ตอนที่ 3 ข้าคือผู้มีคุณ1
บนพื้นดิน เงาคนสูงใหญ่วิ่งกรูเข้ามาจนดำทะมึน พลันหยุดยืนถมึงทึงอึ้งงันกันถ้วนหน้า
เลือดลมร้อนรุ่มทั่วตัวเพราะกำลังสู้ศึกพลันฉีดพุ่งลงต่ำไปที่จุดเดียวคือส่วนล่างกลางกายส่งผลให้แขนขาชาหนึบ แต่ส่วนนั้นกลับตื่นผงาดแข็งกร้าวแทน สาเหตุเพราะจู่ๆ พลันปรากฏหญิงสาวเรือนร่างเปลือยเปล่าให้ได้ยลเต็มตา
ภายใต้ความฮึกเหิม แววตาของพวกเขาทอประกายราวกับมีดวงไฟพร่างพราย มันเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ความปรารถนาตามอารมณ์เพศฉายชัดไร้ขีดจำกัด
กลางม่านฝุ่นกระจายคลุ้ง กลางกลุ่มคนที่รุมล้อม นางผู้นี้เผยทรวดทรงองเอวอันงดงามเย้ายวนเหนือสามัญ ผิวอันนวลเนียนที่ขาวจัดยิ่งกว่าหิมะนั้นทำคนมิอาจละสายตา ทว่าท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้มีหรือเหล่าบุรุษจะหลงกล คงเป็นแผนการอันเหนือชั้นของยมราชหวงหมิงอีกนั่นแล
คนผู้หนึ่งเผยท่าทางอำมหิตกว่าผู้ใดคำรามก้องว่า “ฆ่าคนก่อนค่อยจับนางไปบำเรอกามในคุกมืด!”
“เฮ...” เสียงกู่ร้องยินดีหมายมาดเสพสมดังขั้นทันที
ไม่มีหรอกความปราณี สำหรับบุรุษใจชั่วหยาบช้า สตรีมีไว้ปลดเปลื้องเท่านั้น
ทั้งดาบคมกริบ ประกายอันเย็นเยียบของหอกทวนพลันเคลื่อนขบวนกรีฑาเข้าหาเล่ออันอย่างอึกทึกครึกโครม
สาวน้อยเบิกตาจนกลมโต นางมิได้ตกใจคมอาวุธ แต่กำลังแตกตื่นกับสภาพเปลือยเปล่าของตนจนอับอาย
ภายใต้สภาวะกระอักกระอ่วนนี้พลังปราณสายหนึ่งถูกปลดปล่อยอย่างมิทันยั้งคิด
แสงสว่างวาบราวฟ้าฟาดผุดจากร่างงามในพริบตา ก่อกำเนิดพลังทำลายล้างสายหนึ่งเพียงชั่วแล่น
เสี้ยวเวลานั้น เมื่อเล่ออันลืมตาขึ้นมาอีกครา พบว่าเหล่าบุรุษตัวโตล้มระเนระนาดกลายเป็นศพกระจายเกลื่อน เลือดสดๆ ไม่มีสักหยด พวกเขาตายอย่างสงบศพสมบูรณ์
อา...หมดกัน
แต่... เอ๊ะ! ช้าก่อน!
สาวน้อยเร่งตรวจสอบพลังตบะที่เพียรบำเพ็ญมาของตนเองพลันให้รู้สึกตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่
เนื่องจากคาดไม่ถึงว่าถูกลงทัณฑ์ให้ตกจากสวรรค์ ลงมาพื้นพิภพแท้ๆ พลังที่ควรหายไปสิ้นกลับมีมากล้น ความทรงจำของคนหนึ่งยังคงอยู่ครบถ้วนไม่จางหาย
แน่นอนว่าภูตตัวเล็กๆ ตนหนึ่งถูกสาปให้กลายเป็นคนธรรมดา พลังตบะแก่กล้าทั้งหมดย่อมหายไป หากแต่นอกจากไม่หายกลับยังคงอยู่ครบถ้วน
ปราณเซียนที่ไม่เคยมี กลับมีติดตัวมาอย่างมากมาย
เพราะดอกบัวที่นางกัดไปคำนั้น ผนวกกับพระสนมเอาแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
ส่งผลให้การลงทัณฑ์ไม่สมบูรณ์เป็นแน่แท้
นี่คือความผิดพลาดขนานใหญ่!
