บทที่ 5 ยกเลิกงานหมั้น
หลายสัปดาห์ต่อมา
วันนี้ครองขวัญนอนตื่นสาย เพราะมันเป็นวันเสาร์ ดังนั้นเธอจึงอยากนอนบนเตียงทั้งวัน แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูห้องนอน ตอนแรกเธอก็ไม่อยากสนใจ แต่เมื่อเสียงเคาะประตูยังคงดังต่อเนื่อง หญิงสาวจึงจำใจต้องลุกไปเปิดประตู
“อรุณสวัสดิ์ค่ะสาวน้อย” ธิดาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เธอเป็นสาวใช้คนสนิทของครองขวัญ ซึ่งมีอายุ 25 ปี
“โธ่ พี่ธิดา! หนูขอนอนต่อไม่ได้เหรอคะ วันนี้วันเสาร์นี่คะ” หญิงสาวทำหน้าตาน่ารัก
ธิดาหัวเราะ กับท่าทางน่ารักของหญิงสาว “นอนไม่ได้แล้วค่ะ คุณเมฆและนักออกแบบมารออยู่ข้างล่างแล้ว น้องของขวัญต้องลงไปคุยเรื่องรูปแบบและรายละเอียดของงานหมั้นนะคะ” ธิดาอธิบาย
ครองขวัญตาเบิกกว้างและรีบวิ่งไปที่ระเบียง เธอมองลงไปชั้นล่างก็เห็นจิรเมธนั่งอยู่กับผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งที่อายุประมาณ 25 ปี ทั้งสองพูดและยิ้มให้กันอย่างสนิทสนม ครองขวัญวิ่งกลับเข้าไปในห้องแล้วซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง
‘พูดจาสนิทสนมกันขนาดนั้น คงจะชอบเธอล่ะสิ แล้วจะยอมรับปากมาหมั้นกับฉันอีกทำไม พูดคุยสนิทสนมกันขนาดนั้น คงจะรู้จักกันมานานแล้วสิท่า ไอ้เมฆคนโง่! ไอ้คนบ้า!’ ยัยน้องบ่นอย่างหงุดหงิด
“น้องของขวัญ ลุกขึ้นแต่งตัวได้แล้วค่ะ คุณนานาอยู่ได้ไม่นานนะคะ” ธิดาพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
ครองขวัญเอาหมอนมาปิดหูไว้ “หนูไม่สนใจ หนูไม่อยากหมั้นกับไอ้สุนัขพิบูลเจ้าชู้คนนั้น” เธอตอบอย่างเจ็บใจ
“คุณ….” ธิดากำลังจะพูด ก็เห็นจิรเมธเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับใช้มือโบกให้เธอออกไปก่อนแล้วไม่ต้องพูดอะไร ธิดาจึงเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม
ธิดาเชียร์สุดใจ หวังว่าจิรเมธจะกำราบครองขวัญได้ ธิดาโตมากับบ้านหลังนี้ตั้งแต่เด็ก เธอกับจิรเมธยังเคยเล่นด้วยกันสมัยเป็นเด็กอีกด้วย ดังนั้นทั้งครองขวัญ ธิดาและจิรเมธก็สนิทสนมกันมานาน
จิรเมธปิดประตูหลังจากที่ธิดาออกไปแล้ว เขาเดินไปนั่งตรงขอบเตียงของน้องโดยที่ไม่พูดไม่จา ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเข้ามาภายในห้องนี้สักหน่อย เขาเคยเข้ามาจนนับครั้งไม่ถ้วนด้วยซ้ำ เพราะตอนที่ครองขวัญยังเด็ก เธอมักจะชอบเล่นกับเขา แถมยังตัวติดกันอีกด้วย
เวลาเล่นด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ในห้องนั่งเล่นหรืออยู่ภายในสวนหน้าบ้าน ครองขวัญชอบนอนหนุนตักเขาและหลับไป จิรเมธจึงต้องเป็นคนที่อุ้มเธอขึ้นมานอนบนห้องทุกครั้ง
เมื่อรู้สึกว่าเตียงนั้นยุบตัวลง ครองขวัญก็เอ่ยขึ้นโดยที่ยังซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม “ทำไมพี่ถึงยังไม่ออกไปอีกล่ะ หนูบอกแล้วไงว่าหนูไม่ลงไป หนูไม่อยากหมั้น หนูจะนอนแล้ว” ว่าแล้วก็พลิกตัวนอนหงาย เพื่อจะได้นอนดี ๆ
ครองขวัญกำลังนอนหงายก็เห็นใบหน้าของจิรเมธที่จ้องมองเธออยู่ “นี่..นาย….” เธอตกใจและขยับตัวหนี
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ ของขวัญ” เขากระแอมในลำคอ เขาพบเจอปัญหาในการทำธุรกิจก็มากมาย แต่เขาไม่เคยประหม่าแบบนี้เลย แม้แต่เรื่องงานที่บริษัทรวมถึงพนักงานหลายพันคนด้วย เขาสามารถจัดการได้หมด แต่สำหรับผู้หญิงตรงหน้าเขาคนนี้ เขาไม่รู้จะจัดการยังไงจริง ๆ
ยัยน้องขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกไป “ใช่ เราต้องคุยกัน” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความขมขื่นเล็กน้อย จนจิรเมธสัมผัสได้
