บทที่4 เขินอาย
จบคำท่านปู่เทียนหยวนเขินอายก้มหน้างุด ชิงเฉินเหลือบมองแล้วกรอกตามองบนหนุ่มโบราณนี่ขี้อายชะมัดนางหมั่นเขี้ยว…
บ้านกู้ไม่มีกฎแยกชายหญิงทุกคนกินข้าวร่วมกันพูดคุยกันในเวลาอาหารได้
ท่านปู่กินเสร็จแล้วเอ่ยขึ้น
“เทียนหยวนเจ้าไม่ไปสถานศึกษาแล้วรึ“
เทียนหยวนพยักหน้ารับแล้วตอบ
”ขอรับข้าไม่ไปแล้วข้าจะทบทวนตำรากับพี่เฟยอวี่ เอ่อ ! ท่านอาเล็ก และจะไปสอบซิ่วไฉพร้อมท่านอาเล็กด้วยขอรับ”
ก่อนหน้านี้เฟยอวี่ศึกษาอยู่สถานศึกษาในอำเภอ และได้เดินทางไปสอบซิ่วไฉแต่สอบไม่ผ่านเพราะว่าเฟยอวี่ป่วยหนัก เค้าเข้าไปสอบได้เพียง *หนึ่งชั่วยาม
ก็ต้องถูกหามออกมา
ก่อนหน้านี้เขาโดนเพื่อนร่วมสถานศึกษาสาดน้ำเย็นใส่พวกนั้นอิจฉาเฟยอวี่ที่เรียนเก่งทั้งๆที่ฐานะทางบ้านยากจนพวกนั้นจึงเอาน้ำเย็นสาดใส่เพื่อให้เฟยอวี่จะได้ป่วยไปสอบไม่ได้
เฟยอวี่ไม่บอกเรื่องนี้กับใครแล้วฝืนไปสอบทั้งๆที่ป่วย ด้วยร่างกายที่อ่อนแอทำให้เขาสลบไปในขณะที่กำลังทำข้อสอบจึงต้องถูกหามออกมา
ตั้งแต่วันนั้นเฟยอวี่จึงไม่ไปสถานศึกษาอีกเลยอาจารย์มาตามให้เขากลับไปเรียนแล้วค่อยสอบใหม่เขาก็อ้างว่าเค้าป่วยหนักต้องพักฟื้นรักษาร่างกายตามที่หมอสั่งอาจารย์จึงยอมแพ้กลับไป
เฟยอวี่อยู่บ้านใช้วิธีอ่านหนังสือทบทวนข้อสอบที่เคยทำตอนไปสอบซิ่วไฉรอบแรก ค่าเล่าเรียนที่ต้องจ่ายให้สถานศึกษาเปลี่ยนเป็นซื้ออาหารบำรุงร่างกายเฟยอวี่ให้แข็งแรงแทน
ท่านปู่มองหลานเขย ”เทียนหยวนตั้งใจอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนถ้าสอบผ่านบ้านกู้ก็จะมีซิ่วไฉถึงสองคน“
เทียนหยวนพยักหน้ารับ “ขอรับท่านปู่”
รุ่งเช้าท่านปู่ก็นำชื่อเทียนหยวนเข้าแผนผังสกุลกู้ แล้วแจ้งกลับหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อให้หัวหน้าหมู่บ้านนำเรื่องแจ้งที่อำเภออีกที
ท่านปู่จ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาหัวหน้าหมู่บ้านเป็นเงินห้าร้อยอีแปะกับไก่ป่าสองตัว
ทีแรกหัวหน้าหมู่บ้านปฏิเสธแต่ท่านปู่ยืนยันจะให้หัวหน้าหมู่บ้านจึงรับไว้ด้วยความดีใจ ที่ได้เงินแถมมีเนื้อให้หลานหลานกิน เขาจึงรีบไปอำเภอจัดการเรื่องให้บ้านกู้ทันที
ทางด้านบ้านมู่บุตรสาวคนเล็กชื่อมู่ชิงฮวาเอ่ยถาม
“ท่านพ่อท่านยอมให้พี่สามออกจากสกุลมู่ได้อย่างไรเจ้าคะ“ นางร้องไห้พร้อมกอดมารดา
“ปล่อยมันไป” บิดากล่าวด้วยความเรียบเฉยแต่ในใจร่ำไห้เขามีบุตรชายสามคนบุตรสาวหนึ่งคน
คนโตไปเป็นนายอำเภอที่อำเภอจินชาง คนที่สองทำการค้าดูแลกิจการครอบครัวร้านค้าที่บุตรคนรองดูแลมีกำไรมากมาย คนที่สามก็คือเทียนหยวนซึ่งตอนนี้ออกจากสกุลมู่ไปแล้ว
คนที่สี่คือมู่ชิงฮวาบุตรสาวหน้าตางดงามอุปนิสัยเรียบร้อยเป็นเด็กดี ตอนนี้หมั้นหมายกับบุตรชายเจ้าเมืองอีกสองปีก็จะแต่งออกไป
เมื่อคิดถึงบุตรชายคนที่สามเศรษฐีมู่ได้แต่กลั้นน้ำตา ตั้งแต่เล็กบุตรชายถูกเลี้ยงดูโดยท่านปู่จึงสนิทกับปู่มากนิสัยจึงดื้อเหมือนท่านปู่ ถ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้วก็ไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจ
เฮ้อ ! เศรษฐีมู่ถอนหายใจ เขาผู้เป็นบิดาจะไม่รักลูกได้ยังไงแต่ให้เขายอมลงให้เขาก็ทำไม่ได้ตอนนี้เศรษฐีมู่ได้แต่คอยดูชีวิตบุตรชายคนที่สามอยู่ห่างๆแบบห่วงๆ
ริมแม่น้ำหลังเทียนหยวนตักน้ำใส่โอ่งจนเต็มทุกใบ จึงมานั่งพักมองผืนน้ำ เขาคิดถึงบิดามารดา,น้องสาว,พี่ชายแต่ให้เขาแยกจากชิงเฉินเขาก็ทำไม่ได้
ถึงแม้ตั้งแต่ท่านปู่จากไปเขาไม่ได้พบนางอีกเขาก็ไม่เปลี่ยนใจ เขาเชื่อว่าทุกสิ่งที่ท่านท่านปู่เลือกให้ต้องเป็นสิ่งดีที่สุด
“มานั่งทำอะไรตรงนี้คิดอะไรอยู่รึเจ้าคะ“ เสียงใสถามขึ้นพร้อมทั้งจ้องหน้าเขา
เทียนหยวนก้มหน้าลงหลบสายตาร้อนแรงของนาง แล้วเอ่ยตอบ
“ข้านั่งเล่นน่ะกำลังจะเข้าบ้านแล้ว“
”งั้นรึเจ้าคะ” เสียงใสเอ่ยขึ้น
”ข้านึกว่าท่านกำลังคิดว่าเราจะเข้าหอกันวันไหนซะอีก“
คำกล่าวของชิงเฉินทำเอาเทียนหยวนหัวหน้าแดง ในใจคิดว่า สตรีนางนี้ไม่อายบ้างรึไงซ้ำยังมองเขาด้วยสายตาแบบนี้อีกทำเอาเขาไม่กล้าสบตานาง
เห็นเทียนหยวนหน้าแดงนางก็ชอบใจยื่นหน้าไปใกล้ใกล้แก้มเขา เทียนหยวนหลับตาปี๋หัวใจเต้นรัวมีเสียงกระซิบเบาเบาข้างหูเขา
”ท่านพี่อดใจรอสองสามวันนะเจ้าคะท่านปู่ท่านได้ฤกษ์ดีมาแล้ว กำลังจะเตรียมงานแต่งให้เราเจ้าค่ะ”
เทียนหยวนลืมตามองหน้านางแล้วรีบหันไปมองทางอื่นสักพักก็เอ่ยเสียงเบา
“ข้าทราบแล้ว“
ชิงเฉินทนไม่ไหวหัวเราะชอบใจ นางหอมแก้มเทียนหยวนพร้อมดึงมือเขาให้ลุกขึ้น
“กลับเข้าบ้านกันเถอะเจ้าค่ะ”
เทียนหยวนไม่ตอบแต่เดินตามแรงจูงของนางมองมือที่จับมือเขาไม่ปล่อย นึกถึงที่เมื่อกี้ถูกนางหอมแก้มเขาจึงแดงไปทั้งตัว
ชิงเฉินไม่อยากทำให้เขาอายไปมากกว่านี้จึงกลั้นขำ คิดในใจบุรุษโบราณช่างน่าหมั่นเขี้ยวเสียจริง…
*1 ชั่วยามคือ2ชั่วโมง