ตอนที่ 3 ข้าคือผู้มีคุณ2
“อย่าเพิ่งไป หยุดก่อน รอข้าด้วย”
ฝ่าเท้าเล็กที่เปลือยเปล่าเร่งก้าวพลิ้วไหวตามไปติดๆ พลางส่งเสียงหวานล้ำออดอ้อนว่า “ท่านมนุษย์ผู้งดงาม”
หวงหมิงก้มหยิบดาบจากศพทหารต้าไห่ผู้หนึ่งขึ้นมา
ดาบคมกริบถูกตวัดฉับพาดลำคอระหงในพริบตา เล่ออันเงียบกริบทันที
“หยุดเท้าเจ้าเสีย อย่าแม้แต่จะคิดติดตามข้า” สีหน้าบุรุษเย็นชานัยน์ตาแข็งกร้าวดุดันยามขยับดาบในมือจนแทบกรีดเนื้อเนียนที่ลำคอขาว อันใดคือมนุษย์ผู้งดงาม
เล่ออันกะพริบตาจนแพขนตายาวงอนกะเพื่อมไหว เขาช่างน่าเกรงขามชวนหวาดหวั่นเหลือเกิน
แม้ถูกขับไล่ไสส่งอย่างเลือดเย็นกลัวจนตัวสั่นแล้ว แต่กลับมองบาดแผลทั่วตัวของเขา ลอบสำรวจอย่างใจกล้า ทั้งที่เขาบาดเจ็บมีบาดแผลจนแทบไม่มีแรงยืนแต่ทำไมยังดูน่าครั่นคร้ามจนขนลุกชันปานนี้กันหนอ
สาวน้อยนิ่วหน้าทำจมูกฟุดฟิดลอบสูดกลิ่นอายบุรุษ เอ๊ะ! หรือเขาจะเป็นเทพเฮยอู่ฉาง กลับชาติมาเกิด
เล่ออันให้รู้สึกเสมือนเจอสหายจากต่างแดนผู้มีชะตาบัดซบพอกัน จากนั้นก็ไล่สำรวจตัวเขาโดยละเอียดอีกครา พบว่าที่ข้อมือข้อเท้ามีโซ่ตรวนเหล็กเส้นใหญ่ยึดตรึงเอาไว้
โอ้! ช่างเป็นเทพนรกที่น่าสงสาร อาภัพอะไรเช่นนี้
ด่านเคราะห์ท่านช่างสาหัสยิ่งนัก โลกมนุษย์คงอยู่ยากเหลือเกินกระมัง
แสงนวลตาสายหนึ่งพลันเปล่งประกายจากร่างนาง โซ่ตรวนเหล็กไหลที่พันธนาการชายหนุ่มไว้พลันอันตรธาน
มันหลอมละลายแล้วจางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนไม่เคยมีมาก่อน
เล่ออันไม่มีหรอกพลังแห่งการรักษาเยียวยา ทว่าพลังทำลายล้างน่ะพอไหว อย่างเช่นทำลายโซ่เหล็กนี่ปะไร
“ข้าช่วยท่าน นับเป็นผู้มีพระคุณ จงทดแทนเถิด” หญิงสาววาดริมฝีปากยกโค้งเกิดเป็นรอยยิ้มหวานอันยั่วยวน หมายล่อลวงคนให้ตกบ่วงจากการมัดมือชกนี้
“เจ้าไม่ใช่มนุษย์ เราสองมิอาจร่วมทาง”
“หะ!” เล่ออันชะงัก “ท่านรู้ได้อย่างไร?”
และทั้งที่รู้แต่กลับไม่เผยอาการหวาดกลัวด้วย
เล่ออันให้รู้สึกอึ้งและทึ่งเป็นที่สุด แววตาฉายชัดถึงความฉงนอย่างคนคาดไม่ถึง
แม้นางจะสงสัยว่าเขาคือยมทูตกลับชาติมาเกิดแต่มองอย่างไร ยามนี้เขาแค่มนุษย์คนหนึ่งแท้ๆ นี่นา
บุรุษหรี่ตามองนิ่ง เก็บดาบเข้าฝัก หันหลังเดินต่อ
“หากตามมาอีกก้าว ข้าจะจับปีศาจเช่นเจ้าเผาไฟ”
“...!?”
เขาช่าง...
กล้าหาญ...
เหมาะแก่การเป็นทาสนางยิ่ง!
