บทที่5 ขึ้นเขา
เมื่อคืนชิงเฉินชวนบิดาขึ้นเขา ช่วงนี้ไม่มีงานในนาให้ทำที่นาของบ้านกู้มีแค่ห้าหมู่บุตรสาวชวนขึ้นเขา บิดาก็เห็นด้วยเผื่อจะได้เสบียงอาหารและสัตว์ป่าที่บ้านจะได้มีเนื้อกิน
*ยามเหม่าชิงเฉินและฟางซินซึ่งนอนห้องเดียวกันได้ตื่นขึ้น ท่านแม่เก็บของที่ห้องเล็กแล้วถ้าชิงเฉินแต่งงานก็จะให้ฟางซินย้ายเข้าห้องเล็กที่ว่างอยู่
โชคดีที่ตอนย้ายมาใหม่ใหม่ท่านปู่นำเงินมาพอที่จะปลูกบ้านหลังใหญ่หลายห้อง ถึงจะเป็นบ้านดินก็ตามแต่มันก็มีหลายห้อง
ท่านปู่สร้างไว้เพื่อให้ลูกหลานจะได้ไม่ต้องต่อเติมใหม่ ท่านปู่ของนางช่างมองการณ์ไกลเหลือเกินชิงเฉินคิดในใจ
เฟยฮุ่ย,ชิงเฉิน,ฟางซิน,บิดาและท่านอารองสะพายตะกร้าคนละใบพร้อมด้วยมีดคนละเล่มเดินทางขึ้นเขา บ้านตระกูลกู้อยู่ติดภูเขาท้ายหมู่บ้านมีแม่น้ำไหลผ่าน ถึงแม้จะไกลกับผู้คนในหมู่บ้าน แต่สะดวกสำหรับคนบ้านกู้ซึ่งไม่ชอบยุ่งกับใครมากนัก
บ่อยครั้งสะใภ้ใหญ่,สะใภ้รองเข้าไปซื้อของในหมู่บ้านซึ่งมีร้านขายของชำที่เป็นญาติกับหัวหน้าหมู่บ้านเปิดอยู่ ร้านนี้มีทุกอย่างที่ใช้ในครัวเรือนคนที่ไม่อยากเดินทางไกลเท่าอำเภอก็จะมาซื้อของที่นี่กัน
ใต้ต้นไทรใกล้ร้านขายของชำมีหญิงชาวบ้านหลายคนนั่งชุมนุมพูดคุยกันอยู่ พอเห็นสองสะใภ้บ้านกู้เดินผ่าน พูดจาแดกดันโดยไม่เอ่ยชื่อ
“หยิ่งจองหองนึกว่าตัวเองเป็นหญิงสูงศักดิ์รึยังไงถึงได้ทำสูงส่งไม่สุงสิงกับใครเชอะ!ก็แค่ชาวบ้านธรรมดาเหมือนพวกเรานี่แหละ“
เสียงหญิงชาวบ้านพูดจาแดกดันพากันหัวเราะคิกคัก สองสะใภ้บ้านกู้ได้ยินทุกคำแต่ทำเป็นไม่ได้ยิน ซื้อของเสร็จรีบเดินกลับบ้านที่ท้ายหมู่บ้านทันที
“นี่พวกเจ้าเบาๆกันหน่อยคนบ้านกู้ไม่เคยมาเกี่ยวข้องทำอะไรให้พวกเจ้าเดือดร้อนทำไมจ้องแต่จะหาเรื่องพวกเขา ระวังข้าจะบอกสามีพวกเจ้าว่าปากพวกเจ้าว่างมากหางานให้ทำมากหน่อย”
หญิงอ้วนเจ้าของร้านร้านขายของชำเอ่ยขึ้นเสียงดัง หญิงชาวบ้านทำปากขมุบขมิบแต่ไม่กล้าเก่งเจ้าของร้านร้านขายของชำ เพราะกลัวอำนาจของหัวหน้าหมู่บ้านที่เป็นญาติกัน
สองสะใภ้นำเรื่องที่ชาวบ้านนินทาพูดจาแดกดันมาเล่าให้คนที่บ้านฟัง ซึ่งหัวหน้าหัวหน้าตระกูลก็กล่าวว่า
“คนส่วนน้อยแหละที่หาเรื่องพวกเรา ชาวบ้านในหมู่บ้านหวังส่วนมากเป็นคนดี ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน อะไรที่มันร้ายแรงเราจะปล่อยผ่าน แต่ถ้ามารังแกกันมากเกินไปเราจะตอบโต้ คนบ้านกูไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมันที่ใครๆจะมารังแกได้”
ทางด้านชิงเฉินเมื่อขึ้นมาบนภูเขาพากันเดินมาเรื่อยๆ เป็นเวลาสองชั่วยาม
“เอาล่ะถึงแล้วหยุดพักกันซักครู่แยกย้ายกันหาเสบียงอาหารแล้วมาเจอกันที่ต้นไทรต้นนี้ ห้ามเดินเข้าไปลึกกว่านี้ไม่งั้นจะหลงเข้าไปในป่าชั้นใน“ ท่านพ่อสั่งกำชับ