เฮ้อ...เล่ออันถอนหายใจอย่างปลดปลง
พลั้งมือฆ่าคนเช่นนี้เมื่อใดจะพ้นโทษโดยง่ายเล่า?
วิมาณเมฆเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าคงต้องรอข้านานยิ่งแล้ว
เฮ้อ...ถอนหายใจอย่างหนักอกอีกครั้งก็เงยหน้าขึ้น ค่อยๆ กวาดตามองรอบกายอย่างหวาดหวั่น
นางจะอยู่อย่างไรกัน
ทันใดนั้น เล่ออันก็เห็นบุรุษตัวใหญ่นั่งอยู่อีกคน
“...!?” เล่ออันเบิกตาจนกลมโตอีกครั้งขณะเอี้ยวตัวเอียงหน้ามองชายปริศนาอย่างอึ้งงัน
ด้านหน้าของนางเผยเนินอกกลมกลึงที่ขาวผุดผาด ด้านหลังย่อมเป็นแผ่นหลังนวลเนียนเอวคอดสะโพกผายและบั้นท้ายกลมกลึงอันงามงอนบาดตา
สาวน้อยกรีดร้องในลำคออย่างตกใจอีกคำรบ ทำท่าจะปล่อยพลังชั่วแล่นอีกครั้ง กลับได้ยินเสียงสบถอันทุ้มต่ำ
“บัดซบ!”
ตามด้วยเสื้อคลุมสีดำลอยพรึบ ปิดบังร่างงามมิดชิดทุกสัดส่วน เพราะหากช้ากว่านี้เพียงเสี้ยวลมหายใจอาจมีใครตายเพิ่ม
เล่ออันขยับศีรษะขยุกขยิกครู่หนึ่งจึงโผล่หน้าเผยดวงตาพ้นเสื้อคลุมนั้น
เอียงหน้ากะพริบตาปริบๆ เห็นบุรุษหนุ่มตัวโตผู้หนึ่งนั่งนิ่งมิไหวติงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ท่าทางของเขาทระนงองอาจ เปลือยกายคล้ายกัน ต่างกันแค่เขามีกางเกงแต่นางไม่มี
ชายผู้นี้มีบาดแผลทั่วร่าง เลือดแดงฉานเกรอะกรังไปทั้งใบหน้า
ภายใต้ความคมคายนั้นเห็นเพียงแววตาเย็นชาดุดัน ทั่วตัวแผ่ซ่านกลิ่นอายมรณะ กระไอสังหารเข้มข้นยิ่ง
ไร้ความหื่นกระหาย ปราศจากความเสน่หาใดต่อเรือนร่างอันยั่วยวนนี้ มีเพียงความสุขุมเยือกเย็นฉายชัด ดวงตาคมกริบดำจัดของเขาไม่เหมือนกลุ่มบุรุษเมื่อครู่
อีกทั้งจู่ๆ ยังตำหนินางเสียงขรึมว่า “ไม่อยากให้มอง ไฉนต้องแก้ผ้ามาขนาดนี้”
“...!?”
หวงหมิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ใช้ฝ่ามือยันต้นไม้ ค่อยๆ พยุงร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามลุกขึ้นยืนอย่างอิดโรย เอ็ดนางเสียงเคร่งเครียดอีกว่า “คลุมเสื้อให้เรียบร้อย”
เล่ออันรีบกระชับเสื้อคลุมทันที ผูกสายที่คอทันใด
อ๊ะ! หายใจไม่ออก รัดแน่นไปหน่อย
ภูตสาวตัวน้อยคลายสายรัดแล้วผูกใหม่อย่างลนลาน เขาน่ากลัวยิ่ง
บุรุษผู้นั้นเดินหันหลัง จากไปอย่างไม่ไยดี เห็นชัดว่ากำลังบาดเจ็บสาหัส แต่กลับยังคงความน่ายำเกรง
สง่างามปานนั้น
มิรู้เช่นกันว่าสิ่งใดดลใจ เล่ออันรีบวิ่งตามโดยไม่คิด
“เดี๋ยวก่อนท่าน พาข้าไปด้วย”
ช่วยมิได้ที่นางไม่รู้จักทั้งผู้คนและสถานที่ มนุษย์ผู้นี้นับเป็นผู้รู้ช่วยชี้ทางกระจ่างยามต้องอาศัยอยู่ในโลกนี้แล้ว