เล่ออันเพิ่งค้นพบทางรอดในการใช้ชีวิตในโลกมนุษย์มีหรือจะปล่อยไป
“ท่านฟัง ข้าขอย้ำอีกครั้ง” นางเน้นเสียงทีละคำ “ข้าคือผู้มีพระคุณของท่าน”
ท่าทางหญิงสาวหยิ่งยโส วางตัวราวกับผู้สูงส่ง
ชายหนุ่มเลิกคิ้วคราหนึ่ง หางตาชำเลืองร่างนางที่แสนจะเย้ายวนอย่างมิให้ค่าก่อนเอ่ยเสียงเย็น
“ข้ามิได้ร้องขอ” จบคำก็จากไปอย่างเย็นชา
แต่ก่อนจากไปยังจับศพทหารผู้หนึ่งพลิกไปพลิกมาเปลื้องผ้าด้านนอกของศพนั้นทิ้งก่อนถอดชุดด้านในออกแล้วนำมาสวมใส่ตัวเองอย่างรวดเร็ว ปลอมตัวเป็นชาวต้าไห่อย่างแนบเนียน ยังล้วงหาของมีค่าและเงินจากศพด้วย
เล่ออันมองการกระทำของร่างสูงอย่างตั้งใจ จากนั้นก็ทำตาม จับศพทหารพลิกซ้ายขวาเปลื้องผ้าของศพแล้วนำขึ้นมามองใกล้ๆ จังหวะหายใจจึงสูดจมูกดม สกปรกยิ่ง
“เหม็นที่สุด ข้าใส่ไม่ได้”
บุรุษชะงัก ปรายตามองนิ่ง ผุดยิ้มเหยียดมุมปากอย่างชั่วร้าย “ไม่ใส่ก็แก้ผ้าเช่นเดิม”
เล่ออันตาโต ก้มมองเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของตนที่มีแค่เสื้อคลุมสวมไว้หมิ่นเหม่ เห็นเนินเนื้อขาวเนียนรำไร เนินอกกะเพื่อมไหววับแวม
“ใส่ก็ได้”
สาวน้อยกลั้นใจสวม หลวมมาก แต่พอไหว
พอเสร็จสรรพก็ล้วงหาสิ่งที่มีลักษณะเหมือนอีกฝ่ายเลือกที่มีสีเงินสีทองสะท้อนแสงตะวันวิบวับมายัดใส่อกเสื้อ หากคิดไม่ผิดย่อมเป็นเงินทองของมีค่าแน่นอน
ครั้นเงยหน้าขึ้น พบว่าบุรุษผู้นั้นเดินไปไกลลิบ
เจ็บหนักขนาดนั้นไฉนเดินเร็วนักเล่า!
เห็นชัดว่าต้องการหนีห่างนาง เขาไม่ต้องการให้นางตามติดสักนิด
เล่ออันเม้มปากเบิกตามองตามอย่างอึ้งงัน
หลังจากตั้งสติได้ก็แอบวิ่งตามอย่างคนหน้าหนา เขาเลี้ยวซ้ายนางไม่คิดเลี้ยวขวา ระยะทางจากป่ารกทึบจนเจอเมืองเล็กๆ จากชายแดนต้าไห่จนลอบเข้าเมืองหน้าด่าน
เขาดูช่ำชองมาก แม้บาดเจ็บแต่ก็ไม่ได้พึ่งพาใคร ขนาดนางแข็งแรงยิ่ง ย่อมช่วยเขาได้ แต่เขากลับมิใส่ใจ
นอกจากมิให้เล่ออันช่วยเหลืออันใด ยังคล้ายกลายเป็นที่พึ่งพิงให้นางด้วยโดยไม่รู้ตัว
เพราะเล่ออันเพิ่งมาโลกมนุษย์ยังทำตัวไม่ถูก ดังนั้น ตอนที่ชายหนุ่มทำสิ่งใดเล่ออันก็ทำตามทุกสิ่งและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ตอนเขานำเงินซื้อเสื้อผ้าชาวบ้านมาเปลี่ยน เล่ออันก็ทำตามอย่างดีเยี่ยม กระทั่งตัวนางกลมกลืนกับผู้คน ไม่ผิดแผกแตกต่างจนอาจเกิดเรื่องมิคาดฝัน กระนั้นเล่ออันกลับเชิดหน้าทวงบุญคุณอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ข้าคือผู้มีคุณของท่าน”
“หุบปากของเจ้าเสีย!” เขาหันกลับมาคำรามขับไล่ทั้งเอามีดสั้นจ่อคออยู่หลายครา
ทว่าท้ายที่สุด ที่โรงเตี้ยมเก่าคร่ำในห้องพักของเขา กลับปรากฏเจ้าของเรือนร่างเย้ายวนชวนหวามไหวนั่งอยู่บนเตียงนอนอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
“ขอข้าอยู่ด้วยนะ ข้าไม่มีที่ไปจริงๆ”
ส่วนเจ้าของห้องเพียงยืนกอดอกมองมาอย่างเย็นชา
“ดื้อด้าน!”