ป่าชั้นในอันตรายมากท่านพ่อกลัวปกป้องทุกคนไม่ได้จึงต้องกำชับ ท่านพ่อนำมีดมากรีดกากบาทไว้ที่ต้นไม้อีกสองชั่วยามให้มารวมตัวกันที่ต้นไทรต้นนี้
ชิงเฉิน,ฟางซิน,เฟยฮุยรวมตัวอยู่ด้วยกัน ท่านพ่อกับอารองไปทำกับดักสัตว์คืนนี้ที่บ้านจะได้มีเนื้อกินกัน
ชิงเฉินเดินมองรอบๆบริเวณป่านางพบต้นล่าเจียว(พริก)จำนวนมาก นางรีบเก็บใส่ถุงผ้าที่มารดาตัดเย็บให้จากเสื้อตัวเก่าเมื่อคืน
ฟางซินเดินเข้ามามองแล้วถามว่า “พี่ใหญ่ท่านเก็บอะไร“
“นี่คือต้นล่าเจียวนำไปทำกับข้าวอร่อยมาก แต่เวลาสัมผัสถ้าไม่ล้างมือให้ดีจะปวดแสบปวดร้อน”
ฟางซินพยักหน้าแสดงออกว่ารับรู้แล้ว ฟางซินและเฟยฮุยพากันเก็บเห็ดที่กินได้ มันขึ้นตามขอนไม้เยอะมาก ฟางซินนางรู้ว่าเห็ดชนิดไหนกินได้ชนิดไหนกินไม่ได้ แต่ชิงเฉินไม่รู้นางไม่ชอบกินผักเห็ดนางยิ่งไม่ชอบ
ชิงเฉินเด็ดซ้วนโถว(กระเทียม)ที่ขึ้นแถวบริเวณใกล้ๆเสร็จแล้วก็มองหาใบกระเพราแต่นางหาไม่เจอนางอยากกินผัดกระเพราไม่มีใบกะเพรามีพริกมีกระเทียมก็ดีมากแล้ว
ชิงเฉินชวนฟางซิน,เฟยฮุยไปล้างมือตอนนี้นางเริ่มแสบร้อนมือ ทั้งสามเดินมาทางที่บิดาบอกว่ามีลำธารอยู่พอเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงน้ำ
ไม่นานก็เดินมาถึงลำธารชิงเฉินรีบล้างมือพอล้างมือเสร็จนางก็เห็นปลาเห็นกุ้งแม่น้ำเยอะมาก
นางเอาตะกร้าสะพายหลังมาวางไว้พร้อมทั้งขอเสื้อตัวนอกของเฟยฮุ่ย นำเสื้อมารองในตะกร้ามัดเสื้อปิดรู้กว้างของตะกร้าแล้วนำมาช้อนกุ้ง
นำกุ้งที่ช้อนได้มาใส่ถุงผ้าของฟางซิน ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆได้กุ้งตัวใหญ่ประมาณสี่สิบตัว
นางซักเสื้อคืนน้องรองให้เขานำไปพึ่งกับกิ่งไม้ นำกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่น้ำมากรอกน้ำใสจากลำธารเก็บไว้ให้บิดากับอาลองดื่มแก้กระหาย
สามคนพี่น้องพากันเดินมาจุดนัดพบนัดระหว่างทางเจอผักป่าก็เก็บมาด้วย ตอนนี้ตะกร้าสามใบเต็มแล้ว มีเห็ดหนึ่งตะกร้ามีกุ้งแม่น้ำซึ่งใช้ถุงผ้ารองข้างในไม่ให้รูกว้างสองตะกร้า
นั่งรออยู่ที่ต้นไม้ตรงจุดนัดพบไม่ถึงสองเค่อ บิดากับอาลองก็หาบหมูป่าตัวนึงมา
ซึ่งฉันรีบนำน้ำกรอกปากบิดาให้บิดาดื่มส่วนเฟยฮุยก็นำน้ำกปากบิดาตนเอง พวกเขารู้ว่าบิดาเหนื่อยกระหายน้ำเพราะหมูป่าตัวใหญ่มากมือบิดาไม่ว่างพวกเด็กๆจึงป้อนน้ำให้ซะเลย
“เอาล่ะเรารีบกลับกันเถอะเดี๋ยวสัตว์ใหญ่จะตามกลิ่นเลือดมาทัน“ เฟยหลงกล่าวบอกทุกคน
พวกเขาจึงเร่งเดินทางออกจากป่า กลับถึงบ้านก็เป็นเวลา *ยามเซิน
ท่านปูเห็นหมูป่าจึงมาชำแหละเนื้อหมู ซึ่งฉันกล่าวว่าไส้หมูตับหมูกระเพาะหมูอย่าทิ้งนะเจ้าคะเก็บไว้ก่อน
พูดเสร็จนางก็เดินเข้าห้องนั่งคิดว่าในนิยายนางเอกใช้วิธีอะไรทำไส้หมูให้สะอาดและอร่อยนะ
*ยามเหม่าคือ05.00-07.00น
*ยามเซินคือ15.00-17.00น