉันหน่อย” น้องรีบพูด
“วิ่ง?” พี่อุทานออกมาอย่างหัวเสีย
“การวิ่งของฉันก็สำคัญนะ ทุกเช้าฉันต้องออกไปวิ่งพร้อมกับนิพล แต่ว่านิพลลาพักร้อนไปแล้ว ฉันจะออกไปวิ่งคนเดียวคุณพ่อก็ไม่อนุญาต ทำได้เพียงโทรมาหานาย” น้องอธิบาย “แต่ก็เป็นเพราะนายนั่นแหละที่คอยตามรับตามส่งฉัน คุณพ่อเลยให้พี่นิพลหยุดพัก” ยังโทษคนเป็นพี่อีก
ครองขวัญลำบากใจมากที่ต้องพูดคำพวกนี้ออกไป การที่เธอโทรมาหาเขาก็เป็นเหมือนการขอร้องเขาอย่างสิ้นเชิง จิรเมธเผลอยิ้มและลุกจากที่นอนไปยังตู้เสื้อผ้า
“งั้นรอก่อน ไม่เกิน 20 นาที” พี่บอกพร้อมกับแต่งตัว
เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้วที่จิรเมธต้องออกไปวิ่งเป็นเพื่อนครองขวัญ และทุกเช้าก็จะนั่งทานอาหารด้วยกัน เช่นวันนี้ ที่โต๊ะอาหารนั่งกันอยู่ 3 คน เดชานั่งหัวโต๊ะ จิรเมธกับครองขวัญก็นั่งฝั่งตรงข้ามกัน การทานอาหารในทุก ๆ เช้าก็จะมีบรรยากาศที่น่าอึดอัดอยู่บ้าง
เนื่องจากครองขวัญจะไม่ยอมพูดจา แม้จะออกไปวิ่งกับจิรเมธทุกเช้า และหลังเลิกเรียนจิรเมธก็จะไปรับอยู่ทุกวัน แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของครองขวัญได้เลย
แม้ว่าช่วงนี้ครองขวัญจะไม่พูดว่าเกลียดจิรเมธแล้วก็ตาม แต่ใครจะรู้ ว่าการที่ครองขวัญยอมเป็นเด็กดีและไม่ทำหงุดหงิดใส่จิรเมธ ก็เพราะเธอมีสิ่งที่ต้องการขอจากพ่ออยู่
“คุณพ่อคะ” ครองขวัญเริ่มเปิดประเด็น
“หืม! มีอะไรหรือเปล่า?” เดชายิ้มให้ลูกสาว
“เรื่องที่หนูพูดกับคุณพ่อเมื่อวาน-” ครองขวัญเริ่มเอ่ย
“ของขวัญ! พ่อว่าเราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะ” เดชาทำหน้านิ่ง
“แต่คุณพ่อบอกว่า หากหนูทำตัวดี ๆ คุณพ่อจะทำตามที่หนูขอไงคะ” เธอเริ่มโวยวาย
“แต่เรื่องนี้ไม่ได้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเถอะ” เดชาเอ่ยพร้อมกับหยิบผ้ามาเช็ดปาก
“คุณพ่อง่ะ! คุณพ่อใจร้าย ไม่ทำตามที่พูด” เธอโวยวายเสียงดัง พร้อมกับร้องไห้
“อย่ามาทำนิสัยก้าวร้าวกับพ่อแบบนี้นะของขวัญ!” เดชาดุลูกสาว “เกรงใจพี่เมฆบ้างสิ พี่เมฆเป็นว่าที่สามีของลูกนะ”
“สามีอะไร? เขาไม่ใช่สามีหนู! ถึงแม้ว่าสองสัปดาห์นี้หนูจะไม่หงุดหงิดใส่เขา ไม่พูดว่าเกลียดเขา ไม่ด่าเขาว่าเป็นสุนัข และยอมให้เขาไปรับหนูที่โรงเรียน แต่นี่ก็ไม่ใช่เพราะว่าหนูหายเกลียดเขาแล้ว เป็นเพราะหนูอยากให้คุณพ่อทำตามคำขอของหนูเท่านั้น แต่คุณพ่อก็ไม่ทำตามที่หนูขอ” เธอร้องไห้อย่างเสียใจ
“ถ้าพ่อรู้ว่าลูกจะขอเรื่องนี้ พ่อก็คงบอกลูกไปตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าพ่อไม่ตกลง” เรื่องนี้ยังไงก็ยอมให้ไม่ได้
ครองขวัญอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ ทุกครั้งที่เธอต้องการอะไรคุณพ่อก็จะยอมให้เธอทุกอย่าง ตั้งแต่ที่จิรเมธกลับมาจากต่างประเทศนี่แหละ คุณพ่อก็ไม่ยอมทำตามคำขอของเธออีกแล้ว คุณพ่อทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง?
“นี่คือสิ่งที่พ่อบอกว่ารักหนูเหรอ? พ่อบอกว่าหนูคือคนที่พ่อรักที่สุดในชีวิตไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไม? คุณพ่อถึงยกหนูให้กับคนที่หนูเกลียดมากขนาดนี้ด้วย หนูเป็นลูกของพ่อหรือว่าเขาเป็นลูกของพ่อกันแน่” เธอชี้ไปที่จิรเมธ “คุณพ่อไม่แคร์ความรู้สึกของหนูเลยสักนิด เขาเป็นแค่เด็กที่คุณพ่อเก็บมาเลี้ยง แล้วยังจะได้แต่งงานกับหนูคนที่คุณพ่อบอกว่าสำคัญกับชีวิตของคุณพ่ออีก คุณพ่อยกสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของคุณพ่อให้เขา แล้วหนูล่ะ หนูคือคนที่คุณพ่อบอกว่ารักมากและสำคัญมาก แล้วหนูได้อะไร? ได้คนที่หนูเกลียดเหรอ?”
ครองขวัญรู้สึกเสียใจจริง ๆ เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของพ่อแท้ ๆ แต่เธอไม่สามารถเลือกอะไรได้เลย ช่วงสองสัปดาห์มานี้ เธออุตส่าห์ปฏิบัติตัวดีต่อจิรเมธเพื่อแลกกับคำขอ 1 อย่างจากพ่อ แต่พ่อของเธอกลับปฏิเสธ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเกลียดจิรเมธขึ้นไปอีก
“หนูเกลียดคุณพ่อ! เกลียดเขา! เกลียดทุกคนเลย เกลียด! เกลียด! เกลียด!” ครองขวัญพูดอย่างโมโหและวิ่งหนีขึ้นห้องไป