“งั้นพี่ให้เธอพูดก่อน” เขาอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะพูดอะไร
“ยกเลิกงานหมั้นเถอะ ฉันไม่อยากหมั้นกับนาย ฉันควรจะได้หมั้นและแต่งงานกับคนที่รักฉันสิ ผู้ชายคนนั้นต้องไม่เจ้าชู้ อีกอย่าง ฉันไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ไม่ได้รักฉันและฉันก็ไม่ได้-” ยัยน้องรีบหุบปากทันทีเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป
ครองขวัญทำหน้าเลิ่กลั่กและหันหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนแววตาของเธอ จิรเมธก็ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าคำพูดที่หายไปนั้นคืออะไร เขาลุกขึ้นและเดินไปทางประตู ในเมื่อน้องไม่อยากหมั้นและแต่งงานกับเขามากขนาดนั้น เขาก็จะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เขาจะไปคุยกับเดชาเรื่องยกเลิกงานหมั้นเอง
“ช่างมันเถอะ ฉันรู้ว่านายไม่อยากขัดคำสั่งหรือคำขอร้องของคุณพ่อได้ แต่ทั้ง ๆ ที่นายก็รู้ว่าฉันเป็นว่าที่คู่หมั้นของนาย นาย..” ยัยน้องหยุดพูด
จิรเมธหยุดเดินและยืนอยู่ที่ประตู เขาหันมามองหน้าน้อง “ยังไง พี่ทำอะไร?” เขารอคำตอบที่หายไป เขาอยากรู้เหมือนกันว่าเขาทำอะไรผิด
“นายก็ไม่ควรเจ้าชู้และทำตัวสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นให้มากสิ” น้องทำหน้ามุ่ยและพูดเสียงเบา
แม้ว่าเสียงนั้นจะเบามาก แต่พี่ก็ได้ยินอย่างชัดเจน เขายิ้ม เพราะคิดว่าน้องคงไม่พอใจที่เห็นเขาไปคุยอย่างสนิทสนมกับนานาเมื่อครู่นี้ ตอนที่เขาคุยกับนานาอยู่ชั้นล่าง หางตาของเขาได้เห็นว่าบนชั้นสองมีคนมองเขาอยู่
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามอง ก็เห็นเพียงด้านหลังของน้องเสียแล้ว เขาจึงต้องขึ้นมาตามเธอลงไปพูดกับดีไซเนอร์เรื่องรูปแบบงานหมั้นเอง ไม่คิดว่าตอนที่เดินขึ้นมา จะได้ยินน้องพูดกับธิดาว่าไม่อยากหมั้นกับเขา
เมื่อเห็นพี่ยิ้ม น้องก็ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ “ยิ้มทำไม? มันตลกมากนักเหรอ?” เธอโมโหแทบตาย แต่เขากับยิ้มออกมาได้
“พี่แค่ไม่คิดว่าเธอจึงหึงพี่” เขาตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม
ครองขวัญแก้มแดงและดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำนี้ “ใครบอกว่าฉันหึงนาย ฉันแค่ไม่อยากให้นายมาทำให้ฉันต้องอับอายเท่านั้น อย่ามาพูดมั่ว ๆ นะ” ยัยน้องกอดอกอย่างอารมณ์ไม่ดี “ไอ้คนเจ้าชู้” เธอพูดเบา ๆ
“หึ!” จิรเมธเหมือนได้ยินบางอย่าง แม้ว่าเสียงนั้นจะเบา แต่เขาก็ได้ยินชัดเจน “พี่พึ่งรู้ตัวนะว่าพี่เป็นคนเจ้าชู้”
“พึ่งรู้ตัวหรือไง สายตาเจ้าชู้ออกขนาดนั้น” เธอพึมพำ ก่อนจะจ้องหน้าเขา “ทำไมไม่รีบลงไปหาผู้หญิงคนนั้นล่ะ ปล่อยให้เธอนั่งรอนาน ๆ แบบนั้น ถ้าเธอหนีกลับไปก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน” พูดอย่างไม่พอใจ
“ลุกขึ้นอาบน้ำและแต่งตัวได้แล้ว พี่จะลงไปรอข้างล่าง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย ‘หึงพี่ล่ะสิ’ เขาคิดในใจ
“ไม่! ฉันไม่ลงไป นายอยากทำอะไรก็ทำเองไปเลย ฉันไม่สนใจ” ยัยน้องซุกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มอีกครั้ง
จิรเมธดึงผ้าห่มของเธอออกและอุ้มเธอไปหน้าห้องน้ำ “อย่าดื้อ คุณนานาเป็นแค่ดีไซเนอร์ที่จะมาออกแบบงานหมั้นของเราเท่านั้น พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย” เขายิ้มและพูดอย่างอ่อนโยน
“คิดหรือไม่คิดแล้วจะมาบอกฉันทำไม ไม่ได้อยากรู้เสียหน่อย” เธอทำหน้างอนและยืนหันหลังให้เขา
“จะอาบน้ำเองหรือให้พี่อาบให้” เขาพูดพร้อมกับพับแขนเสื้อขึ้น
“ไม่-ไม่ต้อง! ฉันจะอาบเอง” ยัยน้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตู